• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d8b6afd31a2e56db478f454aac67a1a0' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<meta content=\"Word.Document\" name=\"ProgId\" /><br />\n<meta content=\"Microsoft Word 11\" name=\"Generator\" /><br />\n<meta content=\"Microsoft Word 11\" name=\"Originator\" /></p>\n<link href=\"file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C22%5Cclip_filelist.xml\" rel=\"File-List\" />\n<link href=\"file:///C:%5CDOCUME%7E1%5CADMINI%7E1%5CLOCALS%7E1%5CTemp%5Cmsohtml1%5C22%5Cclip_editdata.mso\" rel=\"Edit-Time-Data\" />\n<style>\nv\\:* {behavior:url(#default#VML);}\no\\:* {behavior:url(#default#VML);}\nw\\:* {behavior:url(#default#VML);}\n.shape {behavior:url(#default#VML);}</style><style>\n<!--\n/* Font Definitions */\n@font-face\n{font-family:\"Angsana New\";\npanose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4;\nmso-font-charset:0;\nmso-generic-font-family:roman;\nmso-font-pitch:variable;\nmso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;}\n@font-face\n{font-family:Tahoma;\npanose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4;\nmso-font-charset:0;\nmso-generic-font-family:swiss;\nmso-font-pitch:variable;\nmso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;}\n/* Style Definitions */\np.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal\n{mso-style-parent:\"\";\nmargin:0cm;\nmargin-bottom:.0001pt;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nmso-bidi-font-size:14.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";\nmso-bidi-font-family:\"Angsana New\";}\np\n{mso-margin-top-alt:auto;\nmargin-right:0cm;\nmso-margin-bottom-alt:auto;\nmargin-left:0cm;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:Tahoma;\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";}\np.style6, li.style6, div.style6\n{mso-style-name:style6;\nmso-margin-top-alt:auto;\nmargin-right:0cm;\nmso-margin-bottom-alt:auto;\nmargin-left:0cm;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:Tahoma;\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";}\n@page Section1\n{size:612.0pt 792.0pt;\nmargin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt;\nmso-header-margin:36.0pt;\nmso-footer-margin:36.0pt;\nmso-paper-source:0;}\ndiv.Section1\n{page:Section1;}\n--><!--\n/* Font Definitions */\n@font-face\n{font-family:\"Angsana New\";\npanose-1:2 2 6 3 5 4 5 2 3 4;\nmso-font-charset:0;\nmso-generic-font-family:roman;\nmso-font-pitch:variable;\nmso-font-signature:16777219 0 0 0 65537 0;}\n@font-face\n{font-family:Tahoma;\npanose-1:2 11 6 4 3 5 4 4 2 4;\nmso-font-charset:0;\nmso-generic-font-family:swiss;\nmso-font-pitch:variable;\nmso-font-signature:1627421319 -2147483648 8 0 66047 0;}\n/* Style Definitions */\np.MsoNormal, li.MsoNormal, div.MsoNormal\n{mso-style-parent:\"\";\nmargin:0cm;\nmargin-bottom:.0001pt;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nmso-bidi-font-size:14.0pt;\nfont-family:\"Times New Roman\";\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";\nmso-bidi-font-family:\"Angsana New\";}\np\n{mso-margin-top-alt:auto;\nmargin-right:0cm;\nmso-margin-bottom-alt:auto;\nmargin-left:0cm;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:Tahoma;\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";}\np.style6, li.style6, div.style6\n{mso-style-name:style6;\nmso-margin-top-alt:auto;\nmargin-right:0cm;\nmso-margin-bottom-alt:auto;\nmargin-left:0cm;\nmso-pagination:widow-orphan;\nfont-size:12.0pt;\nfont-family:Tahoma;\nmso-fareast-font-family:\"Times New Roman\";}\n@page Section1\n{size:612.0pt 792.0pt;\nmargin:72.0pt 90.0pt 72.0pt 90.0pt;\nmso-header-margin:36.0pt;\nmso-footer-margin:36.0pt;\nmso-paper-source:0;}\ndiv.Section1\n{page:Section1;}\n--></style>\n<p><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">การเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพในส่วนต่าง ๆ ของโลก </span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">การ เปลี่ยนแปลงของ เปลือกโลก </span></b><b><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span></b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">แผ่นเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา และแบ่งการเคลื่อนที่ของแผ่นโลกออกเป็น </span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">3 <span lang=\"TH\">แบบคือการชนกัน การแยกจากกัน และแบบรอยเลื่อน ซึ่งมีผลทำให้เกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาดังนี้</span></span><span style=\"color: black\"><o:p></o:p></span> <span style=\"color: black\">1. <span lang=\"TH\">การคดโค้งโก่งงอ </span><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"color: black\">การคดโค้งโก่งงอ เกิดจากแผ่นเปลือกโลก </span><span style=\"color: black\">2 <span lang=\"TH\">แผ่น เคลื่อนที่ชนกันด้วยแรงดันมหาศาลทำให้ชั้นหินตรงบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกชน กันเกิดการคดโค้งโก่งงอ แต่การเกิดรอยคดโค้งโก่งงอจะใช้เวลาเป็นพันปีและต้องได้รับพลังงานอย่างต่อ เนื่อง รอยคดโค้ดโก่งงอของชั้นหินเกิดติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างกินพื้นที่มากจะกลาย เป็นเทือกเขา เช่น เทือกเขาหิมาลัยในทวีปเอเซีย เทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป เทือกเขาภูพานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นต้น </span><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">2. <span lang=\"TH\">การยกตัวและการยุบตัว</span><o:p></o:p></span> <span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">การยกตัวและการยุบตัว เกิดจากพลังงานที่สะสมอยู่ภายในเปลือกโลก จะเริ่มแตกและแยกออกจากกันในทิศทางที่เป็นเส้นตรงหรือแนวราบ ทำให้เกิดรอยเลื่อนในลักษณะต่าง ๆ เช่น การยกตัวของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดจากรอยเลื่อนแบบปกติเป็นภูเขา เรียกว่า</span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"> Block Mountain <span lang=\"TH\">โดยยอดเขาจะมีลักษณะราบและไหล่เขาชันมาก เช่น ภูกระดึง จังหวัดเลย และอีกแบบคือ การยุบตัวของแผ่นเปลือกโลก กลายเป็นแอ่งหรือหุบเขา เรียกว่า </span>Rift valleys <span lang=\"TH\">ซึ่งเกิดจากรอยเลื่อนแบบย้อน </span><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">3. <span lang=\"TH\">การผุพังอยู่กับที่</span><o:p></o:p></span> <span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">การผุพังอยู่กับที่เป็นกระบวนการที่ทำให้ วัสดุสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและองค์ประกอบเคมีของอนุภาคที่สลายตัว ปัจจัยทำให้เกิดการผุพังอยู่กับที่ มีดังนี้ </span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">  <o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><span style=\"color: #ff00ff\">ปัจจัยทางกายภาพ เกิดจากน้ำที่แทรกตัวเข้าไปอยู่ในชั้นหินที่มีรอยแยกหรือรอยแตกเมื่อุณหภูมิ มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ในเวลากลางคืนอากาศเย็นจัด น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ดันรอยแยกให้ขยายตัวมากขึ้น ทำให้ชั้นหินที่อยู่ด้านล่างแตก และเมื่อถึงตอนกลางวันน้ำแข็งละลาย น้ำนะแทรกไปตามรอยแตกใหม่ จะเกิดเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเกิดการผุพังเกิดขึ้น </span></span></b><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><span style=\"color: #ff00ff\">ปัจจัยทางเคมี เกิดจากน้ำฝนที่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยการเกิดกระบวนการปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส ปฏิกิริยาออกซิเดชัน และปฏิกิริยาคาร์บอเนชัน ที่เป็นสาเหตุของการผุพัง </span></span></b><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">ปัจจัยชีวภาพ เกิดจากพืชเป็นตัวกลางที่ทำให้ชั้นหินเกิดการผุพัง เช่น รากพืชที่ไปชอนไชไปในรอยแตกของหิน เมื่อพืชโตขึ้นรากพืชจะทำให้หินแตกเป็นชั้น ๆ </span></b><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">4. <b><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma\">การกร่อน </span></b><o:p></o:p></span><span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">การกร่อน เป็นการพังทลายของชั้นหินเนื่องจากลม ฝน แม่น้ำ ลำธาร ธารน้ำแข็ง คลื่น เป็นต้น </span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\">5. <span lang=\"TH\">การพัดพาและทับถม</span><o:p></o:p></span> <span lang=\"TH\" style=\"font-family: Tahoma; color: black\">ดิน หิน เมื่อเกิดการกัดกร่อน จะถูกน้ำหรือลมพัดไปสู่ที่ต่ำกว่า เกิดการทับถมเป็นลักษณะต่างๆ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา เกิดจากการพัดพาตะกอนไปทับถมที่ปากน้ำ เกิดเป็นดินดอนปากแม่น้ำ เป็นต้น </span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p></o:p></span><span style=\"font-family: Tahoma; color: black\"><o:p><br />\n</o:p></span></p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1726553080, expire = 1726639480, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d8b6afd31a2e56db478f454aac67a1a0' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

การเปลี่ยนแปลง ลักษณะทางกายภาพในส่วนต่างๆของโลก



การเปลี่ยนแปลงลักษณะทางกายภาพในส่วนต่าง ๆ ของโลก การ เปลี่ยนแปลงของ เปลือกโลก แผ่นเปลือกโลกมีการเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา และแบ่งการเคลื่อนที่ของแผ่นโลกออกเป็น 3 แบบคือการชนกัน การแยกจากกัน และแบบรอยเลื่อน ซึ่งมีผลทำให้เกิดกระบวนการทางธรณีวิทยาดังนี้ 1. การคดโค้งโก่งงอ การคดโค้งโก่งงอ เกิดจากแผ่นเปลือกโลก 2 แผ่น เคลื่อนที่ชนกันด้วยแรงดันมหาศาลทำให้ชั้นหินตรงบริเวณที่แผ่นเปลือกโลกชน กันเกิดการคดโค้งโก่งงอ แต่การเกิดรอยคดโค้งโก่งงอจะใช้เวลาเป็นพันปีและต้องได้รับพลังงานอย่างต่อ เนื่อง รอยคดโค้ดโก่งงอของชั้นหินเกิดติดต่อกันเป็นบริเวณกว้างกินพื้นที่มากจะกลาย เป็นเทือกเขา เช่น เทือกเขาหิมาลัยในทวีปเอเซีย เทือกเขาแอลป์ในทวีปยุโรป เทือกเขาภูพานในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย เป็นต้น 2. การยกตัวและการยุบตัว การยกตัวและการยุบตัว เกิดจากพลังงานที่สะสมอยู่ภายในเปลือกโลก จะเริ่มแตกและแยกออกจากกันในทิศทางที่เป็นเส้นตรงหรือแนวราบ ทำให้เกิดรอยเลื่อนในลักษณะต่าง ๆ เช่น การยกตัวของแผ่นเปลือกโลกที่เกิดจากรอยเลื่อนแบบปกติเป็นภูเขา เรียกว่า Block Mountain โดยยอดเขาจะมีลักษณะราบและไหล่เขาชันมาก เช่น ภูกระดึง จังหวัดเลย และอีกแบบคือ การยุบตัวของแผ่นเปลือกโลก กลายเป็นแอ่งหรือหุบเขา เรียกว่า Rift valleys ซึ่งเกิดจากรอยเลื่อนแบบย้อน 3. การผุพังอยู่กับที่ การผุพังอยู่กับที่เป็นกระบวนการที่ทำให้ วัสดุสลายออกเป็นชิ้นเล็กๆ โดยมีการเปลี่ยนแปลงขนาดและองค์ประกอบเคมีของอนุภาคที่สลายตัว ปัจจัยทำให้เกิดการผุพังอยู่กับที่ มีดังนี้   ปัจจัยทางกายภาพ เกิดจากน้ำที่แทรกตัวเข้าไปอยู่ในชั้นหินที่มีรอยแยกหรือรอยแตกเมื่อุณหภูมิ มีการเปลี่ยนแปลง เช่น ในเวลากลางคืนอากาศเย็นจัด น้ำจะกลายเป็นน้ำแข็งมีปริมาณเพิ่มขึ้น ดันรอยแยกให้ขยายตัวมากขึ้น ทำให้ชั้นหินที่อยู่ด้านล่างแตก และเมื่อถึงตอนกลางวันน้ำแข็งละลาย น้ำนะแทรกไปตามรอยแตกใหม่ จะเกิดเป็นวัฏจักรอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนในที่สุดเกิดการผุพังเกิดขึ้น ปัจจัยทางเคมี เกิดจากน้ำฝนที่เป็นปัจจัยสำคัญ โดยการเกิดกระบวนการปฏิกิริยาไฮโดรไลซิส ปฏิกิริยาออกซิเดชัน และปฏิกิริยาคาร์บอเนชัน ที่เป็นสาเหตุของการผุพัง ปัจจัยชีวภาพ เกิดจากพืชเป็นตัวกลางที่ทำให้ชั้นหินเกิดการผุพัง เช่น รากพืชที่ไปชอนไชไปในรอยแตกของหิน เมื่อพืชโตขึ้นรากพืชจะทำให้หินแตกเป็นชั้น ๆ 4. การกร่อน การกร่อน เป็นการพังทลายของชั้นหินเนื่องจากลม ฝน แม่น้ำ ลำธาร ธารน้ำแข็ง คลื่น เป็นต้น 5. การพัดพาและทับถม ดิน หิน เมื่อเกิดการกัดกร่อน จะถูกน้ำหรือลมพัดไปสู่ที่ต่ำกว่า เกิดการทับถมเป็นลักษณะต่างๆ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา เกิดจากการพัดพาตะกอนไปทับถมที่ปากน้ำ เกิดเป็นดินดอนปากแม่น้ำ เป็นต้น

 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 504 คน กำลังออนไลน์