ความเป็นมาของศาสนาคริสต์
ศาสนาคริสต์
แหล่งที่มา :http://www.heritage.thaigov.net/religion/others/christ1.jpg
ศาสนาคริสต์ มีกำเนิดมาจากพระเจ้า เริ่มมีมาตั้งแต่มนุษย์คู่แรกในโลก กาลต่อมาบรรดาลูกหลานสืบต่อ ๆ มา ส่วนใหญ่ต่างหลงลืมพระเจ้า พระเจ้าจึงได้เลือกบุรุษผู้หนึ่ง ชื่อ อับราฮัม ให้เป็นต้นตระกูลของชนชาติหนึ่งชื่อ ฮีบรู หรือยิว หรืออิสราเอล และให้พระเยซูคริสต์ (พระบุตรพระเจ้า) บังเกิดในชนชาตินี้ เพื่อจัดศาสนาของพระองค์ให้ถูกต้องสมบูรณ์
พระเยซู ได้จาริกสั่งสอนในประเทศปาเลไตน์ หรืออิสราเอล ประมาณสามปี ได้เลือกอัครสาวกสิบสองคน เป็นหลักสืบศาสนาต่อไป โดยมีนักบุญเปโตร (Saint Peter) เป็นหัวหน้า ผู้สืบตำแหน่งนักบุญเปโตร ต่อ ๆ มาจนถึงปัจจุบัน เรียกว่า สมเด็จพระสันตปาปา
เมื่อพระเยซูคืนชีพ และขึ้นสวรรค์แล้ว คณะอัครสาวก และบรรดาศิษย์ประมาณ ๑๒๐ คน ได้มาชุมนุมสวดภาวนาที่กรุงเยรูซาเลม และในวันเปนเตกอสต์ (วันที่ห้าสิบหลังจากพระเยซูคืนชีพ) เวลาประมาณ ๐๙.๐๐ น.พระจิต ได้ลงมาเหนือทุกคนในห้องประชุมนั้น บันดาลให้ผู้รับพระจิต กลับเป็นคนใหม่ เปี่ยมด้วยความรู้ ความเข้าใจในคำสอนที่ได้รับจากพระเยซู และมีใจร้อนรนกล้าหาญที่จะเป็นพยาน ประกาศยืนยันพระนามของพระเจ้า วันเปนเตกอสต์ นี้ถือเป็นวันกำเนิดของศาสนจักร หรือคริสตศาสนา
คณะอัครสาวกและสานุศิษย์แพร่คำสอน เมื่อแพร่คำสอนที่นครเยรูซาเล็ม ระยะหนึ่งแล้ว คณะอัครสาวกก็ได้ถือตามบัญชาของพระเยซู ที่ว่าจงไปสอนนานาชาติทั่วโลก โลกซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในสมัยคริสตกาลนั้น ได้แก่ประเทศต่าง ๆ ในเครือจักรวรรดิ์โรมัน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม ก่อนจะแยกย้ายกันไปแพร่คำสอน อัครสาวกได้ย่นย่อข้อความเชื่อพื้นฐานของคริสตศาสนา ไว้ในบทข้าพเจ้าเชื่อ หรือสัญลักษณ์ของอัครสาวก
นักบุญเปาโล หรือ Saint Paul ได้เดินทางสั่งสอนตามเกาะ และเมืองริมฝั่งทะเลเมดิเตอเรเนียน เช่น ที่เกาะไซปรัส เมืองมาสิโดเนีย โครินธ์ เอเฟซัส ฯลฯ ในประเทศกรีซ
นักบุญเปโตร หรือ Saint Peter ได้ไปสั่งสอนที่อันติโอ๊ก ซึ่งในสมัยนั้นเป็นนครใหญ่ เป็นเมืองหลวงของซีเรีย และภาคตะวันออกทั้งหมด และที่เมืองนี้บรรดาศิษย์ติดตามพระคริสต์ได้เรียกตนเองว่า คริสตัง ตามสำเนียงโปร์ตุเกส ซึ่งมาแพร่คำสอนในสมัยอยุธยา ภาษาอังกฤษใช้ว่า คริสเตียน (Christians)
ประมาณปี ค.ศ.๔๔ นักบุญเปโตรได้ไปสั่งสอนที่กรุงโรม ซึ่งขณะนั้นเทียบได้กับนครหลวงของโลก ได้อยู่เผยแพร่คำสอนอยู่ประมาณ ๒๕ ปี ทำให้มีผู้กลับใจมากมาย และกรุงโรมได้กลายเป็นศูนย์กลางของคริสตศาสนา จึงได้มีคำโรมันคาทอลิก เกิดขึ้น
การเบียดเบียนและการกลับใจ ในระยะสามคริสตศตวรรษแรก คริสตังถูกเบียดเบียนร้ายแรงถึงสิบครั้ง บุคคลเกือบทุกฐานะอาชีพได้เป็น มรณสักขี (Martyr) คือ สละชีพเป็นศาสนพลี แต่คริสตศาสนาก็แพร่ไปรวดเร็วในจักรวรรดิ์โรมัน ในที่สุด จักรพรรดิ์ คอนสแตนติน ก็ได้ประกาศพระกฤษฎีกาที่เมืองมิลาน เมื่อปี พ.ศ.๓๑๓ ให้ทุกครมีอิสระเสรีที่จะนับถือคริสตศาสนา ทรงมีบัญชาให้คืนวัด และสมบัติต่าง ๆ ที่ริบไปจากพวกคริสตังด้วย
ต่อมาในคริสตศตวรรษที่ห้า จักรวรรดิ์โรมันถูกพวกอนารยชน (Bardrians) รุกราน ศาสนจักรก็ต้องพลอยลำบาก เนื่องจากขนบธรรมเนียมอันแข็งกระด้าง และป่าเถื่อนของพวกนั้น บรรดา บิชอป (Bishops) และนักพรต มิสชันนารีได้พยายามกล่อมเกลาชนชาติเหล่านั้น ให้ค่อย ๆ มารับคริสตศาสนา
ในปี ค.ศ.๔๙๖ โกลวิส กษัตริย์ชาวฟรังก์ (บรรพบุรุษของชาวฝรั่งเศส) ทรงกลับใจรับศีลล้างบาป พร้อมกับทหารอีก ๓,๐๐๐ คน
ต่อมาอีกประมาณหนึ่งศตวรรษ พวกวิสิก็อธในสเปน ได้เลิกนับถือเฮเรติกของอาริอุส พวกลอมบาร์ค ในอิตาลีกลับเป็นคริสตัง นักบุญโกลัมบัน และนักบุญคัล ไปแพร่คำสอนในสวิตเซอร์แลนด์ นักบุญโบนิฟาส เผยแพร่คำสอนไปจนสุดแดนป่า ในเยอรมันนี สมเด็จพระสันตปาปาเกรโกรี ส่งบาทหลวงหลายคนไปแพร่คำสอนในอังกฤษ นักบุญปาตริก สอนชาวไอริชให้กลับใจทั้งประเทศ
ในคริสตศตวรรษที่เก้า ชาวเดนมาร์ค สวีเดน โปแลนด์ บุลกาเรีย รัสเซีย กลายเป็นคริสตังโดยทั่วกัน คริสตศตวรรษที่สิบ พวกนอร์แมน และฮังการี ได้รับความเชื่อ เป็นอันว่ายุโรปทั้งทวีปได้รับคำสอนของคริสตศาสนาแล้ว
การมิสซัง หลังจาก วาสโก ดา คามา พบดินแดนใหม่ในเอเซีย และคริสโตเฟอร์โคลัมบัส พบทวีปอเมริกา ขอบเขตของโลกได้ขยายตัวออกไป ในคณะผู้สำรวจดินแดนใหม่มักมีบาทหลวงคาทอลิก ติดตามไปด้วยเช่น นักบุญ ฟรันซิส เซเวียร์ แห่งคณะเยซูอิต ได้มาแพร่คำสอนในอินเดีย ผ่านแหลมมะละกา ไปประกาศคำสอนในญี่ปุ่น ทำให้มีผู้สมัครเป็นคาทอลิกหลายหมื่นคน ท่านสิ้นชีพขณะเตรียมตัวเข้าประเทศจีน ในปี ค.ศ.๑๕๕๒
ในปี ค.ศ.๑๖๒๒ สมเด็จพระสันตปาปาเกรโกรีที่ ๑๕ ได้ตั้งกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อ กระทรวงนี้รับภาระทุกอย่างเกี่ยวกับประเทศมิสซัง คือ ประเทศที่ยังมีคริสตชนแต่น้อย ต่อจากนั้นไม่นานคณะบาทหลวงมิสซัง ต่างประเทศแห่งปารีส ก็ได้ตั้งขึ้น และส่งมิสชันนารีออกแพร่คำสอนยังภาคตะวันออกไกล ได้มาถึงกรุงศรีอยุธยา เมื่อ ๒๒ สิงหาคม ค.ศ.๑๖๖๒
เป็นกำลังใจ ขอมอบลูกไก่ให้ไปเลี้ยงจ้า
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน