• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:cd73011a631667d5dc3944fdf833cf04' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span><br />\n<span><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"75\" o:preferrelative=\"t\" path=\"m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe\" filled=\"f\" stroked=\"f\" id=\"_x0000_t75\"><v:stroke joinstyle=\"miter\"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn=\"if lineDrawn pixelLineWidth 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 1 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @2 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 0 1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @6 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"sum @8 21600 0\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @10 21600 0\"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok=\"f\" gradientshapeok=\"t\" o:connecttype=\"rect\"></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><v:shape o:spid=\"_x0000_i1025\" alt=\"http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/boxing/line1.gif\" type=\"#_x0000_t75\" style=\"visibility: visible; width: 450pt; height: 0.75pt\" id=\"Picture_x0020_1\"><v:imagedata src=\"file:///C:\\DOCUME~1\\A01\\LOCALS~1\\Temp\\msohtmlclip1\\01\\clip_image001.gif\" o:title=\"line1\"><span style=\"color: #000000\"></span></v:imagedata></v:shape></span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 20pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000\">            <b><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\" lang=\"TH\"><span style=\"color: #000000\">มวยไทย</span></span></b><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><br />\n<span><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"75\" o:preferrelative=\"t\" path=\"m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe\" filled=\"f\" stroked=\"f\" id=\"_x0000_t75\"><v:stroke joinstyle=\"miter\"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn=\"if lineDrawn pixelLineWidth 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 1 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @2 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 0 1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @6 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"sum @8 21600 0\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @10 21600 0\"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok=\"f\" gradientshapeok=\"t\" o:connecttype=\"rect\"></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><v:shape o:spid=\"_x0000_i1025\" alt=\"http://www1.tv5.co.th/service/mod/heritage/nation/boxing/line1.gif\" type=\"#_x0000_t75\" style=\"visibility: visible; width: 450pt; height: 0.75pt\" id=\"Picture_x0020_1\"><v:imagedata src=\"file:///C:\\DOCUME~1\\A01\\LOCALS~1\\Temp\\msohtmlclip1\\01\\clip_image001.gif\" o:title=\"line1\"><span style=\"color: #000000\"></span></v:imagedata></v:shape></span><o:p></o:p></span><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><span style=\"color: #000000\">           <span lang=\"TH\">มวยไทยเป็นการเล่นพื้นบ้าน ที่มีคุณลักษณะของการต่อสู้ป้องกันตัว ด้วยการใช้อวัยวะ</span><br />\n<span lang=\"TH\">ในส่วนที่สามารถใช้ทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้ มาใช้งานอย่างชาญฉลาด และมีศิลปอย่างสูง</span>  <span lang=\"TH\">เช่น</span>  <span lang=\"TH\">หมัด</span>  <span lang=\"TH\">ศอกแขน</span>  <span lang=\"TH\">เท้า</span>  <span lang=\"TH\">แข้ง</span>  <span lang=\"TH\">และเข่าเป็นต้น</span>  <span lang=\"TH\">นับเป็นศิลปะประจำชาติ</span> <span lang=\"TH\">และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประการหนึ่งของคนไทย</span>  <span lang=\"TH\">ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในหมู่ทหาร</span> <span lang=\"TH\">เพราะในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ต้องผจญกับศึกสงครามมาโดยตลอด</span>  <span lang=\"TH\">จึงต้องฝึกฝนไว้ให้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ในการต่อสู้</span>  <span lang=\"TH\">มีการจัดตั้งสำนักมวยขึ้นฝึกสอนกันโดยทั่วไป</span><br />\n           <span lang=\"TH\">ในสมัยกรุงศรีอยุธยา</span>  <span lang=\"TH\">มีผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังในเชิงมวยไทย จนเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงปัจจุบันคือ นายขนมต้ม</span> <span lang=\"TH\">ที่สามารถใช้วิชามวยไทย เอาชนะศัตรูได้เป็นจำนวนมาก</span>  <span lang=\"TH\">แม้แต่พระมหากษัตริย์ของไทยบางพระองค์ในสมัยอยุธยาก็ทรงโปรดปราณ</span>  <span lang=\"TH\">และมีความสามารถในวิชามวยไทย เช่น พระเจ้าเสือหรือ ขุนหลวงสรศักดิ์</span><br />\n           <span lang=\"TH\">ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์</span>  <span lang=\"TH\">พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ทรงส่งเสริมวิชามวยไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้นโดยได้ทรงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยไทยการกุศล</span>  <span lang=\"TH\">เพื่อเก็บรายได้ไปบำรุงกองเสือป่าขึ้นที่เวทีมวยโรงเรียนสวนกุหลาบ</span> <span lang=\"TH\">เมื่อ พ.ศ. </span>2463  <span lang=\"TH\">สำหรับเวทีมวยไทยอื่นๆ ในครั้งนั้นก็มี</span>  <span lang=\"TH\">เวทีสวนเจ้าเชตุและเวทีหลักเมืองเป็นต้น</span><br />\n           <span lang=\"TH\">การชกมวยไทย เป็นการชกด้วยหมัดเปล่าๆ ต่อมาเมื่อมีการแข่งขัน ก็ได้มีการคาดเชือกที่มือ</span> <span lang=\"TH\">และในระยะต่อมา จึงใช้สวมนวมแทนแบบมวยสากล </span><o:p></o:p></span></span><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\" lang=\"TH\"><span style=\"color: #000000\">คุณลักษณะของมวยไทย</span></span><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><br />\n<span style=\"color: #000000\">           <span lang=\"TH\">มวยไทยใช้อวัยวะ </span>6 <span lang=\"TH\">ชนิด ในการต่อสู้กับปรปักษ์ ได้แก่ หมัด ศอก แขนท่อนล่างเท้า แข้ง และเข่า</span>  <span lang=\"TH\">เข้ากระทำกับคู่ต่อสู้ ด้วยการเข้าชก ต่อย เขก โขกทุบ เตะ ถีบ เหน็บ อัด ยัน เหยียบ เหวี่ยง ปัก ทิ่ม เฉือน กระทุ้ง สับ เสียบเฆี่ยน กด ทุ่ม ฟาด มัด รัด หักแขน หักขา หักคอ</span>  <span lang=\"TH\">ฯลฯ</span>  <span lang=\"TH\">อวัยวะแต่ละชนิดดังกล่าวมีวิธีใช้ดังนี้</span><br />\n         <b>1. <span lang=\"TH\">หมัด</span></b><span lang=\"TH\">ใช้ทิ่มกระแทก กระทุ้ง ซึ่งมีทั้งกระทุ้งขึ้นและกระทุ้งลง</span>  <span lang=\"TH\">เหวี่ยง ซึ่งมีซึ่งเหวี่ยงสั้นและเหวี่ยงยาวเขก โขก และทุบ</span><br />\n        <b>2. <span lang=\"TH\">ศอก</span></b><span lang=\"TH\">ใช้เหวี่ยง ปัก งัด ทิ่ม เฉือน กด และกระทุ้ง</span><br />\n        <b>3. <span lang=\"TH\">แขนท่อนล่าง</span>  </b><span lang=\"TH\">ใช้สับ เสียบ ปัด เหวี่ยง และเฆี่ยน</span><br />\n        <b>4. <span lang=\"TH\">เท้า</span>  </b><span lang=\"TH\">ใช้ถีบ เหน็บ อัด คือการเตะด้วยปลายโต่ง ยัน เหยียบ เตะ และกระตุกเท้า</span><br />\n         <b>5. <span lang=\"TH\">แข้ง</span></b><span lang=\"TH\">ใช้เหวี่ยงซึ่งมีทั้งเหวี่ยงสั้นและเหวี่ยงยาว</span><br />\n         <b>6. <span lang=\"TH\">เข่า</span></b><span lang=\"TH\">ใช้ยิงโยน ยัด เหวี่ยง กุด และกระตุก</span><br />\n   <span lang=\"TH\">ไม้มวย</span><br />\n           <span lang=\"TH\">เป็นการใช้อวัยวะต่างๆ ดังกล่าว ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผสมกลมกลืนในการรุกและรับซึ่งก็คือการเข้ากระทำต่อคู่ต่อสู้</span>  <span lang=\"TH\">และการป้องกันตัว ซึ่งนับว่าเป็นศิลปะที่มีการประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในรูปแบบต่างๆ ไม่มีที่สิ้นสุด</span><br />\n           <b><span lang=\"TH\">แม่ไม้</span>  </b><span lang=\"TH\">คือท่าครู เป็นท่าย่างสามขุมที่มีองค์ประกอบของการต่อสู้</span>  <span lang=\"TH\">และการป้องกันตัวอยู่พร้อมแต่ละครูแต่ละสำนักจะกำหนดท่าขึ้น</span>  <span lang=\"TH\">อันเป็นแบบอย่างของแต่ละคนไป</span><br />\n           <b><span lang=\"TH\">ลูกไม</span></b><span lang=\"TH\">้ หรือไม้มวยไทยมีทั้งไม้เด็ด ไม้ตาย และไม้เป็น</span><br />\n            <b><span lang=\"TH\">ไม้เด็ด</span></b> <span lang=\"TH\">คือลูกไม้ที่มีประสิทธิภาพ</span>  <span lang=\"TH\">และมีอันตรายสูงแก่คู่ต่อสู้</span><br />\n           <b><span lang=\"TH\">ไม้ตาย</span></b> <span lang=\"TH\">คือไม้ มวยที่เมื่อฝ่ายที่กระทำใช้ไม้นี้ออกไป ผู้ถูกกระทำจะไม่สามารถป้องกันแก้ไขได้</span><br />\n           <b><span lang=\"TH\">ไม้เป็น</span>  </b><span lang=\"TH\">คือไม้มวยที่เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้ออกไป</span>  <span lang=\"TH\">อีกฝ่ายหนึ่งสามารถป้องกันแก้ไขได้ ถ้ารู้วิธี </span><o:p></o:p></span></span><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\" lang=\"TH\"><span style=\"color: #000000\">การไหว้ครู</span></span><span style=\"font-size: 14pt; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><br />\n<span style=\"color: #000000\">           <span lang=\"TH\">ในการแสดงศิลปวิทยาต่างๆ ย่อมมีครูบาอาจารย์เป็นผู้ประสิทธ์ประสาทวิชาการให้</span> <span lang=\"TH\">เป็นประเพณีของชาวไทย</span>  <span lang=\"TH\">ซึ่งอบรมสั่งสอนกันมา ในเรื่องความกตัญญูรู้คุณต่อท่านผู้มีพระคุณ</span> <span lang=\"TH\">เมื่อรู้คุณแล้วก็จะต้องมีกตเวที</span>  <span lang=\"TH\">คือตอบแทนพระคุณในรูปแบบต่างๆ การไหว้ครูเป็นผลจากคุณธรรมดังกล่าวแล้ว</span><br />\n           <span lang=\"TH\">ดังนั้น มวยไทยซึ่งเป็นศิลปวิทยาแขนงหนึ่ง จึงอยู่ในกรอบประเพณีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด</span> <span lang=\"TH\">ต้องมีพิธีไหว้ครูก่อนทำการแข่งขัน</span>  <span lang=\"TH\">สำหรับท่าไหว้ครูมีท่าถวายบังคมเป็นท่าเริ่มแรกนั้น</span> <span lang=\"TH\">กล่าวกันว่า ในสมัยก่อนการชกมวยไทยมักจะจัดขึ้นหน้าพระที่นั่ง</span>  <span lang=\"TH\">พระมหากษัตริย์มักจะเสด็จออกทอดพระเนตร</span> <span lang=\"TH\">นักมวยที่จะเข้าแข่งขันเมื่อขึ้นสังเวียนแล้ว จึงต้องเริ่มด้วยการถวายบังคมด้วยลีลาท่าทางของนักมวย</span><br />\n           <span lang=\"TH\">การไหว้ครูมีท่ารำอยูหลายท่า</span>  <span lang=\"TH\">ตามแต่ครูบาอาจารย์และเจ้าสำนักมวยต่างๆ จะประดิษฐ์คิดขึ้นมาเป็นแบบอย่าง</span>  <span lang=\"TH\">เช่น ท่าเบญจางคประดิษฐท่าเทพพนมพรหมสี่หน้า ท่าสาวน้อยประแป้ง ท่าหนุมานตบยุง</span><br />\n   <span lang=\"TH\">ไม้มวย หรือลูกไม้</span><br />\n           <span lang=\"TH\">เป็นแบบฉบับการใช้อาวุธจากอวัยวะต่างๆดังกล่าวข้างต้น</span>  <span lang=\"TH\">ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอย่างผสมกลมกลืน</span> <span lang=\"TH\">เพื่อป้องกันการกระทำของคู่ต่อสู้</span>  <span lang=\"TH\">ในขณะเดียวกันก็มีการโต้ตอบกลับไป</span> <span lang=\"TH\">ตามโอกาสและจังหวะจะโคนของการกระทำนั้นๆ</span>  <span lang=\"TH\">แบบอย่างดังกล่าว มีชื่อเรียกตามลักษณะของการป้องกันและตอบโต้</span> <span lang=\"TH\">พอประมวลได้ดังนี้</span>  (<span lang=\"TH\">ในภาพฝ่ายคาดมงคลขาวเป็นฝ่ายกระทำ ฝ่ายคาดมงคลดำเป็นฝ่ายป้องกันและตอบโต้)</span><o:p></o:p></span></span><span style=\"font-size: 14pt; line-height: 115%; font-family: \'Angsana New\',\'serif\'\"><o:p><span style=\"color: #000000\"> </span></o:p></span></span></span></p>\n', created = 1727408740, expire = 1727495140, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:cd73011a631667d5dc3944fdf833cf04' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

อนุรักไทย.มวยไทย


            มวยไทย
           มวยไทยเป็นการเล่นพื้นบ้าน ที่มีคุณลักษณะของการต่อสู้ป้องกันตัว ด้วยการใช้อวัยวะ
ในส่วนที่สามารถใช้ทำอันตรายคู่ต่อสู้ได้ มาใช้งานอย่างชาญฉลาด และมีศิลปอย่างสูง  เช่น  หมัด  ศอกแขน  เท้า  แข้ง  และเข่าเป็นต้น  นับเป็นศิลปะประจำชาติ และเป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นประการหนึ่งของคนไทย  ได้มีการนำมาใช้ประโยชน์อย่างจริงจังในหมู่ทหาร เพราะในประวัติศาสตร์ชาติไทยที่ต้องผจญกับศึกสงครามมาโดยตลอด  จึงต้องฝึกฝนไว้ให้เชี่ยวชาญเพื่อใช้ในการต่อสู้  มีการจัดตั้งสำนักมวยขึ้นฝึกสอนกันโดยทั่วไป
           ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  มีผู้ที่ชื่อเสียงโด่งดังในเชิงมวยไทย จนเป็นที่เลื่องลือมาจนถึงปัจจุบันคือ นายขนมต้ม ที่สามารถใช้วิชามวยไทย เอาชนะศัตรูได้เป็นจำนวนมาก  แม้แต่พระมหากษัตริย์ของไทยบางพระองค์ในสมัยอยุธยาก็ทรงโปรดปราณ  และมีความสามารถในวิชามวยไทย เช่น พระเจ้าเสือหรือ ขุนหลวงสรศักดิ์
           ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์  พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าฯ ได้ทรงส่งเสริมวิชามวยไทยให้แพร่หลายยิ่งขึ้นโดยได้ทรงจัดให้มีการแข่งขันชกมวยไทยการกุศล  เพื่อเก็บรายได้ไปบำรุงกองเสือป่าขึ้นที่เวทีมวยโรงเรียนสวนกุหลาบ เมื่อ พ.ศ. 2463  สำหรับเวทีมวยไทยอื่นๆ ในครั้งนั้นก็มี  เวทีสวนเจ้าเชตุและเวทีหลักเมืองเป็นต้น
           การชกมวยไทย เป็นการชกด้วยหมัดเปล่าๆ ต่อมาเมื่อมีการแข่งขัน ก็ได้มีการคาดเชือกที่มือ และในระยะต่อมา จึงใช้สวมนวมแทนแบบมวยสากล
คุณลักษณะของมวยไทย
           มวยไทยใช้อวัยวะ 6 ชนิด ในการต่อสู้กับปรปักษ์ ได้แก่ หมัด ศอก แขนท่อนล่างเท้า แข้ง และเข่า  เข้ากระทำกับคู่ต่อสู้ ด้วยการเข้าชก ต่อย เขก โขกทุบ เตะ ถีบ เหน็บ อัด ยัน เหยียบ เหวี่ยง ปัก ทิ่ม เฉือน กระทุ้ง สับ เสียบเฆี่ยน กด ทุ่ม ฟาด มัด รัด หักแขน หักขา หักคอ  ฯลฯ  อวัยวะแต่ละชนิดดังกล่าวมีวิธีใช้ดังนี้
         1. หมัดใช้ทิ่มกระแทก กระทุ้ง ซึ่งมีทั้งกระทุ้งขึ้นและกระทุ้งลง  เหวี่ยง ซึ่งมีซึ่งเหวี่ยงสั้นและเหวี่ยงยาวเขก โขก และทุบ
        2. ศอกใช้เหวี่ยง ปัก งัด ทิ่ม เฉือน กด และกระทุ้ง
        3. แขนท่อนล่าง  ใช้สับ เสียบ ปัด เหวี่ยง และเฆี่ยน
        4. เท้า  ใช้ถีบ เหน็บ อัด คือการเตะด้วยปลายโต่ง ยัน เหยียบ เตะ และกระตุกเท้า
         5. แข้งใช้เหวี่ยงซึ่งมีทั้งเหวี่ยงสั้นและเหวี่ยงยาว
         6. เข่าใช้ยิงโยน ยัด เหวี่ยง กุด และกระตุก
   ไม้มวย
           เป็นการใช้อวัยวะต่างๆ ดังกล่าว ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายที่ผสมกลมกลืนในการรุกและรับซึ่งก็คือการเข้ากระทำต่อคู่ต่อสู้  และการป้องกันตัว ซึ่งนับว่าเป็นศิลปะที่มีการประยุกต์ใช้ให้เกิดผลในรูปแบบต่างๆ ไม่มีที่สิ้นสุด
           แม่ไม้  คือท่าครู เป็นท่าย่างสามขุมที่มีองค์ประกอบของการต่อสู้  และการป้องกันตัวอยู่พร้อมแต่ละครูแต่ละสำนักจะกำหนดท่าขึ้น  อันเป็นแบบอย่างของแต่ละคนไป
           ลูกไม้ หรือไม้มวยไทยมีทั้งไม้เด็ด ไม้ตาย และไม้เป็น
            ไม้เด็ด คือลูกไม้ที่มีประสิทธิภาพ  และมีอันตรายสูงแก่คู่ต่อสู้
           ไม้ตาย คือไม้ มวยที่เมื่อฝ่ายที่กระทำใช้ไม้นี้ออกไป ผู้ถูกกระทำจะไม่สามารถป้องกันแก้ไขได้
           ไม้เป็น  คือไม้มวยที่เมื่อฝ่ายหนึ่งใช้ออกไป  อีกฝ่ายหนึ่งสามารถป้องกันแก้ไขได้ ถ้ารู้วิธี
การไหว้ครู
           ในการแสดงศิลปวิทยาต่างๆ ย่อมมีครูบาอาจารย์เป็นผู้ประสิทธ์ประสาทวิชาการให้ เป็นประเพณีของชาวไทย  ซึ่งอบรมสั่งสอนกันมา ในเรื่องความกตัญญูรู้คุณต่อท่านผู้มีพระคุณ เมื่อรู้คุณแล้วก็จะต้องมีกตเวที  คือตอบแทนพระคุณในรูปแบบต่างๆ การไหว้ครูเป็นผลจากคุณธรรมดังกล่าวแล้ว
           ดังนั้น มวยไทยซึ่งเป็นศิลปวิทยาแขนงหนึ่ง จึงอยู่ในกรอบประเพณีดังกล่าวอย่างเคร่งครัด ต้องมีพิธีไหว้ครูก่อนทำการแข่งขัน  สำหรับท่าไหว้ครูมีท่าถวายบังคมเป็นท่าเริ่มแรกนั้น กล่าวกันว่า ในสมัยก่อนการชกมวยไทยมักจะจัดขึ้นหน้าพระที่นั่ง  พระมหากษัตริย์มักจะเสด็จออกทอดพระเนตร นักมวยที่จะเข้าแข่งขันเมื่อขึ้นสังเวียนแล้ว จึงต้องเริ่มด้วยการถวายบังคมด้วยลีลาท่าทางของนักมวย
           การไหว้ครูมีท่ารำอยูหลายท่า  ตามแต่ครูบาอาจารย์และเจ้าสำนักมวยต่างๆ จะประดิษฐ์คิดขึ้นมาเป็นแบบอย่าง  เช่น ท่าเบญจางคประดิษฐท่าเทพพนมพรหมสี่หน้า ท่าสาวน้อยประแป้ง ท่าหนุมานตบยุง
   ไม้มวย หรือลูกไม้
           เป็นแบบฉบับการใช้อาวุธจากอวัยวะต่างๆดังกล่าวข้างต้น  ประกอบกับการเคลื่อนไหวร่างกายทุกส่วนอย่างผสมกลมกลืน เพื่อป้องกันการกระทำของคู่ต่อสู้  ในขณะเดียวกันก็มีการโต้ตอบกลับไป ตามโอกาสและจังหวะจะโคนของการกระทำนั้นๆ  แบบอย่างดังกล่าว มีชื่อเรียกตามลักษณะของการป้องกันและตอบโต้ พอประมวลได้ดังนี้  (ในภาพฝ่ายคาดมงคลขาวเป็นฝ่ายกระทำ ฝ่ายคาดมงคลดำเป็นฝ่ายป้องกันและตอบโต้)
 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 284 คน กำลังออนไลน์