0501 บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
บทเสภาสามัคคีเสวก ตอน สามัคคีเสวก
บทเสภาตอนที่ ๔ มุ่งแสดงความคิดว่า ชาติจะดำรงอยู่ได้ เหล่าข้าราชการจะต้องให้ความร่วมมือกับองค์พระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นผู้นำของประเทศ โดยคำนึงถึงหน้าที่ของตนเป็นใหญ่ มีความเคร่งครัดในระเบียบวินัย และต้องมีความจงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดิน เพราะ "ว่าทรงทรงธรรม์เหมือนบิดาบังเกิดหัว ควรเคารพยำเยงและเกรงกลัว" ที่สำคัญที่สุด คือต้องมีความสามัคคีปรองดอง "ให้สมที่ร่วมพระเจ้าเราองค์เดียว"
กลวิธีทางวรรณศิลป์ที่เด่นที่สุดของบทเสภาตอนนี้คือการใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเปรียบเทียบประเทศชาติกับเรือใหญ่ที่แล่นไปในทะเล พระมหากษัตริย์ทรงเป็นผู้นำประเทศเปรียบได้กับกัปตันเรือ และเหล่าข้าราชบริพารทั้งหลายเปรียบเสมือนกะลาสีเรือ การที่ทรงใช้ภาพพจน์เปรียบเทียบเช่นนี้ ทำให้ผู้อ่านเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างข้าราชการ องค์พระมหากษัตริย์และประเทศชาติได้ชัดเจนยิ่งขึ้น พระองค์ทรงแสดงให้เห็นว่าข้าราชการเป็นส่วนสำคัญที่จะนำให้ "รัฐนาวา" อยู่รอดปลอดภัยได้โดยทรงใช้กลวิธีแสดงให้เห็นผลร้ายของการที่เหล่าราษฎร์เสวกขาดความสามัคคี และขาดวินัยเสียก่อน แล้วจากนั้นจึงทรงสั่งสอนอย่างตรงไปตรงมาว่า "ข้าราชบริพารควรประพฤติตนอย่างไร" ดังตัวอย่าง
แม้ลูกเรืออวดดีมีทิฐิ | และเริ่มริเฉโกยุ่งโยเส |
เมื่อคลื่นลมแรงจัดซัดโซเซ | เรือจะเหล่ระยำคว่ำไป |
แม้ต่างคนต่างเถียงเกี่ยงแก่งแย่ง | นายเรือจะเอาแรงมาแต่ไหน |
แม้ไม่ถือเคร่งคงตรงวินัย | เมื่อถึงคราวพายุใหญ่จะครวญคราง |
นายจะสั่งสิ่งใดไม่เข้าจิต | จะต้องติดตันใจให้ขัดขวาง |
จะยุ่งแล้วยุ่งเล่าไม่เข้าทาง | เรือก็คงอับปางกลางสาคร |
ถึงเสวีที่เป็นข้าฝ่าพระบาท | ไม่ควรขาดความสมัครสโมสร |
ในพระราชสำนักพระภูธร | เหมือนเรือแล่นสาครสมุทรไทย |
เหล่าเสวกตกที่กะลาสี | ควรคิดถึงหน้าที่นั้นเป็นใหญ่ |
รักษาตนเคร่งคงตรงวินัย | สมานใจจงรักพระจักรี |
แหล่งอ้างอิง: http://www.st.ac.th/bhatips/tip49/samakki_saewog_m2_49.html