สามัคคีเภทคำฉันท์หน้า5
วิเคราะห์ตัวละคร วัสสการพราหมณ์เป็นตัวละครที่มีบทบาทสำคัญที่สุดในการดำเนินเรื่อง เป็นผู้ออกอุบายวางแผนและดำเนินการ ยุยงจนเหล่ากษัตริย์แตกความสามัคคีทำให้อชาตศัตรูเข้าครอบครองแคว้นวัชชีได้สำเร็จวัสสการพราหมณ์เป็นพราหมณ์ อาวุโสผู้มีความสามารถสติปัญญาดี รอบรู้ศิลป์วิทยาการและมีวาทศิลป์เป็นที่ไว้วางใจจากฝ่ายศัตรูและสามารถโน้มน้าว เปลี่ยนความคิดของฝ่ายตรงข้ามให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้สำเร็จ บางทรรศนะอาจเห็นว่าวัสสการพราหมณ์เป็นคนที่ขาด คุณธรรมใช้อุบายล่อลวงผู้อื่นเพื่อประโยชน์ฝ่ายตน แต่อีกมุมหนึ่งวัสสการพราหมณ์มีคุณสมบัติที่น่ายกย่องกล่าวคือมี ความจงรักภักดีต่อพระเจ้าอชาตศัตรูและบ้านเมืองเป็นอย่างมากยอมเสียสละความสุขส่วนตนยอมลำบากเจ็บตัวยอมเสี่ยง ไปอยู่ในหมู่ศัตรูต้องใช้ความอดทดสูงและรู้จักรักษาความลับได้ดีเพื่อให้อุบายสำเร็จส่วนเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีขาดวิจารญาณ (ญาณพิจารณ์ตรอง) จนในที่สุดทำให้แตกความสามัคคีจนเป็นเหตุให้แคว้นวัชชีตกเป็นของแคว้นมคธ ชิต บุรทัต เชี่ยวชาญในเชิงฉันท์อย่างไร คงจะเห็นกันได้จากการร่ำพรรณนาถึงความงดงามของกรุงราชคฤห์ อันเป็นนครหลวงของพระเจ้าอาชาตศัตรูแห่งแคว้นมคธเอาไว้ว่าดังนี้ “ช่อฟ้าตระการกละจะหยันจะเยาะยั่วทิฆัมพร บราลีพิลาศุภจรูญ นพศูลประภัศร หางหงส์ผจงพิจิตระงอน ดุจะกวักนภาลัย”... อันนับได้ว่างามนักวัสสการพราหมณ์ ในคำฉันท์เรื่องนี้เป็นครูอาจารย์ผู้สอนศิลปะวิทยาอยู่ในแคว้นมคธ แต่ที่ลึกซึ้งยิ่งกว่านั้นก็คือ เป็นนักการเมืองเจ้าเล่ห์ เป็น “บ่างช่างยุ” หรือว่า นักยุแยงตะแคงรั่วมือระดับปรมาจารย์ วัสสการพราหมณ์เข้าไปเป็น “ไส้ศึก”อยู่ในแว่นแคว้น วัชชีซึ่งปกครองโดยเหล่าบรรดากษัตริย์ ลิจฉวี และใช้ระยะเวลายุแหย่อยู่ไม่นานนักเหล่าบรรดาผู้นำดังที่ว่านั้นก็ถึง กาลแตกแยกก่อนหน้านี้วัสสการพราหมณ์ได้ยอมเจ็บตัวเล่นละครตบตายอมให้เจ้านายตนเฆี่ยนตีและโกนหัวขับไล่ ให้ออกจากเมืองไป ดังที่ผู้ประพันธ์ได้บรรยายเอาไว้ว่า ยลเนื้อก็เนื้อเต้น พิศะเส้นก็สั่นรัว ทั้งร่างและทั้งตัว ก็ระริกระริวไป และหลังก็หลั่งโล หิตโอ้เลอะลามไป พ่งผาดอนาถใจ ตละล้วนระรอยหวาย
และนี่ก็คือฝีมือในการแต่งฉันท์ที่เป็นหนึ่งของชิต บุรทัต สามัคคีเภทคำฉันท์ไม่เพียงแต่งดงามด้วยภาษากวีเท่านั้น แต่เนื้อหาสาระนับว่า ยังเหมาะเป็นยิ่งด้วยสำหรับสังคมไทยยามนี้ เหตุก็เพราะความไม่สมานฉันท์ ไม่สามัคคีกัน โดยแท้ ที่นำมาซึ่งความวิบัติล่มจมของบ้านเมือง ฟังว่าเหล่าบรรดากษัตริย์ลิจฉวีอันเป็นผู้ปกครองแคว้นวัชชีทั้งปวงนั้น ได้เคยมีการปกครองใน ระบบรัฐสภาที่เข้มแข็งเป็นอย่างยิ่ง ก่อนที่วัสสการพราหมณ์จะเข้ามาทำให้สภาเกิดแตกแยก และเกิดหวั่นระแวงแคลงใจกันขึ้น ดังที่ผู้ประพันธ์ว่า “สามัคคีธัมมะทำลาย มิตระภิทนะกระจายสรรพะเสื่อมหายน์ก็เป็นไป” สมดังชื่อเรื่องว่า สามัคคีเภท สรุปแล้ว ทั้งสภาและบ้านเมืองประชาชนของแคว้นวัชชีก็ไม่มีอะไรเหลือ ด้วยฝีมือ การยุแหย่ ของวัสสการพราหมณ์แต่ผู้เดียวโดยแท้
|