พระเทพกษัตรี
พระเทพกษัตรี ผู้เสียสละชีพเพื่อไทย
พ.ศ. ๒๑๐๖ สมเด็จพระไชยเชษฐาธิราช กษัตริย์แห่งล้านช้างหวังการเมืองเบื้องหน้าในการแผ่ขยายอาณาจักรและเพื่อป้องกันตนเองจากอาณาจักรหงสาวดีของพม่า จึงส่งพระราชสาสน์มาถึงสมเด็จพระมหาจักรพรรดิทูลขอพระเทพกษัตรีย์เป็นพระมเหสีเพื่อเป็นการเชื่อมไมตรีกับกรุงศรีอยุธยา ขณะที่ท่านมีพระสวามีอยู่แล้ว และมีโอรสและธิดา
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเห็นแล้วว่าควรส่งพระเทพกษัตรีไป เพื่อหวังการสร้างฐานอำนาจให้มั่งคงแทนฐานเก่าอย่างพระมหาธรรมราชาแห่งเมืองพิษณุโลกซึ่งอาจแปรพักตร์ไปเข้าข้างหงสาวดี แต่ตอนนั้นพระเทพกษัตรีทรงพระประชวร พระองค์จึงส่งพระแก้วฟ้าพระธิดาที่เกิดจากสนมไปถวายแทน เมื่อพระไชยเชษฐาทรงทราบว่าไม่ใช่พระเทพกษัตรีจึงถวายพระแก้วฟ้าคืน
สมเด็จพระมหาจักรพรรดิเจึงจัดส่งพระเทพกษัตรีไปล้านช้างใน พ.ศ. ๒๑๐๗ ทรงให้พระยาแมนคุมไพร่ ๑,๐๐๐ คน ตามเสด็จทางสถลมารค (ทางบก) ไปทางสมอสอ ท่านได้นำโอรส-ธิดาไปด้วย แต่ก่อนเข้าเมืองพม่ารามัญ ทหารพม่าจึงได้ไว้ชีวิต โอรส-ธิดา โดยฝากไว้กับชาวมอญ ที่หน้าปากทางเข้าเมืองหงสา เพราะกลัวความผิด
การถูกชิงตัว
ทางฝ่ายพระมหาธรรมราชาทรงทราบความก็ให้ส่งสาสน์ไปยังพระเจ้าบุเรงนอง กษัตริย์พม่าให้เร่งมาแย่งชิงเอาพระเทพกษัตรีไป โดยไม่ทราบเหตุผลแน่ชัด พระเจ้าบุเรงนองทรงให้ พระตะบะเป็นนายกอง ฟ้าเสือต้าน มังกลอกหม้อ คุมทหาร ๑๐,๐๐๐ ไปดักอยู่ที่อยู่ที่ตำบลมะเริง นอกด่านเมืองเพชรบูรณ์ แย่งพระเทพกษัตรีไปหงสาวดีได้สำเร็จ ทำให้กรุงศรีอยุธยากับหัวเมืองเหนือบาดหมางกันยิ่งขึ้น
การสิ้นพระชนม์
พระเทพกษัตรีอยู่ที่พม่า และเลี้ยงดูพระองค์ดำเยี่ยงพระราชโอรส เป็นผู้ที่พระองค์ดำเรียกว่าเสด็จแม่น้าทุกครั้ง ภายหลังพม่ายอมส่งตัวพระเทพกษัตรีกลับมาที่อโยธยา พระเทพกษัตรีหวังว่าจะได้กลับมาพบกับพระสวามี (ท่านเจ้าพระยาสิงหบดี นักรบผู้กล้าแห่งอโยธยา) แต่พอมาถึงปากประตูเมืองอโยธยา ก็ถูกใส้ศึกลอบปลงพระชนม์ เสียชีวิตที่หน้าประตูเมือง โดยถูกใช้ผ้าคลุมศีรษะแล้วทุบด้วยท่อนไม้จัน ส่วนท่านเจ้าพระยาสิงหบดีถูกส่งไปรบที่เมืองสุพรรณ และเสียชีวิตโดยถูกยิงด้วยลูกธนูอาบยาพิษเข้าที่บริเวณอกด้านขวา เสียชีวิตในสนามรบ
ย้อนกลับ