ประวัติสถานที่ “ท่าเตียน”
ภาพเปรียบเทียบท่าเตียนในอดีตและปัจจุบัน
ที่มา : http://i192.photobucket.com/albums/z222/jenifaae/1.jpg
http://www.oursiam.in.th/content/pictures/thatian_1_2.jpg
ที่มา : http://www.youtube.com/watch?v=QOsg-j3UQMw
ท่าเตียน
ท่าเตียนแห่งนี้เป็นชุมชนมาตั้งสมัยอยุธยาแล้วเรียกว่าชุมชนบางกอก ในสมัยรัตนโกสินทร์บริเวณท่าเตียนแห่งนี้เคยเป็นตลาดท้ายสนมหรือตลาดท้ายวังมาก่อน และเป็นตลาดที่มีความคึกคัก มีเรือมาจอดเทียบท่าส่งของ และค้าขายกันเต็มท่า ซึ่งนอกจากจะเป็นศูนย์กลางตลาด ขนส่งสินค้าทางการเกษตรที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ แล้วยังถือได้ว่าเป็นเมืองท่าที่สำคัญในการคมนาคมทางน้ำอีกด้วย ไม่ว่าใครจะเดินทางไปไหนมาไหนหรือจะไป ต่างประเทศ ก็ตามก็ต้องมาขึ้นลงเรือที่ท่านี้ทั้งสิ้นและตลอดสองฟาก ฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาก็เต็มไปด้วยเรือนแพ ของชาวบ้านที่มาอาศัยอยู่และค้าขายในแถบนี้
คำว่า ท่าเตียน ไม่มีหลักฐานปรากฏแน่นอนว่า ชื่อนี้มาจากไหน ใครเป็นผู้ตั้ง มีแต่คำบอกเล่าหรือคำสันนิษฐานสืบต่อกันมาเป็น ๒ ประการ คือ
ประการแรก สาเหตุที่เรียกสถานที่บริเวณนี้ว่าท่าเตียน เพราะเดิมเคยเป็นบริเวณที่มีทั้งวังที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ บ้านเรือนเสนาบดีชั้นผู้ใหญ่ผู้น้อย เรือนราษฎร โรงงานหลวง ตั้งอยู่อย่างแออัด เป็นแนวยาวตามริมน้ำเจ้าพระยา จากมุมพระบรมราชวังด้านใต้จนถึงตีนท่าน้ำวัดโพธิ อันเป็นท่าจอดเรือข้ามฟากไปวัดแจ้ง จนถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เกิดเพลิงไหม้ครั้งใหญ่บริเวณนี้ ปรากฏความเสียหายบันทึกไว้ในพระราชพงศาวดารว่า
“...เพลิงไหม้ ๕ ๑ ค่ำ ว่า เวลายามเศษ ไฟไหม้เสียหายจำนวนมาก เป็นเรือนหม่อมเจ้าในกรมสุรินทร์รักษ์ ๒๘ หลัง โรงพระองค์เจ้ามหาหงส์ ๓ หลัง เรือน ๑๓ หลัง เรือนข้าราชการและราษฎร ๔๔ หลัง ศาลาวัดสองหลังครึ่ง โรงงานของในหลวง ๑ ประตูท่าช้างล่าง ตัวไม้ในโรงเรือนที่จะใช้สร้างวังและพระอารามหลวงกว่าร้อยต้น... ”
เพลิงไหม้ในครั้งนั้นกินเนื้อที่กว้างขวางมาก เป็นเหตุให้บริเวณนั้นราบเตียนโล่งผิดตาจากเดิม จนคนทั่วไปใช้เป็นที่หมายเรียกลักษณะเด่นของบริเวณนั้นว่า “ท่าเตียน”
ประการที่สอง มีผู้สันนิษฐานว่ามาจากคำว่า “ฮาเตียน” ซึ่งเป็นชื่อเมืองหนึ่งในประเทศญวน ชาวญวนได้อพยพเข้ามาตั้งถิ่นฐานในไทยหลายครั้งหลายหน และกระจายอยู่ทั่วไปในพระนครและธนบุรี มีชาวญวนบางคนซึ่งเห็นภูมิภาคบริเวณนี้คล้ายคลึงกับภูมิภาคส่วนหนึ่งของประเทศฮาเตียนที่เคยอยู่อาศัย จึงเรียกบริเวณนั้นว่า ฮาเตียน เพื่อให้คลาบความคิดถึงถิ่นฐานที่เคยอยู่ ต่อมาจึงเพี้ยนเป็นสำเนียงไทยว่า “ท่าเตียน”
ทั้งข้อสันนิษฐานและคำเล่าลือทั้ง ๒ ประการนี้ก็ยังไม่ปรากฏหลักฐานยืนยันอย่างชัดเจน