วิจัยในชั้นเรียน บทที่ 1บทนำเรื่อง การศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะการฟัง และ การพูดภาษาอังกฤษ ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2ความสำคัญและความเป็นมา จากพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ( ฉบับที่ 2 ) พ.ศ. 2545 พร้อมกฎกระทรวงที่เกี่ยวข้องและพระราชบัญญัติการศึกษาขั้นบังคับ หมวด 4 แนวการจัดการศึกษา มาตรา 24 (5) กล่าวว่า ส่งเสริมสนับสนุนให้ผู้สอนสามารถจัดบรรยากาศสภาพแวดล้อม สื่อการเรียนและอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้เรียนเกิดการเรียนรู้และมีความรอบรู้ รวมทั้งสามารถใช้การวิจัยเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเรียนรู้ ทั้งนี้ผู้สอนและผู้เรียนอาจเรียนรู้ไปพร้อมกันจากสื่อการเรียนการสอนและแหล่งวิทยาการประเภทต่างๆ มาตรา 30 กล่าวว่า ให้สถานศึกษาพัฒนากระบวนการเรียนการสอนที่มีประสิทธิภาพ รวมทั้งการส่งเสริมให้ผู้สอนสามารถวิจัยเพื่อพัฒนาการเรียนรู้ที่เหมาะสมกับผู้เรียนในแต่ละระดับการศึกษาเป็นผู้จัด เป้าหมายของการจัดการเรียนการสอนภาษาต่างประเทศ ในหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานมีความคาดหวังว่า เมื่อผู้เรียนเรียนภาษาต่างประเทศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ชั้นมัธยมศึกษา ผู้เรียนจะมีเจตคติที่ดีต่อภาษาต่างประเทศ สามารถใช้ภาษาต่างประเทศสื่อสารในสถานการณ์ต่างๆ หลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 ได้กำหนดให้สาระการเรียนรู้กลุ่มวิชาภาษาต่างประเทศเป็นสาระการเรียนรู้ที่เสริมสร้างพื้นฐานความเป็นมนุษย์ สร้างศักยภาพในการคิดและการทำงานอย่างสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้มีคุณลักษณะอันพึงประสงค์ตามจุดมุ่งหมายของหลักสูตร การเรียนภาษาต่างประเทศจะช่วยให้ผู้เรียนมีวิสัยทัศน์กว้างไกลและเกิดความมั่นใจในการสื่อสารกับชาวต่างประเทศ รวมทั้งเกิดเจตคติที่ดีต่อภาษาวัฒนธรรมต่างประเทศ โดยความภาคภูมิใจในภาษาและวัฒนธรรมไทย ภาษา เป็น เครื่องมือสื่อสารของคนในสังคมเดียวกันหรือต่างสังคม และภาษาเป็นสื่อทำให้โครงสร้างทางสังคมมีความประณีตและสมบูรณ์ ภาษาจึงเป็นหัวใจสำคัญของการสื่อสาร โดยเฉพาะภาษาอังกฤษเป็นภาษากลางที่ใช้ติดต่อสื่อสารทั่วไปและขอบข่ายของการใช้ภาษาดังกล่าวก็คลอบคลุมทั้งโลกเป็นภาษาแห่งโอกาส กล่าวคือ หนึ่งในคุณสมบัติของผู้ทำงานในแต่ละสาขาอาชีพในปัจจุบันล้วนกำหนดว่าจะต้องฟัง พูด อ่าน และเขียนภาษาอังกฤษได้ดี (กฤษณา สิกขมาน. 2544 : 68) ในชีวิตประจำวันทักษะการฟังเป็นทักษะที่สำคัญ เพราะเป็นทักษะที่ใช้มากกว่าทักษะอื่น (สุมิตรา อังวัฒนกุล. 2539:73) ทักษะการฟังในระดับเริ่มต้น เน้นการฟังเสียง พยางค์ คำศัพท์ วลี แล้วสามารถออกเสียงได้ถูกต้อง (กุศยา แสงเดช. 2548 :132) ในบรรดา 4 ทักษะทักษะการฟังเป็นทักษะแรกของการสื่อสารถ้าฟังไม่รู้เรื่องก็จะไม่สามารถพูดโต้ตอบได้ (ธูปทอง กว้างสวาสดิ์. ม.ป.ป. :27) ส่งผลให้ทักษะการพูดเป็นทักษะที่สำคัญในการถ่ายทอดความคิด ความเข้าใจและความรู้สึกที่ผู้ฟังได้รับรู้และเข้าใจจุดมุ่งหมายของผู้พูด ฉะนั้นการพัฒนาทักษะการพูดจึงต้องใช้เวลานานในการฝึก (กองวิจัยทางการศึกษา. 2542 : 18-20) การพูดเป็นทักษะด้านการแสดงออก (Productive Skill) ในการพูดผู้พูดต้องมีความสามารถทางภาษาทุกด้าน เพื่อทำให้ผู้ฟังเข้าใจต้องถ่ายทอดความคิด ความรู้สึกของตนเองออกมาเป็นคำพูดให้ผู้อื่นเข้าใจ ต้องแสดงสถานภาพผู้พูดแสดงออกให้ถูกต้อง (พรสวรรค์ สีป้อ. 2540 : 162) ผู้วิจัยได้ทำการสอนวิชาภาษาอังกฤษ ระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล เขตสาธร ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2553 พบว่า นักเรียนส่วนใหญ่ขาดทักษะการฟังและการพูด เพราะครูเริ่มต้นการสอนโดยเน้นการอ่านและการเขียน แต่โดยธรรมชาติของการเรียนภาษาอังกฤษต้องเริ่มต้นที่การฟังและการพูดก่อน นักเรียนจึงมีปัญหาในด้านการฟัง นักเรียนฟังผู้สอนออกเสียงคำศัพท์ วลี และประโยคสนทนาจากสิ่งที่ฟังไม่ได้ส่งผลให้เกิดปัญหาในด้านการฟังและการพูด จึงทำให้ผลสัมฤทธิ์ทางด้านการเรียนวิชาภาษาอังกฤษต่ำ และนักเรียนมีเจตคติที่ไม่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษ ไม่ชอบภาษาอังกฤษ ไม่กล้าแสดงออก ไม่ให้ความร่วมมือในการทำกิจกรรม ส่งผลให้การพัฒนาทักษะการฟังและการพูดภาษาอังกฤษไม่ประสบผลสำเร็จเท่าที่ควร จากปัญหาดังกล่าวผู้ศึกษาค้นคว้ามีความสนใจที่จะนำวิธีการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการฟังและการพูด โดยมีกิจกรรมให้นักเรียนฟังคำศัพท์และประโยคสนทนา ฟังเรื่องราวที่เล่า พูดคำศัพท์ พูดประโยคสนทนา เพื่อพัฒนาทักษะการฟังและทักษะการพูด และส่งเสริมให้นักเรียนกล้าแสดงออก ในการเข้าร่วมกิจกรรม และมีเจตคติที่ดีต่อวิชาภาษาอังกฤษส่งผลให้การเรียนการสอนภาษาอังกฤษมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น วัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ การฟัง ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ ผลการวิจัยในครั้งนี้ จะช่วยให้ครูสอนวิชาภาษาอังกฤษและผู้ที่เกี่ยวช้องกับการเรียนการสอนทุกวิชาใช้เป็นแนวทางในการจัดกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะการฟังและการพูดต่อไปขอบเขตของการวิจัย -ประชากร นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล ภาคเรียนที่ 2ปีการศึกษา 2553 จำนวน 2 ห้องเรียน 51 คน -กลุ่มตัวอย่าง -นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 โรงเรียนเซนต์ไมเกิ้ล ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2553 จำนวน 21 คน ซึ่งได้จากการสุ่มเจาะจงทั้งห้องเรียนจำนวน 1 ห้องเรียน-ตัวแปรที่ศึกษา ตัวแปรต้น -แบบฝึกทักษะ การฟังและการพูด ภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 ตัวแปรตาม -ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้แบบฝึกทักษะ การฟังและการพูดภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/2 สมมติฐานการวิจัย -นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนภาษาอังกฤษด้านการฟังและการพูด สูงกว่าก่อนการใช้แบบฝึกทักษะร้อยละ 60 นิยามศัพท์ 1. ทักษะการฟัง หมายถึง ความสามารถในการฟังเพื่อความเข้าใจของนักเรียน โดยสามารถฟังคำ วลี และประโยคภาษาอังกฤษ แล้วสามารถถ่ายทอดสิ่งที่ฟังได้โดยการบอกประโยคที่ไดฟังและแสดงท่าทางจากสิ่งที่ฟังได้2. ทักษะการพูด หมายถึง ความสามารถในการพูด ผู้พูดต้องใช้ความสามารถทางภาษาพูดคำ วลี และประโยคภาษาอังกฤษ โดยการนำประโยคสั้นๆมาพูดซ้ำและนักเรียนพูดเลียนแบบประโยคโดยใช้คำศัพท์ที่เรียนมาแล้วพร้อมแสดงท่าทางและรูปภาพประกอบ 3. พูดเลียนประโยค หมายถึง การพูดตามประโยคที่ได้ฟัง 4. ประสิทธิ์ภาพของแบบฝึกทักษะหมายถึง ความสามารถในการทำแบบฝึกหัดท้ายบทเรียนและแบบทดสอบ
สร้างโดย:
นายวีระชัย จาวาลา