ด้านเศรษฐกิจ
เนื่องในสมัยกรุงธนบุรี เป็นระยะเวลาที่สร้างบ้านเมืองกันใหม่ การค้าเจริญรุ่งเรืองทั้งของหลวงและของราษฎร สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงทำนุบำรุงการค้าขายทางเรืออย่างเต็มที่ ทรงแต่งสำเภาหลวงออกไปค้าขายทางด้านตะวันออกไปถึงเมืองจีน ทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือถึงอินเดียตอนใต้ ผลประโยชน์ที่ได้รับจากการค้าของยหลวงช่วยบรรเทาภาระภาษีของราษฎรไปได้มาก สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงส่งเสริมการนำสินค้าพื้นเมืองไปขายทางเรือ ซึ่งอำนวยผลประโยชน์อย่างใหญ่หลวงต่องานสร้างชาติ ทำให้ราษฎรมีงานทำ มีรายได้ ทั้งยังฝึกให้คนไทยเชี่ยวชาญการค้าขาย ป้องกันมิให้การค้าตกไปอยู่ในมือต่างชาติ
หลังจากเสียกรุงศรีอยุธยาแก่พม่าแล้ว สภาพเศรษฐกิจของไทยตกต่ำมากประชาชนากจนอัตคัดฝืดเคือง อาหารหายากและราคาแพง เนื่องจากในขณะที่เกิดศึกสงครามผู้คนต่างพากันหนีเอาตัวรอด การทำไร่ทำนาต้องหยุดชะงักลง สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในระยะที่ตั้งกรุงธนบุรีใหม่ๆ ด้วยการจ่ายพระราชทรัพย์ซื้อข้าวจากพ่อค้าต่างประเทศในราคาสูงเพื่อแจกจ่ายประชาชน และชักชวนให้ราษฎรกลับมาตั้งภูมิลำเนาอยู่ตามเมืองต่างๆ ทำมาหากินดังแต่ก่อน นอกจากนั้นสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ยังส่งเสริมทางด้านการค้าขาย มีการส่งเรือสำเภาไปค้าขายยังประเทศ อินเดียและประเทศใกล้เคียง สำหรับสิ่งของที่บรรทุกเรือสำเภาหลวงไปขาย เช่น ดีบุก พริกไทย ครั่ง ขี้ผึ้ง ไม้หอม ฯลฯ และเมื่อขายสินค้าหมดแล้วก็จะซื้อสินค้าต่างประเทศที่ต้องการใช้ในประเทศ เช่น ผ้าลายและถ้วยชามมาขายให้แก่ประชาชนอีกต่อหนึ่ง ซึ่งการค้าขายนี้เป็นแบบเดียวกับสมัยอยุธยา คือ อยู่ภายใต้การดูแลของพระคลังสินค้า หรือกรมาท่า มีการส่งเสริมให้ราษฎรทำการเพาะปลูก ทำให้เศรษฐกิจของประเทศค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับ
หลังจาการกู้เอกราชสมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรี งานที่ทรงจัดทำต่อไปคือการรวบรวมผู้คนให้มาอยู่รวมกันเพื่อเป็นกำลังของชาติต่อไป การที่มีคนมารวมอยู่มากขึ้นก่อให้เกิดปัญหา ทรงได้แก้ไขดังนี้
1. ในระยะแรกของการครองราชย์ เป็นภาวะที่พ้นจากการศึกสงคราม ราษฎรยังไม่ได้ทำนา ทรงแก้ไขการขาดแคลน เฉพาะหน้าด้วยการใช้ราชทรัพย์ส่วย พระองค์ซื้อข้าวสารจากพ่อค้าจีน เพื่อแจกจ่ายให้แก่บรรดาข้าราชการ ทหาร และพลเรือนทั้งไทยและจีนคนละ 1 ถังต่อ 20 วัน นอกจากนี้ทรงแจกจ่ายอาหารให้พลเรือนที่
อดอยากด้วย
2. ทรงโปรดให้ข้าราชการผู้ใหญ่ผู้น้อยทำนาปีละ 2 ครั้ง ( เพื่อแก้ปัญหาความขาดแคลนข้าว) ทรงให้ข้าราชการและพลเรือนทั้งหลายจับหนูมาส่งกรมพระนครบาล เพื่อปราบการระบาดของหนูในยุ้งฉาง
3. ทรงใช้การส่งเสริมการค้ากับต่างประเทศ ส่งสำเภาหลวงออกไปทำการค้ากับนานาประเทศทางตะวันออกไปถึงเมืองจีน ทางตะวันตกไปถึงอินเดียเพื่อเพิ่มรายได้ให้กับท้องพระคลัง รวมทั้งมีชาวต่างประเทศมาติดต่อค้าขายเป็นอันมาก เช่น จีน ชวา แขกมัวร์ ( ชาวอาหรับ )
4. ทรงปราบปรามโจรผู้ร้ายที่ปล้นสะดมในฤดูที่เก็บเกี่ยว สมเด็จพระเจ้าตากทรงดำเนินการแก้ไขโดยจัดกองทหารออกลาดตระเวนตรวจตราและใช้มาตราการขั้นเด็ดขาดแก่ผู้ประพฤติตนเป็นโจรผู้ร้าย
5. การหารายได้จากภาษีอากร ส่วย และเครื่องบรรณาการต่างๆจากหัวเมืองชั้นใน หัวเมืองชั้นนอก และหัวเมืองประเทศราช
6. เพิ่มพูนรายได้แผ่นดินด้วยการเปิดโอกาสให้มีการประมูลผูกขาดเก็บค่าภาคหลวง ขุดทรัพย์ที่มีคนฝังเอาไว้ในกรุงศรีอยุธยา ที่ฝังไว้ในขณะหลบหนีพม่า
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขเศรษฐกิจและสภาพบ้านเมือง ยังมีปัญหาอยู่บ้าง ดังที่บาดหลวงชาวฝรั่งเศสชื่อ มอรซิเยอร์ เลอบอง ซึ่งเข้ามาในเมืองไทยเมื่อ พ.ศ. 2314 จดบันทึกไว้ในช่วงพ.ศ. 2318ดังนี้
“ จนถึงเวลาเดี๋ยวนี้ อาหารการกินในเมืองนี้ยังแพงมาก เพราะบ้านเมืองไม่เป็นอันทำมาหากินมาเป็นเวลา ๑๕ ปีแล้ว และในเวลานี้ยังหาสงบทีเดียวไม่”*
สมเด็จพระเจ้ากรุงธนบุรีทรงกังวลพระทัยเรื่องนี้เคยทรงตรัสว่า
“บุคคลผู้ใดเป็นอาทิคือเทวดา บุทคลผู้มีฤทธิ์มาประสิทธิ์มากระทำให้ข้าวปลาอาหารบริบูรณ์ขึ้น ให้สัตว์โลกเป็นสุขได้ แม้นผู้นั้นจะปรารถนาพระพาหาแห่งเราข้างหนึ่ง ก็อาจตัดบริจาคแก่ผู้นั้นได้”* *