จุดจบของAdolf Hitler
ฮิตเลอร์ เป็นผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก ไม่มีใครไม่รู้จัก อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ นายกรัฐมนตรีของประเทศเยอรมันนี ยุคต้นคริสต์ศตวรรษที่ 19 ผู้มีอำนาจ ใช้อิทธิพลทำลายล้างมนุษย์ด้วยกันจำนวนมากมายมหาศาลจนเป็นประวัติศาสตร์ที่โลกต้องจดจำความอหังการ สุดแดนของความเลวร้ายสันดานดิบของมนุษย์ที่ผุดมาให้เห็นกันชัดเจนเช่นนี้ ช่วงเวลา6ปีของสงครามโลกครั้งที่สอง โลกต้องสูญเสียผู้คนไปมากมายมีทหารต้องตายในการรบถึง 17ล้านคน พลเรือน 18ล้านคน มนุษยชาติที่ถูกนาซีฆ่าตายด้วยวิธีการต่าง ๆ เช่น ยิงทิ้ง ฝังทั้งเป็น รมแก้ส ฯลฯ อีกถึง 12 ล้านคน
ฝ่ายเยอรมันนีเองต้องเป็นผู้พ่ายแพ้สงครามมีทหารตายไป 3,250,000คน พลเรือน 3,350,000คน คนบาดเจ็บ 5,000,000คน ตึกรามบ้านช่องเสียหาย 20,000,000หลัง และที่ถูกทำลายจนไม่เหลืออะไรเลย 7,000,000หลัง ระยะเวลาหกปีนั้นเยอรมันนีต้องใช้เงินไปในการสงครามสูงถึง 5,440,000,000,000บาท (ห้าล้านสี่แสนสี่หมื่นล้านบาท โดยเทียบเป็นค่าเงินบาท ณ เวลานั้น)
อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เป็นใคร มาจากไหน
เมื่อวันที่ 30มกราคม ค.ศ.1933 พรรคนาซีของเยอรมันนี ได้รับการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นมากกว่าพรรคการเมืองอื่นๆ และอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ เข้ารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยประชาชนชาวเยอรมันนีต่างโห่ร้องต้อนรับ แสดงความชื่นชมยินดีกับพลพรรคนาซี ที่ใช้เครื่องแบบเสื้อเชิ้ตสีน้ำตาล ซึ่งกำลังเดินแถวบนถนนอุนเตอร์ เด็นลินเด็น ณ กรุงเบอร์ลิน
ไม่มีใครคาดคิดไว้ว่า10ปีต่อจากนั้น เลือดจะนองทั่วแผ่นดินยุโรป มนุษยโลกต้องสูญเสียชีวิตผู้คนอันเป็นที่รักเป็นญาติมิตรบุตรหลานที่ต้องตายไปก่อนวัยอันควรจากศึกสงครามโลกครั้งที่2 การเดินทางอันยากลำบากผ่านทะเลทรายซาฮารา การจมน้ำตายในมหาสมุทรแอตแลนติก การตายด้วยความหนาวเย็นบนทุ่งราบของรุสเซีย หรือจากระเบิดสงคราม กระสุนปืน ที่ทำให้ต้องบาดเจ็บถึงตายในถิ่นประเทศของตนเอง
ความเป็นจริง อันเป็นสัจธรรมคู่โลก ทุกอย่างย่อมมีขึ้น และเสื่อมไปเป็นธรรมดา และตามบทกรรมที่ก่อเกิด
ฮิตเลอร์ได้ประกาศว่ารัฐที่สามของเยอรมนีจะอยู่ยั้งยืนยงไปถึง 1,000 ปี แต่เพียง 12 ปี จากนั้นก็กลับล่มสลายพินาศลง ทั้งที่ยุคก่อนการล่มสลายนั้น เยอรมนีเป็นประเทศผู้นำทั้งในด้านวัฒนธรรมแห่งยุโรป ทั้งในด้านศิลปะ ดนตรี วรรณคดี เป็นชาติที่มีอุดมคติ อุดมการณ์อันสูงในทางเสรีนิยมแต่ก็เกิดระบอบนาซีขึ้นและได้รับความนิยมจากประชาชนจนถึงขนาดชนะการเลือกตั้ง( การแบ่งอาณาจักรในโลกนี้มีมา 2 อาณาจักรแล้ว คือ 1.st Reich คือ กรีก ของพระเจ้า อเล็กชานเดอร์มหาราช และ 2.nd Reich คือ โรมันหรือ ออตโตมัน ฮิตเลอร์จึงตั้งใจจะสร้างอาณาจักรที่ 3.rd Reich คือ เยอรมัน โดยหัวหน้าสถาปนิกของนาซีชื่อ อัลแบร์ต ชพีร์ (Albert Speer) ได้เข้าร่วมเป็นสมาชิกพรรคนาซี เพราะเชื่อมั่นในตัว ฮิตเลอร์ ในเวลาต่อมาตอนเริ่มเกิดสงครามอัลแบร์ตชพีร์ได้รับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม รับภาระเร่งผลิตยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพทั้งหมด รวมทั้งการเกณฑ์ยิวมาเป็นแรงงานด้วย พอสงครามจบจึงต้องข้อหาหนักถูกพิจารณาคดีที่นูเรมแบร์กและรับโทษติดคุก ชพันดู (spandau)อยู่ถึง 20ปี ในฐานะอาชญากรสงคราม พอถูกปล่อยตัวออกมาได้เขียนหนังสือชื่อ Inside The Third Reich หรือ อีกหนึ่งด้านของอาณาจักรไรซ์ที่ 3)
ด้วยผลของสงครามโลกครั้งที่ 1เป็นเหตุใหญ่ที่สะสมอารมณ์ ความคิด ความต้องการ อันนำให้คนในชาติเยอรมนีเห็นชอบชื่นชมในระบอบนาซี อันเป็นระบอบที่นำไปสู่หายนะของสงครามโลกครั้งที่ 2ในเวลาต่อมา
การไม่รู้จักแพ้
การต่อสู้เพื่อให้ได้มาและการไม่รู้จักยอมรับความพ่ายแพ้ เป็นการนำไปสู่การทำให้เกิดการล้มล้างทำลาย หลังจากการพ่ายแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 1ทหารเรือเยอรมนี เป็นกบฏยึดเรือรบจากนายเรือ ทหารบกโยนปืนทิ้ง พระเจ้าไกเซอร์ผู้เป็นจอมทัพหนีออกจากเยอรมนีไปประเทศฮอลันดา เยอรมนีร้องเพลงหลังสงครามมีเนื้อความกล่าวโทษเหตุการณ์แพ้สงครามว่า “พวกเราเยอรมนีไม่ได้แพ้สงคราม พวกยิวต่างหากที่หักหลังเรา” ซึ่งในขณะนั้นระบอบนาซีได้เข้ามาในเยอรมนี เพื่อเยียวยาความพ่ายแพ้ต่อสงครามโลกครั้งที่ 1ด้วยการนำความคิดอคติ นำไปสู่โทสาคติ เป็นความเกลียดชังที่ทำให้เกิดอารมณ์แห่งโทสะ ที่ตั้งบนฐานของการอธิบายได้อย่างเป็นเหตุเป็นผลอันชอบที่จะได้เกลียดก่อเกิดสภาพที่เรียกว่า แอนตี้เซมิติค และพุ่งเฉพาะไปที่ชนชาวยิวความเกลียดชังชนชาวยิวจึงถูกก่อให้เกิดเป็นอคติ นำไปสู่โทสะจริตในกาลต่อมา
เมื่อสิ้นอำนาจก็สิ้นซึ่งทรัพย์สมบัติบรรดามี และความชั่วที่ได้ก่อขึ้นไว้ถูกประจานไปทั่วโลก เป็นประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกด้านมืดไปอีกนานแสนนานไม่ว่ายุคใด สมัยใดจะเป็นอดีต ปัจจุบัน และต่อถึงอนาคต มนุษยโลกต่างก็มีแบบแผน แนวทางที่ดำเนินไปตามครรลองของชีวิต แต่สิ่งที่ยังคงอยู่และเป็นไปอย่างไม่มีวันเสื่อมสิ้นนั่นคือ สันดานดิบ และความหลงในลาภ ยศ สรรเสริญ การแสวงหาอำนาจอย่างไร้ขอบเขต และการกดขี่ผู้คนให้จำนนไม่ว่าด้วยอำนาจ อิทธิพล ปัญญาและแรงกาย หากตั้งอยู่บนความไร้สติ ความอยุติธรรม และความมืดบอด อวิชชา ย่อมนำพาไปสู่ความหายนะเมื่อถึงบั้นปลายชีวิตตามสัจธรรมของชีวิตที่ต้องประสบกับความเกิด แก่ เจ็บ ตาย อันจักเป็นไปด้วยความเป็นสุข หรือด้วยความทุรนทุรายต่อสู้กับสรรพโรค สรรพภัย ก็ตาม
สมดังที่กล่าวกันไว้ว่า ใดใดในโลกล้วน อนิจจัง ยังก็แต่ชั่ว คนชัง ดีคนชื่นชอบ บอกเล่าขาน..ยาวนาน