การรับราชการทหาร
การรับราชการทหาร
2. การรับราชการทหารเป็นประโยชน์ต่อตนเอง คือ ได้รับการฝึกให้เป็นผู้มีระเบียบวินัย มีความกลาหาญ มีความอดทนต่อความยากลำบาก อันจะเป็นพื้นฐานในการดำรงชีวิตเพื่อต่อสู้กับความยากลำบาก และจะทำให้เกิดความมานะพยายามไม่ท้อถอยต่ออุปสรรต่างๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตมีความเสียสละประโยชน์ส่วนตนเพื่อผู้อื่น ทำให้เป็นคนมีน้ำใจโอบอ้อมอารี เป็นผู้มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี มีความรักในหมู่คณะ รู้จักเสริมสร้างความสามัคคี การที่มีโอกาสได้เข้าไปรับราชการทหารตามกฎหมายว่าด้วยการรับราชการทหารนั้น นอกจากจะได้มีโอกาสฝึกอบรมตามระเบียบของการรับราชาการทหารแล้ว บางคนยังได้มีความรู้และประสบการณ์ในด้านวิชาชีพ อันจะเป็นประโยชน์ในด้านการประกอบอาชีพของตนในภายหน้า เช่น งานก่อสร้าง ช่างไม้ ช่างปูน ช่างยนต์ ช่างไฟฟ้า ฯลฯ นอกจากนั้นผู้ที่ผ่านการรับราชการทหารมาแล้ว เมื่อไปสมัครทำงานด้านการรักษาความปลอดภัยของหน่วยงานใดๆ ก็ตาม มักจะได้รับการพิจารณาเป็นพิเศษกว่าผู้ที่ไม่ได้ผ่านการรับราชการทหารสรุปสาระสำคัญ
1. ชายที่มีสัญชาติไทยมีหน้าที่ต้องรับราชการทหารตามกฎหมาย
2. ชายที่มีสัญชาติไทยเมื่ออายุย่างเข้าปีที่ 18 ในปี พ.ศ. ใด ต้องไปขึ้นบัญชีทหารกองเกินภายใน พ.ศ.นั้น
3. ทหารกองเกินเมื่ออายุย่างเข้าปีที่ 21 ต้องไปรับหมายเรียกตรวจเลือกเข้าเป็นทหารกองประจำการ
4. บุคคลที่ได้รับการยกไม่ต้องรับราชการทหารกองประจำการ ได้แก่ พระภิกษุที่มีสมณศักดิ์ที่เป็นเปรียญ และนักบวชในพุทธศาสนาแห่งนิกายญวนหรือจีนที่มีสมณศักดิ์ คนพิการซึ่งไม่สามารถเป็นทหารได้ คนในบางท้องที่กระทรวงกลาโหมประกาศว่าไม่มีคุณวุฒิจะเป็นทหารได้
(1) การเรี่ยไรเพื่อรวบรวมทรัพย์สินมาให้หรือชดใช้แก่จำเลย เพื่อใช้ เป็นค่าปรับ เว้นแต่จะเป็นการ
(2) การเรี่ยไรโดยกำหนดเก็บเงินหรือทรัพย์สินอย่างอื่นเป็นอัตราโดย คำนวณตามเกณฑ์ปริมาณ
(3) การเรี่ยไร อันอาจเป็นเหตุให้เสื่อมทรามแก่ความสงบเรียบร้อย หรือศีลธรรมอันดีของ
(4) การเรี่ยไร อันอาจเป็นเหตุกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงถึงทาง สัมพันธไมตรีกับต่างประเทศ
(5) การเรี่ยไรเพื่อจัดหายุทธภัณฑ์ให้แก่ต่างประเทศ