สาเหตุ
สาเหตุของสงคราม
1. ลัทธิชาตินิยม ภายหลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่าง ค.ศ. 1870-1871 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอแรน ให้แก่เยอรมันทำให้รัฐเยอรมันสามารถรวมตัวกันและสถาปนาเป็นจักรวรรดิเยอรมัน ขณะเดียวกันก็ทำให้การปกครองในระบบจักรวรรดิฝรั่งเศสต้องสิ้นสุดลง รวมทั้งยังทำให้อิตาลีรวมชาติได้สำเร็จ ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมทั้งในฝรั่งเศส เยอรมันและอิตาลีและแต่ละประเทศต่างก็พยายามที่จะสร้างแสงยานุภาพให้แก่ชาติของตนเพื่อให้ชาติของตนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่
2. การแช่งการแสวงหาอาณานิคม การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทำให้หลายประเทศต้องออกแสวงหาอาณานิคม เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่จะนำมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการแสวงหาอาณานิคมเจริญถึงที่สุดในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีหลายชาติที่กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาโดยการยึดครองของชาวยุโรป อาจเกิดจากเหตุผลทางธุรกิจแต่การแข่งขันทางการเมืองเพื่อกีดกันชาติคู่แข่งทำให้การมีอาณานิคมเป็นเครื่องวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศ
3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีไตรภาคี (Triple Alliances) ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวไป และอิตาลีได้มาสมทบ กลุ่มนี้จึงประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี ส่วนฝรั่งเศสกับรัสเซียได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีฝรั่งเศส-รัสเซีย ต่อมาอังกฤษได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย จึงเกิดเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี(Triple Entente) ซึ่งประกอบด้วยฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ
4. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน คาบสมุทรบอลข่านนั้นประกอบด้วยชุมชนที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟ กรีก และเติร์ก และที่สำคัญคือประเทศใหญ่ ๆ ที่มีพรหมแดนใกล้ชิดกับดินแดนในคาบสมุทรบอลข่าน คือ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และอิตาลี ต่างพยายามรักษาอำนาจอิทธิพลของตนไว้ กล่าวคือ
- ออสเตรีย-ฮังการี ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี ซึ่งต้องการรักษาคาบสมุทรบอลข่านเป็นตลาดการค้าและเขตอิทธิพลทางการเมือง
- อิตาลี ไม่ต้องการให้ออสเตรีย-ฮังการี ขยายเขตอิทธิพลให้กว้างออกไปอีก
- รัสเซีย พยายามหาทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยผ่านดินแดนนี้
- อังกฤษและฝรั่งเศส ในฐานะมหาอำนาจไม่ต้องการให้ทั้งรัสเซียและออสเตรีย-ฮังการี ขยายอิทธิพลไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานั้น
1. ลัทธิชาตินิยม ภายหลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่าง ค.ศ. 1870-1871 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอแรน ให้แก่เยอรมันทำให้รัฐเยอรมันสามารถรวมตัวกันและสถาปนาเป็นจักรวรรดิเยอรมัน ขณะเดียวกันก็ทำให้การปกครองในระบบจักรวรรดิฝรั่งเศสต้องสิ้นสุดลง รวมทั้งยังทำให้อิตาลีรวมชาติได้สำเร็จ ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมทั้งในฝรั่งเศส เยอรมันและอิตาลีและแต่ละประเทศต่างก็พยายามที่จะสร้างแสงยานุภาพให้แก่ชาติของตนเพื่อให้ชาติของตนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่
2. การแช่งการแสวงหาอาณานิคม การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทำให้หลายประเทศต้องออกแสวงหาอาณานิคม เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่จะนำมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการแสวงหาอาณานิคมเจริญถึงที่สุดในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีหลายชาติที่กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาโดยการยึดครองของชาวยุโรป อาจเกิดจากเหตุผลทางธุรกิจแต่การแข่งขันทางการเมืองเพื่อกีดกันชาติคู่แข่งทำให้การมีอาณานิคมเป็นเครื่องวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศ
3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีไตรภาคี (Triple Alliances) ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวไป และอิตาลีได้มาสมทบ กลุ่มนี้จึงประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี ส่วนฝรั่งเศสกับรัสเซียได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีฝรั่งเศส-รัสเซีย ต่อมาอังกฤษได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย จึงเกิดเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี(Triple Entente) ซึ่งประกอบด้วยฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ
4. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน คาบสมุทรบอลข่านนั้นประกอบด้วยชุมชนที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟ กรีก และเติร์ก และที่สำคัญคือประเทศใหญ่ ๆ ที่มีพรหมแดนใกล้ชิดกับดินแดนในคาบสมุทรบอลข่าน คือ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และอิตาลี ต่างพยายามรักษาอำนาจอิทธิพลของตนไว้ กล่าวคือ
- ออสเตรีย-ฮังการี ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี ซึ่งต้องการรักษาคาบสมุทรบอลข่านเป็นตลาดการค้าและเขตอิทธิพลทางการเมือง
- อิตาลี ไม่ต้องการให้ออสเตรีย-ฮังการี ขยายเขตอิทธิพลให้กว้างออกไปอีก
- รัสเซีย พยายามหาทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยผ่านดินแดนนี้
- อังกฤษและฝรั่งเศส ในฐานะมหาอำนาจไม่ต้องการให้ทั้งรัสเซียและออสเตรีย-ฮังการี ขยายอิทธิพลไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานั้น
1. ลัทธิชาตินิยม ภายหลังสงครามฝรั่งเศส-ปรัสเซีย ระหว่าง ค.ศ. 1870-1871 ฝรั่งเศสซึ่งเป็นฝ่ายแพ้สงครามต้องยอมเสียแคว้นอัลซาซ-ลอแรน ให้แก่เยอรมันทำให้รัฐเยอรมันสามารถรวมตัวกันและสถาปนาเป็นจักรวรรดิเยอรมัน ขณะเดียวกันก็ทำให้การปกครองในระบบจักรวรรดิฝรั่งเศสต้องสิ้นสุดลง รวมทั้งยังทำให้อิตาลีรวมชาติได้สำเร็จ ทำให้เกิดลัทธิชาตินิยมทั้งในฝรั่งเศส เยอรมันและอิตาลีและแต่ละประเทศต่างก็พยายามที่จะสร้างแสงยานุภาพให้แก่ชาติของตนเพื่อให้ชาติของตนเป็นชาติที่ยิ่งใหญ่
2. การแช่งการแสวงหาอาณานิคม การปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุโรป ทำให้หลายประเทศต้องออกแสวงหาอาณานิคม เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบที่จะนำมาป้อนโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งการแสวงหาอาณานิคมเจริญถึงที่สุดในตอนต้นของคริสต์ศตวรรษที่ 20 มีหลายชาติที่กลายเป็นประเทศจักรวรรดินิยมทั้งในทวีปเอเชียและทวีปอเมริกาโดยการยึดครองของชาวยุโรป อาจเกิดจากเหตุผลทางธุรกิจแต่การแข่งขันทางการเมืองเพื่อกีดกันชาติคู่แข่งทำให้การมีอาณานิคมเป็นเครื่องวัดความยิ่งใหญ่ของประเทศ
3. มหาอำนาจแตกแยกเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และรัสเซีย ได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีไตรภาคี (Triple Alliances) ภายหลังรัสเซียได้ถอนตัวไป และอิตาลีได้มาสมทบ กลุ่มนี้จึงประกอบด้วยเยอรมนี ออสเตรีย-ฮังการี และอิตาลี ส่วนฝรั่งเศสกับรัสเซียได้ทำสนธิสัญญาพันธไมตรีฝรั่งเศส-รัสเซีย ต่อมาอังกฤษได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับรัสเซีย จึงเกิดเป็นกลุ่มประเทศความตกลงไตรภาคี(Triple Entente) ซึ่งประกอบด้วยฝรั่งเศส รัสเซีย และอังกฤษ
4. ความไม่มั่นคงทางการเมืองในคาบสมุทรบอลข่าน คาบสมุทรบอลข่านนั้นประกอบด้วยชุมชนที่มีความแตกต่างกันทางด้านภาษาและวัฒนธรรม ส่วนใหญ่เป็นชาวสลาฟ กรีก และเติร์ก และที่สำคัญคือประเทศใหญ่ ๆ ที่มีพรหมแดนใกล้ชิดกับดินแดนในคาบสมุทรบอลข่าน คือ จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี รัสเซีย และอิตาลี ต่างพยายามรักษาอำนาจอิทธิพลของตนไว้ กล่าวคือ
- ออสเตรีย-ฮังการี ได้รับการสนับสนุนจากเยอรมนี ซึ่งต้องการรักษาคาบสมุทรบอลข่านเป็นตลาดการค้าและเขตอิทธิพลทางการเมือง
- อิตาลี ไม่ต้องการให้ออสเตรีย-ฮังการี ขยายเขตอิทธิพลให้กว้างออกไปอีก
- รัสเซีย พยายามหาทางออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยผ่านดินแดนนี้
- อังกฤษและฝรั่งเศส ในฐานะมหาอำนาจไม่ต้องการให้ทั้งรัสเซียและออสเตรีย-ฮังการี ขยายอิทธิพลไปมากกว่าที่เป็นอยู่ในเวลานั้น