• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d3668516c74a54d22d94ed9f9ac24339' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<b>ตัวอักษรจีนและภาษาถิ่น</b>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img src=\"/files/u31504/1.gif\" height=\"579\" width=\"565\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nที่มารูปภาพ  http://163.26.9.13/noise/hcjh-ca/3-a/%E6%96%87%E5%AD%971.gif\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<p>ตัวอักษรจีนเป็นระบบตัวอักษรที่เก่าแก่และมีคนใช้มากที่สุดในโลกระบบหนึ่ง จากหลักฐานข้อมูลเท่าที่ขุดค้นพบได้ในปัจจุบันยืนยันว่า ตัวอักษรจีนมีประวัติความเป็นมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี นับจากตัวอักษรเจี่ยกู่หรือตัวอักษรซึ่งสลักบนกระดองเต่าในสมัยราชวงศ์ซาง ตัวอักษรเจี่ยกู่เป็นอักษรภาพเลียน(เซี่ยงสิงจื้อ) ทั้งยังเป็นตัวอักษรที่แสดงเสียงด้วย ทุกวันนี้ก็ยังมีการใช้ตัวอักษรภาพเลียนจำนวนหนึ่งซึ่งแลดูพริ้วไหวเสมือนจริงในระบบตัวอักษรจีน </p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\nปัจจุบันระบบตัวอักษรจีนแบ่งออกเป็นสองระบบใหญ่ได้แก่ ระบบตัวเต็มและระบบตัวย่อ ระบบตัวเต็มเป็นระบบที่ใช้ในไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊าและกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนระบบตัวย่อเป็นระบบที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย สิงคโปร์และกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าระบบการเขียนของสองระบบนี้จะต่างกัน แต่สำหรับตัวอักษรที่ใช้บ่อยนั้นมีจำนวนตัวอักษรที่แตกต่างกันไม่ถึง 25% นอกจากนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีก็ได้รับเอาระบบตัวอักษรจีนไปใช้ในภาษาของตนตั้งแต่สมัยโบราณ ระบบตัวอักษรจีนในภาษาญี่ปุ่นเป็นระบบตัวอักษรที่ได้ถูกปรับย่อแล้ว แต่ก็มีตัวอักษรบางส่วนที่ยังคงวิธีการเขียนแบบอักษรจีนโบราณเอาไว้ ส่วนระบบตัวอักษรจีนในภาษาเกาหลีนั้นถือว่ามีวิธีการเขียนที่ใกล้เคียงกับวิธีเขียนแบบจีนโบราณมากที่สุด โดยทั่วไปตัวอักษรจีนหนึ่งตัวจะมีหลายความหมายและมีความสามารถในการประกอบคำสูงมาก ทั้งตัวอักษรบางตัวยังสามารถเป็นคำได้ด้วยตัวเอง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ตัวอักษรจีนมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูง การใช้ตัวอักษรที่ใช้บ่อยเพียงประมาณ 2,000 ตัวก็สามารถครอบคลุมการใช้ตัวอักษรในภาษาเขียนได้มากกว่า 98% นอกจากนี้ตัวอักษรจีนยังมีลักษณะเฉพาะคือเป็นตัวอักษรที่แสดงความหมายและเสียง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการรับสารโดยการอ่านตัวอักษรจีนสูงตามไปด้วย และเมื่อเทียบตัวอักษรจีนกับตัวอักษรระบบสะกดคำในปริมาณที่เท่ากัน ตัวอักษรจีนจะสามารถถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารได้มากกว่า\n</p>\n<p>\nภาษาจีนเป็นภาษาในตระกูลจีน-ทิเบต ในภาษาจีนมีภาษาถิ่นมากมาย ปัจจุบันได้มีจัดหมวดหมู่ของภาษาถิ่นต่างๆ โดยแบ่งออกเป็นเขตภาษาถิ่น 7 เขตด้วยกัน ภาษาถิ่นเหล่านี้ได้แก่ ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอู๋(ภาษาถิ่นเจียงซูและเจ้อเจียง) ภาษาถิ่นเซียง(ภาษาถิ่นหูหนาน) ภาษาถิ่นกั้น(ภาษาถิ่นเจียงซี) ภาษาถิ่นจีนแคะ(ภาษาถิ่นฮากกา) ภาษาถิ่นเย่ว์(ภาษาถิ่นกวางตุ้ง)และภาษาถิ่นหมิ่นหนาน(ภาษาถิ่นฮกเกี้ยน) ในบรรดาภาษาถิ่นทั้งเจ็ดนี้ ภาษาถิ่นเหนือเป็นภาษาถิ่นที่ชนชาติฮั่นใช้สำหรับสื่อสารมากที่สุดในปัจจุบัน และถือเอาภาษาปักกิ่งเป็นตัวแทนของภาษาถิ่นเหนือ โดยภาษาถิ่นเหนือทุกภาษาจะมีเอกภาพทางโครงสร้างภาษาค่อนข้างสูง พื้นที่ที่ใช้ภาษาถิ่นเหนือในการสื่อสารกินเนื้อที่กว้างที่สุดเมื่อเทียบกับภาษาถิ่นอื่นๆ ประชากรที่ใช้ภาษาถิ่นเหนือมีราว 73% ของประชากรทั่วประเทศ ส่วนภาษาถิ่นที่เหลือ 6 ภาษาจะใช้สื่อสารกันทางภาคใต้ของจีน หากพิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นที่ต่างๆ จะใช้ภาษาถิ่นต่างกัน ดังนั้นผู้คนต่างถิ่นฐานกันก็มักจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ทว่า ระบบตัวอักษรที่ประชาชนทั่วประเทศจีนใช้นั้นเหมือนกันทุกประการ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบบตัวอักษรของภาษาถิ่นต่างๆ ของจีนมีความเป็นเอกภาพสูง ดังนั้นภาษาที่ใช้จึงถือว่าเป็นภาษาเดียวกันคือภาษาจีน\n</p>\n<p>\nการขอร้องและขอบคุณ<br />\nในภาษาจีนมีวิธีพูดแสดงความขอบคุณและขอโทษที่ตายตัว โดยทั่วไป เวลากล่าวขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น จะขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า &quot;má fan……&quot; (รบกวนช่วย...) หรือ &quot;qǐng……&quot; (กรุณา...) หากขอความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย เช่น ขอยืมดินสอ ถามทาง ฝากข้อความ หรือเรียกคนมารับโทรศัพท์ คนจีนมักจะไม่เพิ่มคำสุภาพเข้าไปในประโยค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาพูดกับญาติหรือเพื่อนสนิท เพราะคนจีนเชื่อว่าผู้ที่ให้ความช่วยเหลือสามารถรับรู้ถึงความขอบคุณของตน จึงไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เมื่อคู่สนทนากล่าวว่า &quot;xiè xie&quot; (ขอบคุณค่ะ/ครับ) โดยทั่วไปเราจะตอบกลับไปว่า &quot;méi shénme&quot; (ไม่เป็นไรค่ะ/ครับ) หรือ &quot;bú yòng xiè&quot; (ไม่ต้องขอบคุณหรอก) \n</p>\n<p>\nเมื่อต้องการขอร้องหรือขัดจังหวะขณะที่ผู้อื่นกำลังสนทนาอยู่ โดยทั่วไปจะพูดว่า &quot;láo jià&quot; (ขอโทษค่ะ/ครับ) เมื่อต้องการขอทางจะพูดว่า &quot;jiè guāng&quot; (ขอทางหน่อยค่ะ/ครับ) หรือ &quot;qǐng ràng yi ràng&quot; (ช่วยหลบทางหน่อยค่ะ/ครับ) หากต้องการถามคำถามให้เพิ่มสำนวนว่า &quot;qǐng wèn&quot; (ขอถามหน่อยค่ะ/ครับ) ไว้หน้าประโยค\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"/node/70714\"><img src=\"/files/u31504/untitled_____________.gif\" height=\"272\" width=\"168\" /></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nกลับสู่หน้าหลัก \n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1727448329, expire = 1727534729, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d3668516c74a54d22d94ed9f9ac24339' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ตัวอักษรจีนและภาษาถิ่น

รูปภาพของ sss28804

 

ตัวอักษรจีนและภาษาถิ่น
ที่มารูปภาพ  http://163.26.9.13/noise/hcjh-ca/3-a/%E6%96%87%E5%AD%971.gif

ตัวอักษรจีนเป็นระบบตัวอักษรที่เก่าแก่และมีคนใช้มากที่สุดในโลกระบบหนึ่ง จากหลักฐานข้อมูลเท่าที่ขุดค้นพบได้ในปัจจุบันยืนยันว่า ตัวอักษรจีนมีประวัติความเป็นมาไม่ต่ำกว่า 3,000 ปี นับจากตัวอักษรเจี่ยกู่หรือตัวอักษรซึ่งสลักบนกระดองเต่าในสมัยราชวงศ์ซาง ตัวอักษรเจี่ยกู่เป็นอักษรภาพเลียน(เซี่ยงสิงจื้อ) ทั้งยังเป็นตัวอักษรที่แสดงเสียงด้วย ทุกวันนี้ก็ยังมีการใช้ตัวอักษรภาพเลียนจำนวนหนึ่งซึ่งแลดูพริ้วไหวเสมือนจริงในระบบตัวอักษรจีน

 

ปัจจุบันระบบตัวอักษรจีนแบ่งออกเป็นสองระบบใหญ่ได้แก่ ระบบตัวเต็มและระบบตัวย่อ ระบบตัวเต็มเป็นระบบที่ใช้ในไต้หวัน ฮ่องกง มาเก๊าและกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในทวีปอเมริกาเหนือ ส่วนระบบตัวย่อเป็นระบบที่ใช้ในจีนแผ่นดินใหญ่ มาเลเซีย สิงคโปร์และกลุ่มชาวจีนโพ้นทะเลในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม้ว่าระบบการเขียนของสองระบบนี้จะต่างกัน แต่สำหรับตัวอักษรที่ใช้บ่อยนั้นมีจำนวนตัวอักษรที่แตกต่างกันไม่ถึง 25% นอกจากนี้ ญี่ปุ่นและเกาหลีก็ได้รับเอาระบบตัวอักษรจีนไปใช้ในภาษาของตนตั้งแต่สมัยโบราณ ระบบตัวอักษรจีนในภาษาญี่ปุ่นเป็นระบบตัวอักษรที่ได้ถูกปรับย่อแล้ว แต่ก็มีตัวอักษรบางส่วนที่ยังคงวิธีการเขียนแบบอักษรจีนโบราณเอาไว้ ส่วนระบบตัวอักษรจีนในภาษาเกาหลีนั้นถือว่ามีวิธีการเขียนที่ใกล้เคียงกับวิธีเขียนแบบจีนโบราณมากที่สุด โดยทั่วไปตัวอักษรจีนหนึ่งตัวจะมีหลายความหมายและมีความสามารถในการประกอบคำสูงมาก ทั้งตัวอักษรบางตัวยังสามารถเป็นคำได้ด้วยตัวเอง คุณสมบัติเหล่านี้ทำให้ตัวอักษรจีนมีประสิทธิภาพในการใช้งานสูง การใช้ตัวอักษรที่ใช้บ่อยเพียงประมาณ 2,000 ตัวก็สามารถครอบคลุมการใช้ตัวอักษรในภาษาเขียนได้มากกว่า 98% นอกจากนี้ตัวอักษรจีนยังมีลักษณะเฉพาะคือเป็นตัวอักษรที่แสดงความหมายและเสียง จึงทำให้ประสิทธิภาพในการรับสารโดยการอ่านตัวอักษรจีนสูงตามไปด้วย และเมื่อเทียบตัวอักษรจีนกับตัวอักษรระบบสะกดคำในปริมาณที่เท่ากัน ตัวอักษรจีนจะสามารถถ่ายทอดข้อมูลข่าวสารได้มากกว่า

ภาษาจีนเป็นภาษาในตระกูลจีน-ทิเบต ในภาษาจีนมีภาษาถิ่นมากมาย ปัจจุบันได้มีจัดหมวดหมู่ของภาษาถิ่นต่างๆ โดยแบ่งออกเป็นเขตภาษาถิ่น 7 เขตด้วยกัน ภาษาถิ่นเหล่านี้ได้แก่ ภาษาถิ่นเหนือ ภาษาถิ่นอู๋(ภาษาถิ่นเจียงซูและเจ้อเจียง) ภาษาถิ่นเซียง(ภาษาถิ่นหูหนาน) ภาษาถิ่นกั้น(ภาษาถิ่นเจียงซี) ภาษาถิ่นจีนแคะ(ภาษาถิ่นฮากกา) ภาษาถิ่นเย่ว์(ภาษาถิ่นกวางตุ้ง)และภาษาถิ่นหมิ่นหนาน(ภาษาถิ่นฮกเกี้ยน) ในบรรดาภาษาถิ่นทั้งเจ็ดนี้ ภาษาถิ่นเหนือเป็นภาษาถิ่นที่ชนชาติฮั่นใช้สำหรับสื่อสารมากที่สุดในปัจจุบัน และถือเอาภาษาปักกิ่งเป็นตัวแทนของภาษาถิ่นเหนือ โดยภาษาถิ่นเหนือทุกภาษาจะมีเอกภาพทางโครงสร้างภาษาค่อนข้างสูง พื้นที่ที่ใช้ภาษาถิ่นเหนือในการสื่อสารกินเนื้อที่กว้างที่สุดเมื่อเทียบกับภาษาถิ่นอื่นๆ ประชากรที่ใช้ภาษาถิ่นเหนือมีราว 73% ของประชากรทั่วประเทศ ส่วนภาษาถิ่นที่เหลือ 6 ภาษาจะใช้สื่อสารกันทางภาคใต้ของจีน หากพิจารณาจากสภาพภูมิศาสตร์จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า พื้นที่ต่างๆ จะใช้ภาษาถิ่นต่างกัน ดังนั้นผู้คนต่างถิ่นฐานกันก็มักจะสื่อสารกันไม่เข้าใจ ทว่า ระบบตัวอักษรที่ประชาชนทั่วประเทศจีนใช้นั้นเหมือนกันทุกประการ กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ ระบบตัวอักษรของภาษาถิ่นต่างๆ ของจีนมีความเป็นเอกภาพสูง ดังนั้นภาษาที่ใช้จึงถือว่าเป็นภาษาเดียวกันคือภาษาจีน

การขอร้องและขอบคุณ
ในภาษาจีนมีวิธีพูดแสดงความขอบคุณและขอโทษที่ตายตัว โดยทั่วไป เวลากล่าวขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น จะขึ้นต้นประโยคด้วยคำว่า "má fan……" (รบกวนช่วย...) หรือ "qǐng……" (กรุณา...) หากขอความช่วยเหลือเพียงเล็กน้อย เช่น ขอยืมดินสอ ถามทาง ฝากข้อความ หรือเรียกคนมารับโทรศัพท์ คนจีนมักจะไม่เพิ่มคำสุภาพเข้าไปในประโยค โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาพูดกับญาติหรือเพื่อนสนิท เพราะคนจีนเชื่อว่าผู้ที่ให้ความช่วยเหลือสามารถรับรู้ถึงความขอบคุณของตน จึงไม่จำเป็นต้องพูดออกมา เมื่อคู่สนทนากล่าวว่า "xiè xie" (ขอบคุณค่ะ/ครับ) โดยทั่วไปเราจะตอบกลับไปว่า "méi shénme" (ไม่เป็นไรค่ะ/ครับ) หรือ "bú yòng xiè" (ไม่ต้องขอบคุณหรอก) 

เมื่อต้องการขอร้องหรือขัดจังหวะขณะที่ผู้อื่นกำลังสนทนาอยู่ โดยทั่วไปจะพูดว่า "láo jià" (ขอโทษค่ะ/ครับ) เมื่อต้องการขอทางจะพูดว่า "jiè guāng" (ขอทางหน่อยค่ะ/ครับ) หรือ "qǐng ràng yi ràng" (ช่วยหลบทางหน่อยค่ะ/ครับ) หากต้องการถามคำถามให้เพิ่มสำนวนว่า "qǐng wèn" (ขอถามหน่อยค่ะ/ครับ) ไว้หน้าประโยค

 

กลับสู่หน้าหลัก

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 278 คน กำลังออนไลน์