โครงสร้างการบริหารลูกเสือไทย
โครงสร้างของการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มีปรากฏในพระราชบัญญัติลูกเสือ พ.ศ.2507-2530 และ ข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติ ซึ่งอาจสรุปได้ดังนี้
1). คณะลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วยบรรดาลูกเสือทั้งปวง, ผู้บังคับบัญชาลูกเสือ, ผู้ตรวจการลูกเสือ,กรรมการลูกเสือและเจ้าหน้าที่ลูกเสือ (มาตรา 5)
2). คณะลูกเสือแห่งชาติเป็นนิติบุคคล (มาตรา 6)
3). พระมหากษัตริย์เป็นพระประมุขของคณะลูกเสือแห่งชาติ (มาตรา 8)
4). สภาลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วยนายกรัฐมนตรี เป็นสภานายก รองนายกรัฐมนตรี เป็นอุปนายกรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม, รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย, ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ, ปลัดกระทรวงกลาโหม, ปลัดกระทรวงมหาดไทย,ผู้บัญชาการทหารสูงสุด, ผู้บัญชาการทหารบก, ผู้บัญชาการทหารเรือ, ผู้บัญชาการทหารอากาศ, ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, อธิบดีหรือหัวหน้าส่วนราชการที่มีฐานะเป็นกรมในกระทรวงศึกษาธิการ, อธิบดีกรมการปกครอง, ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมสวัสดิภาพและพิทักษ์เด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส คนพิการ และผู้สูงอายุ, ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร, ผู้ว่าราชการจังหวัดและศึกษาธิการเขต เป็นกรรมการ และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่น้อยกว่าสี่สิบคน แต่ไม่เกินแปดสิบคน ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้ง
ให้อธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการและเลขาธิการฯ, รองอธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการและรองเลขาธิการฯ และผู้อำนวยการกองลูกเสือ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการ
สภาลูกเสือแห่งชาติอาจมีสภานายกกิตติมศักดิ์, อุปนายกกิตติมศักดิ์ และกรรมการกิตติมศักดิ์จะได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และเมื่อพ้นตำแหน่งอาจทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯแต่งตั้งอีกได้ (มาตรา 13)
สภาลูกเสือแห่งชาติมีอำนาจและหน้าที่
ก.วางนโยบายเพื่อความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของคณะลูกเสือแห่งชาติ
ข.พิจารณารายงานประจำปีของคณะลูกเสือแห่งชาติ
ค.ให้คำแนะนำในการปฏิบัติงานของคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ (มาตรา 12) โดยปกติมีการประชุมสภาลูกเสือแห่งชาติปีละ 1 ครั้งในต้นเดือนกรกฎาคมของทุกปี ใช้เวลาประชุมครั้งละ 3-5 วัน
5). คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ประกอบด้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการเป็นประธาน, ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นรองประธาน และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีกไม่เกินยี่สิบคน ซึ่งสภานายกสภาลูกเสือแห่งชาติแต่งตั้งให้อธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการและเลขาธิการฯ, รองอธิบดีกรมพลศึกษาเป็นกรรมการและรองเลขาธิการฯ และผู้อำนวยการกองลูกเสือเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการฯกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ (มาตรา 15)
คณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ มีอำนาจและหน้าที่บริหารกิจการของคณะลูกเสือแห่งชาติ โดยทั่วไปมีรายละเอียดปรากฏในมาตรา 18 ประธานกรรมการาบริหารฯ เป็นผู้กระทำการในนามคณะลูกเสือแห่งชาติและเพื่อการนี้จะมอบหมายให้กรรมการคนหนึ่งคนใดปฏิบัติกิจการเฉพาะอย่างแทนก็ได้
6). สำนักงานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติ ตั้งอยู่ที่ศาลาวชิราวุธ ถนนพระราม1 หน้าสนามกีฬาแห่งชาติ กรุงเทพมหานคร มีเลขาธิการคณะกรรมการบริหารฯ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบและมีเจ้าหน้าที่ตามสมควร และเพื่อให้การปฏิบัติงานมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ได้จัดตั้งผู้ตรวจการและ
คณะอนุกรรมการขึ้น 9 คณะ เพื่อดำเนินการดังต่อไปนี้
1. ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายบริหาร
2.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายาจัดหาทุน
3.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายต่างประเทศ
4.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายประชาสัมพันธ์
5.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายวิชาการ
6.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายฝึกอบรม
7.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายพัฒนาชุมชน
8.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายกิจการพิเศษ
9.ผู้ตรวจการลูกเสือฝ่ายลูกเสือชาวบ้าน
7). งานลูกเสือในระดับจังหวัด ให้มีคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด ประกอบด้วย ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน, รองผู้ว่าราชการจังหวัดและปลัดจังหวัดเป็นรองประธาน, ผู้อำนวยการการประถมศึกษาจังหวัดและนายอำเภอเป็นกรรมการ และกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าสิบห้าคนแต่ไม่เกินสามสิบคน ซึ่งประธานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติแต่งตั้งให้ศึกษาธิการจังหวัดเป็นกรรมการและเลขาธิการฯ และผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขาธิการประธานคณะกรรมการบริหารลูกเสือจังหวัดจะแต่งตั้งบุคคลผู้สนับสนุนกิจการลูกเสือเป็นกรรมการลูกเสือพิเศษประจำจังหวัดก็ได้ กรรมการลูกเสือพิเศษประจำจังหวัดมีสิทธิ์เข้าชี้แจง แสดงความเห็นในการประชุมคณะกรรมการลูกเสือจังหวัด แต่ไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนน
ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด, รองผู้ว่าราชการจังหวัด, ปลัดจังหวัดและศึกษาธิการจังหวัดเป็นรองผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด และผู้ช่วยศึกษาธิการจังหวัดเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด มีหน้าที่บริหารลูกเสือจังหวัด (มาตรา 26)
สำหรับกรุงเทพมหานครมีระเบียบการปกครองลูกเสือเป็นพิเศษ ตามข้อบังคับคณะลูกเสือแห่งชาติว่าด้วยการปกครอง และวิชาพิเศษลูกเสือ พ.ศ.2509 ข้อ 136-140 โดยอนุโลม
สโมสรลูกเสือ ในส่วนกลางอยู่ในความดูแลของเลขาธิการคณะกรรมการบริหารฯ ส่วนสโมสรลูกเสือในจังหวัดต่างๆอยู่ในความดูแลของผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัด
คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดอยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่ง อาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ (มาตรา 25)
คณะกรรมการลูกเสือจังหวัดมีอำนาจและหน้าที่ดังนี้
ก.ส่งเสริมความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของการลูกเสือในจังหวัด
ข.พิจารณารายงานประจำปีของลูกเสือจังหวัด
ค.ให้คำแนะนำผู้อำนวยการลูกเสือจังหวัดในการปฏิบัติงานลูกเสือ (มาตรา 24)
8). งานลูกเสือในระดับอำเภอ ให้มีคณะกรรมการลูกเสืออำเภอ ประกอบด้วย นายอำเภอเป็นประธาน ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบงานปกครองเป็นรองประธาน หัวหน้าการประถมศึกษาอำเภอเป็นกรรมการและกรรมการอื่นอีกไม่น้อยกว่าสิบคนแต่ไม่เกินยี่สิบคน ซึ่งประธานคณะกรรมการบริหารลูกเสือแห่งชาติแต่งตั้ง (มาตรา 29)
ให้ศึกษาธิการอำเภอเป็นกรรมการและเลขาธิการและผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอเป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ
ประธานคณะกรรมการลูกเสือจังหวัดจะแต่งตั้งบุคคลผู้สนับสนุนกิจการลูกเสือเป็นกรรมการลูกเสือพิเศษประจำอำเภอก็ได้
ในอำเภอหนึ่งให้จัดระเบียบการปกครองลูกเสือตามเขตอำเภอ (มาตรา 28)
ให้นายอำเภอเป็นผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอ ปลัดอำเภอผู้รับผิดชอบงานปกครองและศึกษาธิการอำเภอเป็นรองผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอ และผู้ช่วยศึกษาธิการอำเภอเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอ มีหน้าที่บริหารกิจการลูกเสือในอำเภอ (มาตรา 32)
คณะกรรมการลูกเสืออำเภออยู่ในตำแหน่งคราวละ 4 ปี และเมื่อพ้นจากตำแหน่งอาจได้รับแต่งตั้งอีกได้ (มาตรา 31)
คณะกรรมการลูกเสืออำเภอ มีอำนาจและหน้าที่ดังนี้
ก.ส่งเสริมความมั่นคงและความเจริญก้าวหน้าของการลูกเสือในอำเภอ
ข.พิจารณารายงานประจำปีของลูกเสืออำเภอ
ค.ให้คำแนะนำผู้อำนวยการลูกเสืออำเภอในการปฏิบัติงานลูกเสือ(มาตรา30)
หน้าหลัก ประวัติและโครงสร้างของการลูกเสือไทย