การรับมือกับความเครียด
http://www.ruendham.com/admin/images/news/DE0000235.jpg
ว่ากันตามทฤษฎีแล้ว เราสามารถแบ่งวิธีรับมือกับความเครียดได้เป็นสองแบบใหญ่ ๆ
http://tamdee.udomtam.com/home/attachment/200903/31/4_12384760223g8p.jpg
1. Arousal Management
หากเรามองความเครียดเสมือนเหรียญสองด้านที่ต้องประกอบไปด้วยกัน-นั่นก็คือตัวเราและสิ่งแวดล้อม-หลายครั้งความเครียดก็เป็นผลมาจากการตอบสนองที่มากเกินพอดีของร่างกาย วิธีนี้จัดเป็นวิธีควบคุมการแสดงออกขณะร่างกายเผชิญกับความเครียดโดยเน้นเพิ่มการทำงานของระบบประสาท "พาราซิมพาเธติก" (Parasympathetic) ซึ่งเป็นระบบประสาทอัตโนวัติอีกด้านหนึ่งที่ทำงานตรงข้ามเป็นคานงัดของระบบซิมพาเธติก หลักการง่าย ๆ แต่ได้ผลทันตาก็เช่น การหายใจลึก ๆ, ฝึกนั่งสมาธิ, รวมไปถึงการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอซึ่งนอกจากจะช่วยผ่อนคลายความตึงเครียดแล้ว การเล่นกีฬายังเป็นการเตรียมร่างกายให้ทนต่อความเครียดได้ดีและหาเพื่อนคู่ใจไว้ช่วยเหลือยามไม่มีเงินทานข้าว เอ๊ย ยามไม่สบายใจอีกด้วย หากจะพูดว่า Arousal Management ก็คือการฝึกควบคุมจิตใจของเราให้รู้จักแสดงออกก็ไม่ผิดนัก แนะนำว่าถ้าเป็นไปได้ควรทำจนเป็นนิสัย
http://blog.spu.ac.th/home/blog_data/669/669/images/learn.jpg
2. Transaction Management
เป็นการจัดการกับธรรมชาติ-อีกด้านหนึ่งของเหรียญแห่งความเครียด-โดยสามารถแยกได้เป็นสองวิธีย่อย ๆ ได้แก่
- Problem-focused coping "แก้ที่ปัญหา" เช่น กลัวสอบตกก็ต้องตั้งใจเรียน, กลัวไปทำงานไม่ทันก็ออกจากบ้านตั้งแต่เช้า, กลัวซื้อหวยไม่ถูกก็ล่อซื้อทุกเบอร์ เป็นต้น
นับได้ว่าเป็นวิธีที่ตรงจุดตรงประเด็นมากที่สุด เพราะมุ่งมองว่าสิ่งใดคือตัวปัญหาที่ทำให้เราเครียดเราก็ไปแก้จุดนั้น แต่โลกมันไม่ได้ง่ายไปซะทุกเรื่อง, จริงมั้ย?
- Emotion-focused coping "แก้ที่การมองปัญหา" มักจะเป็นวิธีที่ใช้เมื่อปัญหาไม่มีทีท่าจะสิ้นสุด หรือยิ่งใหญ่เกินตัว มักจะใช้ได้ดีในช่วงสั้น ๆ เพราะปัญหาจริง ๆ ยังไม่ได้รับการแก้ไข ตัวอย่างสำคัญเช่น
- การดึงตัวเองออกจากสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เกิดความเครียด ซึ่งก็คือการหลบหนีมองไม่เห็นปัญหาซะเลย เช่น อ่านหนังสือไม่รู้เรื่องไปดูหนังดีกว่า หรือ...
- พยายามเปลี่ยนมุมมองต่อปัญหา เช่น ลองมองหาด้านดีของปัญหา เช่น พอจะสอบก็คิดว่าได้มีโอกาสทบทวนความรู้ ถ้าข้อสอบมันยากแล้วเราสอบผ่านก็ถือเป็นเรื่องท้าทาย, การเอาตัวเราเองเปรียบเทียบ (แบบในใจ) กับคนอื่นที่ด้อยกว่า เป็นต้น
มีการสำรวจว่าผู้ที่รับมือความเครียดอย่างถูกวิธีจะมีสุขภาพแข็งแรง อายุยืน มีความสัมพันธ์ต่อคนรอบข้างและประสบความสำเร็จในชีวิตมากกว่าผู้ที่รับมือกับความเครียดแบบผิด ๆ คงเป็นเพราะบุคคลในกลุ่มแรกมักจะใช้พฤติกรรมที่มีประโยชน์ในการแก้ปัญหา ผลก็คือสามารถลดระดับความเครียดของตนเองได้อย่างแท้จริง ร่างกายจึงไม่ได้รับแรงกระทบมากนัก นอกจากนี้ยังสามารถดึงแรงสนับสนุนจากสังคมรอบข้าง (Social Support) เข้ามาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการฝ่าฟันอุปสรรคได้อีกด้วย
ข้างต้นจึงเป็นสิ่งที่ใช้ได้จริง หากแต่ต้องรู้จักใช้ให้เป็นเพราะวิธีการแต่ละแบบก็เหมาะกับคน และสถานการณ์ต่างกัน พยายามใช้หลายวิธีร่วมกันในการแก้ปัญหา สำรวจตัวเองอยู่เสมอเพื่อประเมินตลอดจนปรับเปลี่ยนวิธีที่ไม่ได้ผล ที่สำคัญต้องไม่ใช้วิธีการคลายเครียดแบบผิด
- 1
- 2
- 3
- 4
- ถัดไป ›
- หน้าสุดท้าย »