• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:a6b0ff3d2e581ed09175e9d5b9d21e4c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\nแก้งาน<br />\nเปลี่ยนประเทศค่ะ<br />\nประวัติศาสตร์ประเทศซูรินาเม<br />\nในปลายพุทธศตวรรษที่ 22 อังกฤษได้มาตั้งอาณานิคมริมแม่น้ำซูรินาเม ต่อมาเนเธอร์แลนด์ได้ทำความตกลงแลกอาณานิคมกับอังกฤษ โดยที่เนเธอร์แลนด์ได้ครอบครองอาณานิคมซูรินาเม ส่วนอังกฤษได้ครอบครองนิวอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ (คือนิวยอร์กในอเมริกาปัจจุบัน)  ในยุคอาณานิคมชาวดัตช์ได้บุกเบิกที่ดินทำไร่ และนำทาสจำนวนมากจากแอฟริกามาใช้ทำงานไร่ ความเป็นอยู่ของทาสในซูรินาเมนั้นมีความยากลำบากมาก ทาสจำนวนหนึ่งจึงได้หนีเข้าไปตั้งถิ่นฐานในป่าลึก ต่อมาเมื่อมีการเลิกทาส จึงได้มีการนำแรงงานใหม่ที่มีสัญญาจ้างงานมาจากอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน แรงงงานเหล่านี้ได้กลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากของซูรินาเม<br />\nต่อมาในปี พ.ศ. 2497 อาณานิคมซูรินาเมได้รับการยกฐานะให้เป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ สามารถเลือกผู้แทนตนเองเพื่อบริหารกิจการภายใน แต่กิจการต่างประเทศ และการป้องกันประเทศเป็นหน้าที่ของเนเธอร์แลนด์ ต่อมาซูรินาเมได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 2518\n</p>\n<p>\nการเมือง<br />\nซูรินาเมมีประธานาธิบดีซึ่งได้รับเลือกจากสภาเป็นทั้งประมุขของประเทศ และหัวหน้ารัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี ซูรินาเมได้เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติใน ปี พ.ศ. 2518\n</p>\n<p>\nการแบ่งเขตการปกครอง<br />\nซูรินาเม มีการปกครอง 10 เขต ได้แก่<br />\nโบรโคปอนโด (Brokopondo) <br />\nคอมเมวิชเน (Commewijne) <br />\nโคโรนี (Coronie) <br />\nมารอวิชเน (Marowijne) <br />\nนิคเครี (Nickerie) <br />\nปารา (Para) <br />\nปารามาริโบ (Paramaribo) <br />\nซามามัคคา (Saramacca) <br />\nซิปาลิวินิ (Sipaliwini) <br />\nวานิกา (Wanica)\n</p>\n<p>\nเศรษฐกิจ<br />\nเศรษฐกิจ ในช่วงที่ซูรินาเมอยู่ภายใต้การปกครองของคณะทหาร ภาวะความไม่แน่นอนทางการเมือง และความวุ่นวายอันเนื่องมาจากการหยุดงานของกรรมกรอยู่เป็นประจำ รวมทั้งการระงับความช่วยเหลือทางการเงินของเนเธอร์แลนด์ มีผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงไปด้วย ต่อมาเมื่อซูรินาเมมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และรายได้ประชาชาติก็เพิ่มขึ้นด้วย <br />\nอัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(2549) 5.8% ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (2547) 1.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ประชาชาติต่อหัว (2549) 4,486 เหรียญสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ(2549) 11.3% มูลค่าการส่งออก (2549) 1390.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการนำเข้า(2549) 1297.0 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าออกที่สำคัญ ได้แก่ อะลูมิเนียม ทองคำ น้ำมัน กุ้งและปลาทะเล สินค้าเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าทุน เครื่องจักร น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ตรินิแดด-โตเบโก\n</p>\n<p>\nประชากร<br />\nส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย 37% ลูกผสมชาวยุโรปและชาวแอฟริกัน 31% ชาวอินโดนีเซีย(ชวา)15% ชาวแอฟริกัน 10% ชนพื้นเมือง 2% ชาวจีน 2% ชาวยุโรป 1% อื่นๆ 2%\n</p>\n<p>\nศาสนา<br />\nชาวซูรินาเมส่วนใหญ่นับถือคริสต์โปรเตสแตนส์ 25.2%คริสต์โรมันคาทอลิก 22.8%เป็นชาวอินเดียนับถือศาสนาฮินดู 27.4%และศาสนาอิสลาม 19.6% อื่นๆ 5%\n</p>\n<p>\n<br />\n<img width=\"603\" src=\"http://statics.atcloud.com/files/comments/141/1411894/images/1_original.jpg\" height=\"411\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\nที่มาของภาพ  :  www. atcloud.com\n</p>\n<p>\n<img width=\"240\" src=\"http://static3.bareka.com/photos/small/16717902.jpg\" height=\"180\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\nที่มาของภาพ  :  <a href=\"http://www.th.tixik.com/\"><span style=\"color: #000000\">www.th.tixik.com</span></a>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:a6b0ff3d2e581ed09175e9d5b9d21e4c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:74a24189ebefcc1e5f1306992150df55' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\nส่งงานคะ  นางสาว วิภาภรณ์  นาราศรี\n</p>\n<p>\nม.6/2  เลขที่ 32\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/72735\">http://www.thaigoodview.com/node/72735</a>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:74a24189ebefcc1e5f1306992150df55' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:dd061b0b4adef476f6fb75f969285ae3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">อ้างที่มารูปภาพไม่ถูกต้องนะคะ</span></strong>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:dd061b0b4adef476f6fb75f969285ae3' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:0e341a8a8bebc1f7eea27e17e02a047c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><strong><span style=\"color: #ff0000\">คัดลอกมา โดยไม่ได้วางที่ Notepad ก่อน</span></strong></p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:0e341a8a8bebc1f7eea27e17e02a047c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d013b1f07fa5f65b7e0ef4b66f59ce3c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์ประเศมัลดีฟส์</span></span>\n</p>\n<p align=\"left\">\n<span style=\"color: #000000\">        ชนพื้นเมืองพวกแรกที่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล คือ พวก</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%94%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ดราวิเดียน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ดราวิเดียน</span></a><span style=\"color: #000000\">และสิงหล ซึ่งนับถือ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98\" title=\"ศาสนาพุทธ\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ศาสนาพุทธ</span></a><span style=\"color: #000000\"> ชาวมัลดีฟส์โบราณจึงนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ต่อมา ในคริสต์ศวรรษที่ 12 มัลดีฟส์ได้เปลี่ยนมานับถือ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1\" title=\"ศาสนาอิสลาม\"><span style=\"color: #000000\">ศาสนาอิสลาม</span></a><span style=\"color: #000000\"> และมี</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99\" title=\"สุลต่าน\"><span style=\"color: #000000\">สุลต่าน</span></a><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์ต่าง ๆ เป็นผู้ปกครองประเทศในยุคแรก ได้แก่</span>\n</p>\n<ol>\n<li><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์โสมวันสา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์โสมวันสา</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Somavansa) หรือ Malei มีสุลต่าน 16 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 169 ปี<br />\n </span></li>\n<li><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B8_%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B8&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์วีรุ อุมรุ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์วีรุ อุมรุ</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Veeru Umaru) มีสุลต่าน 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 75 ปี<br />\n </span></li>\n<li><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B4&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์หิลาลิ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์หิลาลิ</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Hilali) มีสุลต่าน 25 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 170 ปี\n<p> </p></span></li>\n</ol>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">  ชาว</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AA\" title=\"โปรตุเกส\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">โปรตุเกส</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้พยายามเข้ายึดครองมัลดีฟส์ตั้งแต่คริสตวรรษที่ 13 และ ประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1558 (พ.ศ. 2101) และได้ปกครองมัลดีฟส์อยู่เป็นเวลา 15 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1573 (พ.ศ. 2116) มีการสถาปนาการปกครองระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการตั้ง</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B8%B8&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์อุทีมุ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์อุทีมุ</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Utheemu) ซึ่งมีสุลต่านในราชวงศ์ 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 121 ปี ในสมัยราชวงศ์นี้ มีการพัฒนาระบบการปกครอง การทหารและการเงินให้ดีขึ้น ต่อมามีราชวงศ์ปกครองอีก 3 ราชวงศ์ ได้แก่ </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%94%E0%B8%B9&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์อิสดู (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์อิสดู</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Isdhoo), ดิยมิกิลิ (Dhiyamigili) และ หุราเก (Huraage)<br />\n  ในปี ค.ศ. 1887 (พ.ศ. 2430) </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3\" title=\"สหราชอาณาจักร\"><span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้แผ่อิทธิพลในแถบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A2\" title=\"มหาสมุทรอินเดีย\"><span style=\"color: #000000\">มหาสมุทรอินเดีย</span></a><span style=\"color: #000000\"> สุลต่านมูฮัมหมัด มูอีนุดดีนที่ 2 (Muhammad Mueenudhdheen II) จึงได้ทำความตกลง The Agreement on December 16th , 1887 กับอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มัลดีฟส์อยู่ภายใต้การอารักขาของอังกฤษ (protection period)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปี ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) อังกฤษให้เอกราชแก่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2\" title=\"ศรีลังกา\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ศรีลังกา</span></a><span style=\"color: #000000\"> มัลดีฟส์จึงแยกตัวออกจาก ศรีลังกา โดยยังคงสถานะเป็น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%82%E0%B8%B2\" title=\"รัฐในอารักขา\"><span style=\"color: #000000\">รัฐในอารักขา</span></a><span style=\"color: #000000\">ของอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) ได้มีการสถาปนาระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้ง โดยมีการปกครองโดยรัฐสภา มีสภาสูงซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 80 คน และสภาล่างอีก 46 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) อังกฤษได้มอบเอกราชให้แก่ มัลดีฟส์ หลังจากเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษเป็นเวลา 79 ปี แต่อังกฤษยังคงเช่า</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"เกาะกาน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">เกาะกาน</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Gan Island) ทางตอนใต้สุดของประเทศไว้เป็นฐานทัพถึงปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) มัลดีฟส์ยกเลิกระบบสุลต่านและได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2\" title=\"ประชาธิปไตย\"><span style=\"color: #000000\">ประชาธิปไตย</span></a><span style=\"color: #000000\">แบบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90\" title=\"สาธารณรัฐ\"><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐ</span></a><span style=\"color: #000000\"> โดยมีนาย Amir Ibrahim Nasir เข้าดำรงตำแหน่ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5\" title=\"ประธานาธิบดี\"><span style=\"color: #000000\">ประธานาธิบดี</span></a><span style=\"color: #000000\">คนแรกของมัลดีฟส์และบริหารประเทศจนถึงปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ต่อมา นาย Maumoon Abdul Gayoom ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบแทนจนกระทั่งปัจจุบัน โดยได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีติดต่อกับถึง 5 สมัย (สมัยละ 5 ปี) นับเป็นประมุขฝ่ายบริหารที่บริหารประเทศนานที่สุดในภูมิภาค</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89\" title=\"เอเชียใต้\"><span style=\"color: #000000\">เอเชียใต้</span></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"399\" width=\"299\" src=\"http://gotoknow.org/file/sasinanda/ประเทศมัลดีฟส์-ดินแดนหมู่เกาะปะการังนับพัน.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"399\" width=\"532\" src=\"http://www.twip.org/photo/asia/maldives/photo-12837-25-09-07-13-18-27.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"390\" width=\"603\" src=\"http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/734/34734/images/28607.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"254\" width=\"400\" src=\"http://haadmin.kapook.com/img/image/travel/pololu_valley_5880_xlg.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"399\" width=\"548\" src=\"http://paow007.files.wordpress.com/2010/03/7012.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิง</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"> <span class=\"f\"><cite>th.wikipedia.org/wiki/<b>ประเทศมัลดีฟส์</b></cite></span></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิงรูป</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">paow007.wordpress.com/page/22/%3...3Dmonths</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">hilight.kapook.com/view/39639</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"http://www.twip.org/blog-th_2007%2B09\"><span style=\"color: #000000\">www.twip.org/blog-th_2007%2B09</span></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">gotoknow.org/file/sasinanda/view/73219</span>\n</div>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d013b1f07fa5f65b7e0ef4b66f59ce3c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:c91fdf7b18e52c9a77b3d5e66c0ec24c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><strong><span style=\"color: #ff0000\">รูปสวยดี  อ้างทีมารูปภาพไม่ถูต้อง และต้องอ้างทุกรูปค่ะ</span></strong>  </p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:c91fdf7b18e52c9a77b3d5e66c0ec24c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:d8f8fede290889021acec564d042272a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span style=\"font-family: Times New Roman; color: #999999; font-size: small\"></span></p>\n<p>\n<span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์ประเทศเลโซโท</span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">          เลโซโทเป็นหนึ่งในสามของประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (อีก 2 ประเทศ คือ </span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%87%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%81\" title=\"ประเทศโมร็อกโก\"><span style=\"color: #000000\">ประเทศโมร็อกโก</span></a><span style=\"color: #000000\"> และ</span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B9%8C\" title=\"ประเทศสวาซิแลนด์\"><span style=\"color: #000000\">ประเทศสวาซิแลนด์</span></a><span style=\"color: #000000\">) เดิมประเทศเลโซโทมีชื่อว่า</span><a href=\"http://null/w/index.php?title=%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B9%82%E0%B8%95&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"บาซูโต (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">บาซูโต</span></a><span style=\"color: #000000\"> ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี </span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2361\" title=\"พ.ศ. 2361\"><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2361</span></a><span style=\"color: #000000\"> โดยมี</span><a href=\"http://null/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B9%82%E0%B8%8A%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีโมโชโชที่ 1 (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">สมเด็จพระราชาธิบดีโมโชโชที่ 1</span></a><span style=\"color: #000000\"> เป็นผู้ปกครอง ต่อมา </span><a href=\"http://null/w/index.php?title=%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B9%E0%B8%A5%E0%B8%B9&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ชนเผ่าซูลู (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ชนเผ่าซูลู</span></a><span style=\"color: #000000\"> และคนผิวขาวเข้าไปตั้งหลักแหล่งในประเทศ และถูก</span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B9%83%E0%B8%95%E0%B9%89\" title=\"แอฟริกาใต้\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">แอฟริกาใต้</span></a><span style=\"color: #000000\">รุกราน บาซูโตจึงต้องขอรับความคุ้มครองจากรัฐบาล</span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3\" title=\"สหราชอาณาจักร\"><span style=\"color: #000000\">สหราชอาณาจักร</span></a><span style=\"color: #000000\"> และมีฐานะเป็นรัฐในปกครองของสหราชอาณาจักร (British protectorate of Basutoland) ตั้งแต่ปี </span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2411\" title=\"พ.ศ. 2411\"><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2411</span></a><span style=\"color: #000000\"> ต่อมาเมื่อวันที่ </span><a href=\"http://null/wiki/4_%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1\" title=\"4 ตุลาคม\"><span style=\"color: #000000\">4 ตุลาคม</span></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"http://null/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2509\" title=\"พ.ศ. 2509\"><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2509</span></a><span style=\"color: #000000\"> ได้ประกาศเอกราชและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นเลโซโท</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"399\" width=\"598\" src=\"http://statics.atcloud.com/files/comments/114/1147851/images/1_original.jpg\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"300\" width=\"400\" src=\"http://www.bkkonline.com/pr/displaypic.aspx?ID=5767\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"389\" width=\"480\" src=\"http://www.bsnnews.com/sponsor/webmaster/images/Picture-09101825113886.jpg\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<img height=\"222\" width=\"190\" src=\"http://image.dek-d.com/17/1275373/14893386\" align=\"left\" id=\"imgb\" /> \n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n</div>\n<div align=\"left\" style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"> แหล่งอ้างอิง</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\">th.wikipedia.org/wiki/<b>ประเทศเลโซโท</b></span></cite></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิงรูป</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">politic.myfirstinfo.com/onthisda...nth%3D10</span>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<a href=\"http://www.bsnnews.com/ContentDetail.as...%3D14017\"><span style=\"color: #000000\">www.bsnnews.com/ContentDetail.as...%3D14017</span></a>\n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\n<span style=\"color: #000000\">atcloud.com/stories/65439</span>\n</div>\n<p></p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:d8f8fede290889021acec564d042272a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:4eaae295409638063a6d67fb236029de' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span style=\"color: #ff0000\"><strong>เนื้อหาน้อยไป อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ</strong></span>  <img border=\"0\" src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-cry.gif\" alt=\"Cry\" title=\"Cry\" /></p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:4eaae295409638063a6d67fb236029de' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:cf738e330e2ba2a55f88e05637322637' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์ประเทศสโลวาเกีย</span></span>\n</p>\n<p>\n<span class=\"mw-headline\"></span><span style=\"color: #000000\"> <span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.81.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.99.E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B9.8C.E0.B8.A8.E0.B8.95.E0.B8.A7.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.A9.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88_5\">ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 5</span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในช่วงเวลาประมาณ </span><a href=\"/w/index.php?title=450_%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"450 ปีก่อนคริสต์ศักราช (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">450 ปีก่อนคริสต์ศักราช</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> บริเวณดินแดนที่เป็นประเทศสโลวาเกียทุกวันนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B9%8C\" title=\"เคลต์\"><u><span style=\"color: #000000\">พวกเคลต์</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ซึ่งเป็นผู้สร้าง</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%94%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ออปปีดา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ออปปีดา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (oppida - ชุมชนขนาดใหญ่ในช่วงปลายยุคเหล็ก มีลำน้ำล้อมรอบ) ที่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2\" title=\"บราติสลาวา\"><u><span style=\"color: #000000\">บราติสลาวา</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AE%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%84&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ฮาฟรานอค (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ฮาฟรานอค</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> เหรียญเงินที่มีชื่อของกษัตริย์เคลต์จารึกไว้ ที่เรียกว่า </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%84%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B9%87%E0%B8%81&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ไบอะเท็ก (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ไบอะเท็ก</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Biatec) เป็นสิ่งแสดงถึงการใช้ตัวอักษรเป็นครั้งแรกในดินแดนแห่งนี้ ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._6\" title=\"ค.ศ. 6\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 6</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (ประมาณ พ.ศ. 549) </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"จักรวรรดิโรมัน\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิโรมัน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">อันกว้างใหญ่ได้จัดตั้งและบำรุงแนวกองรักษาด่านรอบ ๆ </span><a href=\"/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%9A\" title=\"แม่น้ำดานูบ\"><u><span style=\"color: #000000\">แม่น้ำดานูบ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ต่อมาราชอาณาจักร</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%AA&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"วานนีอุส (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">วานนีอุส</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้ปรากฏขึ้นในสโลวาเกียตอนกลางและตะวันตก โดยการจัดตั้งของพวก</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%8A%E0%B8%99\" title=\"อนารยชน\"><u><span style=\"color: #000000\">อนารยชน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">เผ่า</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ควอดี (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ควอดี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ซึ่งเป็น</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%8A%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ชนเผ่าเยอรมัน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ชนเผ่าเยอรมัน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">สาขาหนึ่ง ตั้งแต่ปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._20\" title=\"ค.ศ. 20\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 20</span></u></a><span style=\"color: #000000\">-</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._50\" title=\"ค.ศ. 50\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">50</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (ประมาณปี พ.ศ. 563-593)</span>\n</p>\n<h3><span style=\"color: #000000\"> <span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B8.B8.E0.B9.88.E0.B8.A1.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.90.E0.B8.AA.E0.B8.A5.E0.B8.B2.E0.B8.9F\">กลุ่มรัฐสลาฟ</span></span></h3>\n<p>\n<a href=\"/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9F\" title=\"ชาวสลาฟ\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ชาวสลาฟ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">เข้ามาตั้งหลักแหล่งในดินแดนสโลวาเกียใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_5\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 5\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 5</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> และภาคตะวันตกของสโลวาเกียกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%A1&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"กษัตริย์ซาโม (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">กษัตริย์ซาโม</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_7\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 7\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 7</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ต่อมารัฐสโลวักที่ชื่อ </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชรัฐนีตรา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ราชรัฐนีตรา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Principality of Nitra) ก็ได้ก่อตัวขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8 และเมื่อถึงปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._828\" title=\"ค.ศ. 828\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 828</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1371) </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%9A%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"เจ้าชายพรีบีนา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">เจ้าชายพรีบีนา</span></u></a><span style=\"color: #000000\">สร้าง</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%96%E0%B9%8C\" title=\"โบสถ์\"><u><span style=\"color: #000000\">โบสถ์</span></u></a><a href=\"/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C\" title=\"ศาสนาคริสต์\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์</span></u></a><span style=\"color: #000000\">แห่งแรกขึ้นในสโลวาเกีย ราชรัฐนี้ได้เข้าร่วมกับแคว้น</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"โมเรเวีย (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">โมเรเวีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\">เป็นบริเวณศูนย์อำนาจของ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"จักรวรรดิเกรตโมเรเวีย (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิเกรตโมเรเวีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Great Moravian Empire) ตั้งแต่ปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._833\" title=\"ค.ศ. 833\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 833</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1376) จุดสูงสุดของราชรัฐสโลวักแห่งนี้ได้มาถึงพร้อมกับการเข้ามาของ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%9A%E0%B8%B8%E0%B8%8D%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%AA&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"นักบุญซีริลและนักบุญเมโทดีอุส (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">นักบุญซีริลและนักบุญเมโทดีอุส</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._863\" title=\"ค.ศ. 863\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 863</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1406) อยู่ในสมัยของ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9F&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"เจ้าชายราสตีสลาฟ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">เจ้าชายราสตีสลาฟ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> และอีกช่วงหนึ่งคือช่วงขยายดินแดนในสมัย</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"พระเจ้าสเวตอพลุคที่ 1 (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">พระเจ้าสเวตอพลุคที่ 1</span></u></a>\n</p>\n<h3><span style=\"color: #000000\"> <span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.AD.E0.B8.B2.E0.B8.93.E0.B8.B2.E0.B8.88.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.AE.E0.B8.B1.E0.B8.87.E0.B8.81.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.B5\">ราชอาณาจักรฮังการี</span></span></h3>\n<div class=\"thumb tright\">\n<div class=\"thumbinner\" style=\"width: 252px\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Slovakia_Oravsky_Podzamok.jpg\" class=\"image\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"188\" width=\"250\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/9/94/Slovakia_Oravsky_Podzamok.jpg/250px-Slovakia_Oravsky_Podzamok.jpg\" class=\"thumbimage\" /></span></a><span style=\"color: #000000\"> </span>\n<div class=\"thumbcaption\">\n<div class=\"magnify\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Slovakia_Oravsky_Podzamok.jpg\" title=\"ขยาย\" class=\"internal\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"11\" width=\"15\" src=\"http://bits.wikimedia.org/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png\" /></span></a>\n</div>\n<p><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ปราสาทออราวา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ปราสาทออราวา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Orava Castle)</span>\n</p></div>\n</div>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ภายหลังการกระจัดกระจายของจักรวรรดิเกรตโมเรเวียในตอนต้น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_10\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 10\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 10</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ชาวแมกยาร์ (ชาวฮังการี) ก็ค่อย ๆ เข้าครอบครองดินแดนสโลวาเกียปัจจุบัน ภายในศตวรรษเดียวกัน สโลวาเกียตะวันตกเฉียงใต้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชรัฐฮังการี (Hungarian principality) ซึ่งมีฐานะเป็น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5\" title=\"ราชอาณาจักรฮังการี\"><u><span style=\"color: #000000\">ราชอาณาจักรฮังการี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Kingdom of Hungary) ตั้งแต่ปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1000\" title=\"ค.ศ. 1000\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1000</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1543) พื้นที่ส่วนใหญ่ของสโลวาเกียถูกผนวกเข้ากับราชอาณาจักรแห่งนี้เมื่อถึงปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1100\" title=\"ค.ศ. 1100\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1100</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1643) และพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อถึงปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1400\" title=\"ค.ศ. 1400\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1400</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1943)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">เนื่องจากเศรษฐกิจระดับสูงและการพัฒนาทางวัฒนธรรมที่มากขึ้น สโลวาเกียจึงยังคงมีความสำคัญในรัฐใหม่แห่งนี้ เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษที่ราชรัฐนีตรามีการปกครองตนเองภายในราชอาณาจักรฮังการี การตั้งถิ่นฐานของชาวสโลวักได้ขยายเข้าไปในตอนเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของฮังการีในปัจจุบัน ในขณะที่ชาวแมกยาร์ก็เริ่มตั้งหลักแหล่งทางใต้ของสโลวาเกีย การผสมผสานทางชาติพันธุ์มีความหลากหลายมากขึ้นหลังจากการเข้ามาของ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ชาวเยอรมันคาร์เพเทียน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ชาวเยอรมันคาร์เพเทียน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_13\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 13\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 13</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%84&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ชาววลาค (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ชาววลาค</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_14\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 14\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 14</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%B4%E0%B8%A7\" title=\"ชาวยิว\"><u><span style=\"color: #000000\">ชาวยิว</span></u></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การสูญเสียประชากรขนานใหญ่เกิดขึ้นเมื่อ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%A5\" title=\"มองโกล\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">พวกมองโกล</span></u></a><span style=\"color: #000000\">จาก</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87\" title=\"เอเชียกลาง\"><u><span style=\"color: #000000\">เอเชียกลาง</span></u></a><span style=\"color: #000000\">เข้ามารุกรานในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1241\" title=\"ค.ศ. 1241\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1241</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 1784) ซึ่งก่อให้เกิดทุพภิกขภัยตามมา อย่างไรก็ตาม เมืองต่าง ๆ สโลวาเกียในยุคกลางก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีการก่อสร้างปราสาทหลายแห่ง รวมทั้งมีการพัฒนาศิลปะ ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1467\" title=\"ค.ศ. 1467\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1467</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2010) </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%AA_%E0%B8%81%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B8%E0%B8%AA&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"มัตตีอัส กอร์วีนุส (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">มัตตีอัส กอร์วีนุส</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกขึ้นในบราติสลาวา แต่สถาบันแห่งนี้ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน</span>\n</p>\n<div class=\"thumb tright\">\n<div class=\"thumbinner\" style=\"width: 252px\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Kosice_(Slovakia)_-_St._Elizabeth%27s_Catedral_1.jpg\" class=\"image\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"188\" width=\"250\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/6/63/Kosice_%28Slovakia%29_-_St._Elizabeth%27s_Catedral_1.jpg/250px-Kosice_%28Slovakia%29_-_St._Elizabeth%27s_Catedral_1.jpg\" class=\"thumbimage\" /></span></a><span style=\"color: #000000\"> </span>\n<div class=\"thumbcaption\">\n<div class=\"magnify\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Kosice_(Slovakia)_-_St._Elizabeth%27s_Catedral_1.jpg\" title=\"ขยาย\" class=\"internal\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"11\" width=\"15\" src=\"http://bits.wikimedia.org/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png\" /></span></a>\n</div>\n<p><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%98&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"มหาวิหารเซนต์อลิซาเบธ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">มหาวิหารเซนต์อลิซาเบธ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (St. Elizabeth\'s Cathedral) ใน</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%8B&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"คอชีตเซ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">เมืองคอชีตเซ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Košice)</span>\n</p></div>\n</div>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในช่วงต้น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_16\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 16\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 16</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> หลังจากที่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"จักรวรรดิออตโตมัน\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิออตโตมัน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้เริ่มขยายอาณาเขตเข้ามาในฮังการีและสามารถยึดครองเมืองสำคัญ คือ </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%B2\" title=\"บูดา\"><u><span style=\"color: #000000\">บูดา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Buda) และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B9%81%E0%B8%84%E0%B8%8A%E0%B9%81%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%AE%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"แซแคชแฟเฮร์วาร์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">แซแคชแฟเฮร์วาร์</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Szekesfehérvár) ไว้ได้ ศูนย์กลางของอาณาจักรฮังการี (ภายใต้ชื่อ </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"รอแยลฮังการี (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">รอแยลฮังการี</span></u></a><span style=\"color: #000000\">) ได้ย้ายขึ้นไปสู่สโลวาเกีย </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2\" title=\"บราติสลาวา\"><u><span style=\"color: #000000\">บราติสลาวา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (ขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ <i>เพรสส์บูร์ก</i> <i>โพโชนย์</i> <i>เพรชพอรอค</i> หรือ <i>โปโซนีอุม</i>) ได้กลายเป็นเมืองหลวงของรอแยลฮังการีในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1536\" title=\"ค.ศ. 1536\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1536</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2079) แต่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%95%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"สงครามออตโตมัน\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">สงครามออตโตมัน</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และการจลาจลต่อต้าน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81\" title=\"ราชวงศ์ฮับสบูร์ก\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์ฮับสบูร์ก</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้ก่อให้เกิดการทำลายล้างที่ใหญ่หลวงโดยเฉพาะในเขตชนบท ความสำคัญของสโลวาเกียภายในฮังการีลดลงเมื่อพวกเติร์กได้ล่าถอยออกไปจากอาณาจักรในต้น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_18\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 18\"><u><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 18</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> แต่บราติสลาวายังคงสถานะเป็นเมืองหลวงของฮังการีจนกระทั่งปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1848\" title=\"ค.ศ. 1848\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1848</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2391) จึงย้ายเมืองหลวงกลับไปที่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%94%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C\" title=\"บูดาเปสต์\"><u><span style=\"color: #000000\">บูดาเปสต์</span></u></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ระหว่าง</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B8%B5_1848_%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%9A%E0%B8%B9%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%81&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"การปฏิวัติปี 1848 ในพื้นที่ฮับสบูร์ก (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">การปฏิวัติในปี 1848-1849</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2391\" title=\"พ.ศ. 2391\"><u><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2391</span></u></a><span style=\"color: #000000\">-</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2392\" title=\"พ.ศ. 2392\"><u><span style=\"color: #000000\">2392</span></u></a><span style=\"color: #000000\">) ชาวสโลวักให้การสนับสนุน</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"จักรพรรดิออสเตรีย (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรพรรดิออสเตรีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ด้วยความหวังที่จะแยกตัวจากฮังการี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในยุคสมัยของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5\" title=\"จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ตั้งแต่ปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1867\" title=\"ค.ศ. 1867\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1867</span></u></a><span style=\"color: #000000\">-</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1918\" title=\"ค.ศ. 1918\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">1918</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2410-2461) ชาวสโลวักต้องประสบกับการกดขี่ทางวัฒนธรรมอย่างเข้มงวดจาก</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%A2%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B9%87%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"นโยบายทำให้เป็นแมกยาร์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">นโยบายทำให้เป็นแมกยาร์</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ที่รัฐบาลฮังการีเป็นผู้ส่งเสริม</span>\n</p>\n<h3><span style=\"color: #000000\"> <span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.84.E0.B8.A3.E0.B8.B4.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B9.8C.E0.B8.A8.E0.B8.95.E0.B8.A7.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.A9.E0.B8.97.E0.B8.B5.E0.B9.88_20\">คริสต์ศตวรรษที่ 20</span></span></h3>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1918\" title=\"ค.ศ. 1918\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1918</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2461) สโลวาเกียได้ร่วมกับแคว้น</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%AE%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B5%E0%B8%A2\" title=\"โบฮีเมีย\"><u><span style=\"color: #000000\">โบฮีเมีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Bohemia) และแคว้น</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"โมเรเวีย (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">โมเรเวีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Moravia) ซึ่งเป็นดินแดนข้างเคียงเพื่อก่อตั้ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B5%E0%B8%A2\" title=\"ประเทศเชโกสโลวาเกีย\"><u><span style=\"color: #000000\">ประเทศเชโกสโลวาเกีย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Czechoslovakia) เป็นอิสระจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการรับรองจาก</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B8%87%E0%B9%81%E0%B8%8A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B8%87&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สนธิสัญญาแซงแชร์แมง (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สนธิสัญญาแซงแชร์แมง</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%87&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สนธิสัญญาตรียานง (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สนธิสัญญาตรียานง</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ในปีถัดมา คือ </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1919\" title=\"ค.ศ. 1919\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1919</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2462) เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่ตามมาหลังการแตกแยกของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5\" title=\"จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี\"><u><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ดินแดนสโลวาเกียได้ถูกโจมตีจาก</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐโซเวียตฮังการี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Hungarian Soviet Republic) พื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของสโลวาเกียได้ถูกยึดครองและตั้งเป็น</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สาธารณรัฐโซเวียตสโลวัก (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐโซเวียตสโลวัก</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Slovak Soviet Republic) อยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงถูกกองทัพเชโกสโลวักยึดพื้นที่คืนมาได้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1939\" title=\"ค.ศ. 1939\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1939</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ประธานาธิบดี</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%9F_%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%AD&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ยอเซฟ ตีซอ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ยอเซฟ ตีซอ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ผู้นิยม</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B5\" title=\"นาซีเยอรมนี\"><u><span style=\"color: #000000\">นาซีเยอรมนี</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ได้ประกาศให้</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_1&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สาธารณรัฐสโลวักครั้งที่ 1 (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐสโลวักครั้งที่ 1</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (First Slovak Republic) เป็นเอกราชจากเชโกสโลวาเกีย จึงเกิดขบวนการต่อต้านนาซีขึ้นซึ่งได้ก่อการประท้วงที่รู้จักกันในชื่อ </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%81%E0%B8%AE%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"การลุกฮือของชาวสโลวัก (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">การลุกฮือของชาวสโลวัก</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Slovak National Uprising) ในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1944\" title=\"ค.ศ. 1944\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1944</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2487) แม้ว่ากลุ่มผู้ก่อการจลาจลจะถูกปราบปรามลงได้ แต่การสู้รบแบบกองโจรก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งกองทัพโซเวียต (ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพโรมาเนีย) เข้ามาขับไล่นาซีออกไปจากสโลวาเกียในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1945\" title=\"ค.ศ. 1945\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1945</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2488)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">หลัง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87\" title=\"สงครามโลกครั้งที่สอง\"><u><span style=\"color: #000000\">สงครามโลกครั้งที่สอง</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> เชโกสโลวาเกียได้รับการจัดตั้งเป็นประเทศขึ้นใหม่ภายใต้อิทธิพลของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B9%82%E0%B8%8B%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%95\" title=\"สหภาพโซเวียต\"><u><span style=\"color: #000000\">สหภาพโซเวียต</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%8B%E0%B8%AD\" title=\"สนธิสัญญาวอร์ซอ\"><u><span style=\"color: #000000\">สนธิสัญญาวอร์ซอ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ตั้งแต่ปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1945\" title=\"ค.ศ. 1945\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1945</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2488) เป็นต้นมา ต่อมาในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1969\" title=\"ค.ศ. 1969\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1969</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2512) ประเทศนี้ได้กลายเป็นรัฐสหพันธ์ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเช็ก (Czech Socialist Republic) และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%81&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวัก (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวัก</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Slovak Socialist Republic)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในเชโกสโลวาเกียสิ้นสุดลงเมื่อถึงปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1989\" title=\"ค.ศ. 1989\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1989</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2532) ซึ่งอยู่ในช่วง</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%9B%E0%B8%8F%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%95&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"การปฏิวัติเวลเวต (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">การปฏิวัติเวลเวต</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Velvet Revolution) อันเป็นไปอย่างสันติ ตามมาด้วยการสลายตัวของประเทศออกเป็น</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"รัฐสืบสิทธิ์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">รัฐสืบสิทธิ์</span></u></a><span style=\"color: #000000\">สองรัฐ นั่นคือ สโลวาเกียและ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%93%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B9%87%E0%B8%81\" title=\"สาธารณรัฐเช็ก\"><u><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐเช็ก</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้แยกออกจากกันหลังวันที่ </span><a href=\"/wiki/1_%E0%B8%A1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1\" title=\"1 มกราคม\"><u><span style=\"color: #000000\">1 มกราคม</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1993\" title=\"ค.ศ. 1993\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1993</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2536) เหตุการณ์นี้บางครั้งเรียกว่า</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A2%E0%B8%81%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A7%E0%B8%95&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"การแยกทางเวลเวต (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">การแยกทางเวลเวต</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (Velvet Divorce) อย่างไรก็ตาม สโลวาเกียยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาธารณรัฐเช็กเช่นเดียวกับประเทศยุโรปกลางอื่น ๆ ใน</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%A1%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%94&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"กลุ่มวีเซกราด (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">กลุ่มวีเซกราด</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> สโลวาเกียได้เข้าเป็นสมาชิกของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%9B\" title=\"สหภาพยุโรป\"><u><span style=\"color: #000000\">สหภาพยุโรป</span></u></a><span style=\"color: #000000\">เมื่อ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A4%E0%B8%A9%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1\" title=\"พฤษภาคม\"><u><span style=\"color: #000000\">เดือนพฤษภาคม</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._2004\" title=\"ค.ศ. 2004\" class=\"mw-redirect\"><u><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 2004</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (พ.ศ. 2547)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<img height=\"360\" width=\"480\" src=\"http://www.bloggang.com/data/vinitsiri/picture/1260069623.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"360\" width=\"549\" src=\"http://www.kbeautifullife.com/UserFiles/Image/travel/austria/main.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"346\" width=\"480\" src=\"http://www.bsnnews.com/sponsor/webmaster/images/Picture-09101809183883.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"210\" width=\"280\" src=\"http://www.bloggang.com/data/lekkykenny/picture/1138807423.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\nแหล่งอ้างอิง <span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\">th.wikipedia.org/wiki</span></cite></span>\n</p>\n<p>\nอ้างอิงรูป <a href=\"http://www.bloggang.com\" title=\"www.bloggang.com\">www.bloggang.com</a>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:cf738e330e2ba2a55f88e05637322637' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:ca3306171aa01b095cd7bc60edd9c32a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">คัดลอกมาไม่ถูกต้อง  อ้างอิงแหล่งข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้อง</span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">ต้องอ้างทุกรูปนะคะ</span></strong> <img border=\"0\" src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-cry.gif\" alt=\"Cry\" title=\"Cry\" />\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:ca3306171aa01b095cd7bc60edd9c32a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:81eda7513f5d96e23867345a8316a226' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\"><strong>ประวัติศาสตร์สิงคโปร์</strong></span></span> </p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>ช่วงต้น</b> สิงคโปร์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุด</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B9\" title=\"แหลมมลายู\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">แหลมมลายู</span></a><span style=\"color: #000000\"> เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อว่า </span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B9%87%E0%B8%81\" title=\"เทมาเส็ก\"><span style=\"color: #000000\">เทมาเส็ก</span></a><span style=\"color: #000000\"> (ทูมาสิค) มีกษัตริย์ปกครอง ในช่วง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%95%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A9%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_17\" title=\"คริสต์ศตวรรษที่ 17\"><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศตวรรษที่ 17</span></a><span style=\"color: #000000\"> ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบังเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคนติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็นของสุลต่านแห่ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2\" title=\"มะละกา\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">มะละกา</span></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>ยุคการล่าอาณานิคม</b> ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ไว้ได้คือ</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AA\" title=\"โปรตุเกส\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">โปรตุเกส</span></a><span style=\"color: #000000\"> เมื่อปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1511\" title=\"ค.ศ. 1511\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1511</span></a><span style=\"color: #000000\"> แล้วก็ถูกชาวดัตช์มาแย่งไป แต่ประมาณปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1817\" title=\"ค.ศ. 1817\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1817</span></a><span style=\"color: #000000\"> อังกฤษได้แข่งขันกับดัตช์ในเรื่องอาณานิคม อังกฤษได้ส่ง</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B9%82%E0%B8%97%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%AA_%E0%B9%81%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%A1%E0%B8%9F%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%94_%E0%B8%9A%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%A2%E0%B9%8C_%E0%B9%81%E0%B8%A3%E0%B8%9F%E0%B9%80%E0%B8%9F%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"เซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์ แรฟเฟิลส์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">เซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์ แรฟเฟิลส์</span></a><span style=\"color: #000000\"> มาสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีสุลต่านปกครองอยู่ แรฟเฟิลส์ได้ตกลงกับสุลต่านว่า จะตั้งสถานีการค้าของอังกฤษที่นี่ แต่สุดท้ายอังกฤษก็ยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>สงครามโลกครั้งที่ 2</b> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A8%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99\" title=\"ประเทศญี่ปุ่น\"><span style=\"color: #000000\">ประเทศญี่ปุ่น</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ และก็สามารถยึดครองสิงคโปร์ไว้ได้ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษก็ได้ครอบครองสิงคโปร์เหมือนเดิม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>การรวมชาติเข้ากับมาเลเซีย</b> เมื่อสิงคโปร์เห็นมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์จึงรีบขอรวมชาติเข้ากับมลายาทันที เพื่อจะได้ไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีก แต่สิงคโปร์ก็ไม่พอใจกับมาเลเซียมากนักเพราะมีการเหยียดชนชาติกัน ทำให้พรรคกิจประชาชนของสิงคโปร์ประกาศให้สิงคโปร์เป็นเอกราชตั้งแต่วันที่ </span><a href=\"/wiki/9_%E0%B8%AA%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%84%E0%B8%A1\" title=\"9 สิงหาคม\"><span style=\"color: #000000\">9 สิงหาคม</span></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1965\" title=\"ค.ศ. 1965\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1965</span></a><span style=\"color: #000000\"> ตั้งแต่บัดนั้นมา</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>สาธารณรัฐสิงคโปร์</b> เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจประชาชนก็ครองประเทศมาตลอดจนถึงทุกวันนี้</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><b>ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง</b> ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ก่อนศตวรรษที่ 14 มิได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนและแน่นอนนัก ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักร</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%8A%E0%B8%8C%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B4%E0%B8%95&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"มัชฌาปาหิต (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">มัชฌาปาหิต</span></a><span style=\"color: #000000\">แห่ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%B2\" title=\"ชวา\"><span style=\"color: #000000\">ชวา</span></a><span style=\"color: #000000\"> ต่อมาใน ต้นศตวรรษที่ 15 ก็อยู่ภายใต้การยึดครองของอาณาจักรสยาม จนถูกประมุขแห่งมะละกาเข้ามาแย่งชิงไป และเมื่อโปรตุเกสเข้ายึดครองมะละกา สิงคโปร์ก็กลายเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสในราวปี ค.ศ. 1498 และต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AE%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B2\" title=\"ฮอลันดา\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ฮอลันดา</span></a><span style=\"color: #000000\">ในช่วงศตวรรษที่ 17</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">เมื่ออังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาบริเวณแหลมมลายูในกลางศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มสนใจ สิงคโปร์ ในปี 1819 อังกฤษได้ขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากจักรวรรดิ์ยะโฮร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ในปี 1824 อังกฤษมีสิทธิครอบครองสิงคโปร์ตามข้อตกลงที่ทำกับฮอลันดา ต่อมาในปี 1826 สิงคโปร์ถูกปกครองภายใต้ระบบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%95%E0%B8%AA%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B9%87%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B9%8C\" title=\"สเตรตส์เซ็ตเติลเมนท์\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">สเตรตส์เซ็ตเติลเมนท์</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Straits Settlement) ซึ่งให้บริษัท อินเดียตะวันออกของอังกฤษควบคุมดูแลสิงคโปร์ รวมทั้ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87\" title=\"ปีนัง\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ปีนัง</span></a><span style=\"color: #000000\"> และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B8%81%E0%B8%B2\" title=\"มะละกา\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">มะละกา</span></a><span style=\"color: #000000\">ด้วย และต่อมาในปี 1857 รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาดูแลระบบนี้เอง ในปี 1867 สิงคโปร์กลายเป็นอาณานิคม (Crown Colony) ของอังกฤษ จนกระทั่งปี 1946 จึงได้รับการยกฐานะให้เป็นอาณานิคมแบบ เอกเทศ (Separate Crow colony) เมื่ออังกฤษกลับมายึดครองสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่สิงคโปร์อยู่ภายใต้ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942-1946)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในฐานะที่เป็นอาณานิคมแบบเอกเทศนั้น สิงคโปร์มีอำนาจปกครองกิจการภายในของตนเองแต่ไม่มีอำนาจดูแลกิจการทหารและการต่างประเทศ และยังมีผู้ว่าราชการจากอังกฤษมา ปกครองอยู่ ในสภานิติบัญญัติ (Legislative Council) นั้น อังกฤษเริ่มเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกบางส่วน (6 คน จาก 22 คน) ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาบางส่วนนี้ในปี 1948 พรรคก้าวหน้า (Progressive Party) ของสิงคโปร์ได้ที่นั่งมากที่สุด ต่อมาในปี 1951 สมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้งถูกเพิ่มเป็น 9 คน ในจำนวน 25 คน และในปี 1955 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแรกสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งมีจำนวน 25 คน ในจำนวน 32 คน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ต่อมาอังกฤษให้ชาวสิงคโปร์มีอำนาจและมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองมากขึ้นในช่วง 10 ปี ก่อนที่สิงคโปร์จะประกาศเป็นสาธารณะรัฐนั้น สิงคโปร์จึงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล 3 ชุด คือ (1) รัฐบาลของนายเดวิด มาร์แชล (David Marshall) จากปี 1955-1956 (2) รัฐบาลของนายลิม ยิว ฮ๊อค (Lim Yew Hock) จากปี 1956-1959 และ (3) รัฐบาลของนาย </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B5_%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%A2%E0%B8%B9\" title=\"ลี กวน ยู\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ลี กวน ยู</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Lee Kuan Yew) ซึ่งภายใต้รัฐบาลนี้สิงคโปร์มีอำนาจในการปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว และนายลีได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ต่อมาในช่วงปี 1963-1965 รัฐบาลชุดนี้ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปรวมอยู่ในสหพันธรัฐมาเลเซีย และอยู่ได้เพียง 2 ปี</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">นับจากปี 1965 เมืองสิงคโปร์ประกาศตนเป็นประเทศเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง โดยปกครองในรูปของสาธารณรัฐ หลังจากนั้นสิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเป็นเวลาถึง 25 ปี ซึ่งก็คือ นาย </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B5_%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%A2%E0%B8%B9\" title=\"ลี กวน ยู\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ลี กวน ยู</span></a><span style=\"color: #000000\"> ทั้งนี้เป็นเพราะพรรคกิจประชา (PAP: People’ Action Party) ซึ่งนาย ลี เป็นผู้ก่อตั้งแต่ปี 1961 นั้นมีชัยชนะในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งซ่อม</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ทศวรรษที่ 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของกรปรับเปลี่ยนการปกครองสิงคโปร์จากผู้นำกลุ่มเก่า (Old Guards) เป็นผู้นำรุ่นใหม่ (New Guards) นาย</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B0_%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%87\" title=\"โก๊ะ จ๊กตง\"><span style=\"color: #000000\">โก๊ะ จ๊กตง</span></a><span style=\"color: #000000\"> (Goh Chok Tong) ได้รับการคัดเลือกจากพรรคกิจประชาและคณะรัฐมนตรี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1990 นาย </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B5_%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%99_%E0%B8%A2%E0%B8%B9\" title=\"ลี กวน ยู\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ลี กวน ยู</span></a><span style=\"color: #000000\"> ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลชุดใหม่โดยเป็นรัฐมนตรีอาวุโส และในปี 1993 สิงคโปร์เริ่มใช้ระบบประธานาธิบดีแบบใหม่ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ปัจจุบันปี 2006 ประเทศสิงคโปร์ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่และทีม เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป แต่อย่างไรก็ดี พรรคกิจประชาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหมือนอย่างเดิม โดยพรรค PAP ได้รับที่นั่งในฝ่ายรัฐบาล 82 ที่นั่งจาก 84 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับสมัยนาย</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%81%E0%B9%8A%E0%B8%B0_%E0%B8%88%E0%B9%8A%E0%B8%81%E0%B8%95%E0%B8%87\" title=\"โก๊ะ จ๊กตง\"><span style=\"color: #000000\">โก๊ะ จ๊กตง</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้รับในปี 2544 แต่ได้คะแนนเสียงลดลงจากสมัยแรกที่ได้ 75.3 เป็น66.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของนาย </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A5%E0%B8%B5_%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99_%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87\" title=\"ลี เซียน ลุง\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ลี เซียน ลุง</span></a><span style=\"color: #000000\"> สมัยที่สองซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันในเรื่องปัญหาคนยากไร้ ผู้สูงอายุและคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นาย ลี เซียน หลุงจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น เขาได้เน้นโยบายแบ่งปันรายได้ผนวกกับความอ่อนแอและแตกแยกของพรรคฝ่ายค้าน ทำให้พรรคPAP ได้ครองอำนาจสืบทอดมาเป็นระยะเวลา 4 ทศวรรษ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n <img height=\"265\" width=\"325\" src=\"http://images.thaiza.com/34/34_20080306101402..jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n <img height=\"319\" width=\"425\" src=\"http://www.wangeducationtour.com/images/column_1256099864/sn4.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"319\" width=\"239\" src=\"http://www.oknation.net/blog/home/blog_data/144/144/images/01.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"319\" width=\"425\" src=\"http://www.freedomtravel.co.th/wp-content/uploads/2010/05/SIN12.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n <span style=\"color: #000000\">แหล่งที่มา  <span class=\"f\"><cite>th.wikipedia.org/wiki/</cite></span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ที่มารูปภาพ   www.freedomtravel.co.th/</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:81eda7513f5d96e23867345a8316a226' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:79f04460420d07323b757f76f84aa35c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span style=\"color: #ff0000\"><strong>อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ</strong></span> </p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:79f04460420d07323b757f76f84aa35c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:9ee3466bce68b837a1e0b8ce07eeba0e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์ประเทศเนปาล</span></span> </p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ก่อนปี</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2311\" title=\"พ.ศ. 2311\"><u><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2311</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AB%E0%B8%B8%E0%B8%9A%E0%B9%80%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%90%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%91%E0%B8%B8\" title=\"หุบเขากาฐมาณฑุ\"><u><span style=\"color: #000000\">หุบเขากาฐมาณฑุ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">แบ่งออกเป็นสามอาณาจักร จนกระทั่งผู้นำ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%80%E0%B8%9C%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%82%E0%B9%88%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"เผ่ากุรข่า (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">เผ่ากุรข่า</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%A4%E0%B8%90%E0%B8%A7%E0%B8%B5_%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%93_%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ปฤฐวี นารายัณ ศาห์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ปฤฐวี นารายัณ ศาห์</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> สามารถรวบรวมอาณาจักรในหุบเขาเข้าด้วยกัน และหลังจากนั้นได้ทำสงครามขยายอาณาเขตออกไป จนในปีพ.ศ. 2357-พ.ศ. 2359 เกิด</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9-%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สงครามอังกฤษ-เนปาล (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">สงครามอังกฤษ-เนปาล</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> กองทัพกุรข่าพ่ายแพ้ ต้องทำสนธิสัญญาและจำกัดอาณาเขตเนปาลเหลือเท่าปัจจุบัน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปีพ.ศ. 2491 </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%87_%E0%B8%9E%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B0_%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ชัง พหาทุระ รานา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ชัง พหาทุระ รานา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ซึ่งเป็นขุนนางในประเทศ ยึดอำนาจจาก</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%A7%E0%B8%87%E0%B8%A8%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%8C&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ราชวงศ์ศาห์ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ราชวงศ์ศาห์</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> โดยยังคงราชวงศ์ศาห์ไว้เป็นประมุขแต่ในนาม ตระกูลรานาได้รับการสนับสนุนจาก</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3\" title=\"สหราชอาณาจักร\"><u><span style=\"color: #000000\">สหราชอาณาจักร</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> เนปาลได้ส่งกองทัพเข้าร่วมกับกองทัพบริเตนในหลายสงคราม ทำให้สหราชอาณาจักรทำสนธิสัญญามิตรภาพกับเนปาลในปีพ.ศ. 2466 ซึ่งในสนธิสัญญานี้ สหราชอาณาจักรได้ยอมรับเอกราชของเนปาลอย่างชัดเจน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปีพ.ศ. 2494 เกิดการต่อต้านการปกครองของตระกูลรานา นำโดย</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AA&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"พรรคเนปาลีคองเกรส (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">พรรคเนปาลีคองเกรส</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A0%E0%B8%B8%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีตริภุวัน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">กษัตริย์ตริภุวัน</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ทำให้</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%82%E0%B8%A1%E0%B8%AB%E0%B8%B1%E0%B8%99_%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B0_%E0%B8%8A%E0%B8%B1%E0%B8%87_%E0%B8%9E%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%97%E0%B8%B8%E0%B8%A3%E0%B8%B0_%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B2&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"โมหัน สัมเสระ ชัง พหาทุระ รานา (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">โมหัน สัมเสระ ชัง พหาทุระ รานา</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ผู้นำคนสุดท้ายของตระกูลรานาคืนอำนาจให้แก่กษัตริย์ศาห์ และจัดการเลือกตั้ง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">หลังจากเนปาลได้มีการปกครอง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2\" title=\"ประชาธิปไตย\"><u><span style=\"color: #000000\">ระบอบประชาธิปไตย</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ในช่วงสั้นๆ โดยจัดการเลือกตั้งครั้งแรกในปีพ.ศ. 2502 แต่</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีมเหนทระแห่งเนปาล (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">กษัตริย์มเหนทระ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้ยุบสภา ยึดอำนาจในปีพ.ศ. 2503 และใช้</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9B%E0%B8%B1%E0%B8%8D%E0%B8%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%B1%E0%B8%95&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ปัญจายัต (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">ระบอบปัญจายัต</span></u></a><span style=\"color: #000000\">แทน จนมาถึงการปฏิรูปการปกครองในปีพ.ศ. 2533 ทำให้เปลี่ยนจากระบอบปัญจายัต ที่ห้ามมีพรรคการเมือง มาเป็นระบอบรัฐสภาแบบพหุพรรค</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในปีพ.ศ. 2539 </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%A5_(%E0%B8%A5%E0%B8%B1%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%B2)\" title=\"พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา)\"><u><span style=\"color: #000000\">พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา)</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> ได้เปิดฉากสงครามประชาชน มีเป้าหมายที่จะสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมขึ้นแทน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2\" title=\"ราชาธิปไตย\"><u><span style=\"color: #000000\">ระบอบราชาธิปไตย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> นำมาซึ่งสงครามกลางเมืองซึ่งกินเวลายาวนานถึงสิบปี ในปีพ.ศ. 2544 เกิดเหตุสังหารหมู่ในพระราชวัง โดย</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B0&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีทิเปนทระ (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><u><span style=\"color: #000000\">เจ้าชายทิเปนทระ</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> มกุฎราชกุมารในสมัยนั้น และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B0\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ\"><u><span style=\"color: #000000\">กษัตริย์ชญาเนนทระ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">ได้ขึ้นครองราชสมบัติแทน ในปีพ.ศ. 2548 กษัตริย์ชญาเนนทระได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล นำมาซึ่งการประท้วงจากประชาชนและพรรคการเมืองในเวลาต่อมา จนต้องคืนอำนาจให้กับรัฐสภา รัฐสภาเนปาลได้จำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ และให้เนปาลเป็น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A2\" title=\"รัฐโลกวิสัย\"><u><span style=\"color: #000000\">รัฐโลกวิสัย</span></u></a><span style=\"color: #000000\"> (secular state)</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐสภาเนปาลได้ผ่านกฎหมายที่จะเปลี่ยนเนปาลเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยมีผลหลังการเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2551</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาลเนปาลประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ สถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยขึ้น โดยกำหนดให้</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B9%87%E0%B8%88%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%8A%E0%B8%8D%E0%B8%B2%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%A7%E0%B8%B0\" title=\"สมเด็จพระราชาธิบดีชญาเนนทรวีรวิกรมศาหเทวะ\"><u><span style=\"color: #000000\">ชญาเนนทระ</span></u></a><span style=\"color: #000000\">และพระบรมวงศานุวงศ์ต้องเสด็จออกจากพระราชวังภายใน 15 วัน และกำหนดให้วันที่ 28 - 30 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<img height=\"266\" width=\"400\" src=\"http://www.naturetravelling.com/nepal/images/DSC_0208-copy.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"350\" width=\"561\" src=\"http://flyrighttour.tarad.com/shop/f/flyrighttour/img-lib/spd_20070510131056_b.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"360\" width=\"529\" src=\"http://www.painaima.com/resources/webboard/wb0908/wb0908_t403.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<img height=\"269\" width=\"400\" src=\"http://www.wanramtang.com/images/mboard_1191952192/1191952192.jpg\" id=\"imgb\" />\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิง <span class=\"f\"><cite>th.wikipedia.org/wiki</cite></span></span>\n</p>\n<p>\nอ้างอิงรูป <a href=\"http://www.naturetravelling.com\" title=\"www.naturetravelling.com\">www.naturetravelling.com</a>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:9ee3466bce68b837a1e0b8ce07eeba0e' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:8d355f7c1c08458805070ec54face88c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><strong><span style=\"color: #ff0000\">คัด</span><span style=\"color: #ff0000\">ลอกมาไม่ถูกต้อง อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่</span><span style=\"color: #ff0000\">ะ </span></strong><img border=\"0\" src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-cry.gif\" alt=\"Cry\" title=\"Cry\" /></p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:8d355f7c1c08458805070ec54face88c' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:ab3b72429943c14a8bf6f0787b984b06' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์ ประเทศตูวาลู</span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">          ชาว</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%99\" title=\"สเปน\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">สเปน</span></a><span style=\"color: #000000\">เป็นพวกแรกที่เข้ามาพบหมู่เกาะแห่งนี้ ในระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาดินแดนแห่งใหม่ทางตอนใต้ แต่ก็ไม่ให้ความสนใจเท่าใด ต่อมามีชาว</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9\" title=\"อังกฤษ\"><span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\">เดินเรือเข้ามาพบ และได้ตั้งชื่อว่า <b>หมู่เกาะเอลลิส</b> ตามชื่อของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%87\" title=\"นักการเมือง\"><span style=\"color: #000000\">นักการเมือง</span></a><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9\" title=\"อังกฤษ\"><span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\">ที่เป็นเจ้าของเรือ ต่อมากลายเป็นชื่อเรียกหมู่เกาะ</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">          ใน </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2435\" title=\"พ.ศ. 2435\"><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2435</span></a><span style=\"color: #000000\"> หมู่เกาะเอลลิสกลายเป็นดินแดนในอารักขาของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9\" title=\"อังกฤษ\"><span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\"> หลังจากนั้นก็ถูกรวมเข้ากับ หมู่เกาะกิลเบิร์ต (ปัจจุบันคือ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B4%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B8%AA\" title=\"คิริบาส\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">คิริบาส</span></a><span style=\"color: #000000\">) เป็นอาณานิคมของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9\" title=\"อังกฤษ\"><span style=\"color: #000000\">อังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\"> กองทัพ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%81%E0%B8%B2\" title=\"สหรัฐอเมริกา\"><span style=\"color: #000000\">สหรัฐอเมริกา</span></a><span style=\"color: #000000\">เข้ายึดครองหมู่เกาะเอลลิสในช่วง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87\" title=\"สงครามโลกครั้งที่สอง\"><span style=\"color: #000000\">สงครามโลกครั้งที่สอง</span></a><span style=\"color: #000000\"> เพื่อเป็นที่มั่นสำหรับต่อต้านทหาร</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%8D%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%9B%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99\" title=\"ญี่ปุ่น\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ญี่ปุ่น</span></a><span style=\"color: #000000\">ที่ยึดครองหมู่เกาะกิลเบิร์ต หลังสงครามเกิดความตึงเครียดระหว่างประชากรของหมู่เกาะกิลเบิร์ต และหมู่เกาะเอลลิส หมู่เกาะเอลลิสจึงได้แยกตัวออกมา และเป็นประเทศเอกราชใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A0%E0%B8%9E%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%A4%E0%B8%A9\" title=\"เครือจักรภพอังกฤษ\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">เครือจักรภพอังกฤษ</span></a><span style=\"color: #000000\"> เมื่อ </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E.%E0%B8%A8._2521\" title=\"พ.ศ. 2521\"><span style=\"color: #000000\">พ.ศ. 2521</span></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"399\" width=\"532\" src=\"http://www.twip.org/photo/africa/south-africa/photo-11829-07-05-07-12-21-43.jpg\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"320\" width=\"320\" src=\"http://2.bp.blogspot.com/_mwyGM3ecYLU/SQa5uDFpZCI/AAAAAAAAAVE/-Kup3bFZ4Qk/s320/space_fogafale1.png\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"381\" width=\"519\" src=\"http://t0.gstatic.com/images?q=tbn:_odcxg6cYXDMrM::&amp;t=1&amp;usg=__gJAkmrMpdG4ggYR_ZHhVJD60kwY=\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"110\" width=\"163\" src=\"http://guru.sanook.com/dictionary/picture/nation/tuvalu.bmp\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"399\" width=\"502\" src=\"http://www.cmw.ac.th/elibrary/fileselibrary/Social/sayun002/architecture_04.jpg\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\"></span></cite></span></p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img height=\"338\" width=\"450\" src=\"http://hilight.kapook.com/img_cms/other/5_34.jpg\" id=\"imgb\" />\n</div>\n<p>\n</p>\n<p>\n<span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\"></span></cite></span>\n</p>\n<p>\n<span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิง <span class=\"f\"><cite>th.wikipedia.org/wiki/ประเทศ<b>ตูวาลู</b></cite> </span></span></cite></span>\n</p>\n<p>\n<span class=\"f\"><cite><span style=\"color: #000000\">อ้างอิงรูป</span></cite></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">roundheadedboy.blogspot.com/2007...ive.html</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">abc-violet.blogspot.com/2008/10/..._28.html</span>\n</p>\n<p>\n<a href=\"http://www.9leang.com/%3Fp%3D50\"><span style=\"color: #000000\">www.9leang.com/%3Fp%3D50</span></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">hilight.kapook.com/view/34959</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">guru.sanook.com/dictionary/dict_...B8%25B9/</span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:ab3b72429943c14a8bf6f0787b984b06' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:b5609e8f168ca668ee528f55ae395029' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">ประเทศนี้น่าสนใจดี แต่ข้อมูลนี้น้อยไป</span></strong>\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"color: #ff0000\">อ้างอิงรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ </span></strong>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:b5609e8f168ca668ee528f55ae395029' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:e271d6f3637467b015955c981508f8ea' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><h2><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C\"><span style=\"color: #000000\">ประวัติศาสตร์อิตาลี</span></span></h2>\n<h3><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.A2.E0.B8.B8.E0.B8.84.E0.B8.81.E0.B9.88.E0.B8.AD.E0.B8.99.E0.B8.9B.E0.B8.A3.E0.B8.B0.E0.B8.A7.E0.B8.B1.E0.B8.95.E0.B8.B4.E0.B8.A8.E0.B8.B2.E0.B8.AA.E0.B8.95.E0.B8.A3.E0.B9.8C.E0.B8.88.E0.B8.99.E0.B8.96.E0.B8.B6.E0.B8.87.E0.B8.A2.E0.B8.B8.E0.B8.84.E0.B8.88.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.A7.E0.B8.A3.E0.B8.A3.E0.B8.94.E0.B8.B4.E0.B9.82.E0.B8.A3.E0.B8.A1.E0.B8.B1.E0.B8.99\"><span style=\"color: #000000\">ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคจักรวรรดิโรมัน</span></span></h3>\n<div class=\"thumb tleft\">\n</div>\n<p>\n<a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%9A%E0%B8%AA%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"คาบสมุทรอิตาลี\"><span style=\"color: #000000\">คาบสมุทรอิตาลี</span></a><span style=\"color: #000000\">มีมนุ</span>\n</p>\n<div class=\"thumbinner\" style=\"width: 222px\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Colosseum_in_Rome-April_2007-1-_copie_2B.jpg\" class=\"image\"><img height=\"129\" width=\"220\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/d/d8/Colosseum_in_Rome-April_2007-1-_copie_2B.jpg/220px-Colosseum_in_Rome-April_2007-1-_copie_2B.jpg\" class=\"thumbimage\" /></a> \n<div class=\"thumbcaption\">\n<div class=\"magnify\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Colosseum_in_Rome-April_2007-1-_copie_2B.jpg\" title=\"ขยาย\" class=\"internal\"><img height=\"11\" width=\"15\" src=\"http://bits.wikimedia.org/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png\" /></a>\n</div>\n<p>สนามกีฬา<a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%A1\" title=\"โคลอสเซียม\"><span style=\"color: #0645ad\"><u>โคลอสเซียม</u></span></a> สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุง<a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A1\" title=\"โรม\"><span style=\"color: #0645ad\"><u>โรม</u></span></a>\n</p></div>\n</div>\n<p>\n  <span style=\"color: #000000\">มนุษย์อาศัยตั้งแต่ยุคหินเก่า ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทเบอร์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%97%E0%B8%B1%E0%B8%A5&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"นีแอนเดอร์ทัล (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">นีแอนเดอร์ทัล</span></a><span style=\"color: #000000\">ตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 หมื่นปีที่แล้ว และด้วยอิตาลีนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%97%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99\" title=\"ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน\"><span style=\"color: #000000\">ทะเลเมดิเตอร์เรเนียน</span></a><span style=\"color: #000000\">ซึ่งมีอารยธรรมโบราณกล่าวคือ อารยธรรม</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%99%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"มิโนอัน\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">มิโนอัน</span></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%99&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"ไมซีเนียน (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">ไมซีเนียน</span></a><span style=\"color: #000000\"> อารยธรรมที่เกี่ยวพันกับอารยธรรม</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%81%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93\" title=\"กรีกโบราณ\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">กรีกโบราณ</span></a><span style=\"color: #000000\"> อิตาลีเป็นประเทศที่มีอารยธรรมมาช้านานและแผ่ขยายดินแดนอื่น ๆ ในทวีปยุโรป</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในช่วง 1,600 ปีก่อนคริต์ศักราช พวก</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%97%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%AA%E0%B8%84%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"อารยธรรมอีทรัสคัน\"><span style=\"color: #000000\">อีทรัสคัน</span></a><span style=\"color: #000000\"> จากเอเชียไมเนอร์ก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่เป็นแคว้นทัสกานีในปัจจุบัน พร้อมกับนำอารยธรรมกรีกเข้ามาเผยแพร่ ส่วน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93\" title=\"กรีซโบราณ\"><span style=\"color: #000000\">พวกกรีก</span></a><span style=\"color: #000000\">เองก็ได้เดินทางมาตั้งอาณานิคมชื่อว่า <i>“แมกนากราเซีย”</i> (</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%A9%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"ภาษาอิตาลี\"><span style=\"color: #000000\">อิตาลี</span></a><span style=\"color: #000000\">: <span xml:lang=\"it\" lang=\"it\">Magna Graecia</span>) ในตอนใต้ของอิตาลีใน 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่เมือง</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%AA%E0%B9%8C\" title=\"เนเปิลส์\"><span style=\"color: #000000\">เนเปิลส์</span></a><span style=\"color: #000000\">จนถึงเกาะซิซิลี</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช พวกอีทรัสคันได้มีอำนาจปกครองดินแดนตั้งแต่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอิตาลีตั้งแต่หุบเขาโป จนถึงบริเวณเมืองนาโปลี และดินแดนรอบ ๆ กรุงโรม ขณะเดียวกันชนเผ่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีก็รวมตัวกันจัดตั้งเป็น</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90\" title=\"นครรัฐ\"><span style=\"color: #000000\">นครรัฐ</span></a><span style=\"color: #000000\">ขึ้น เพื่อต่อต้านการขยายตัวและอำนาจของพวกอีทรัสคันและกรีก ชนเผ่าที่สำคัญในการต่อต้านอำนาจเหล่านี้ได้แก่พวกละติน หรือโรมัน ซึ่งเมื่อถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินก็ได้มีอำนาจเหนือดินแดนอิตาลี เกาะซาร์ดิเนียและซิซิลี ทั้งหมดแล้ว</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ใน 27 ปีก่อนคริสต์ศักราช โรมได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นระบอบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4\" title=\"จักรวรรดิ\"><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิ</span></a><span style=\"color: #000000\"> โดยมี</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%B8%E0%B8%AA_%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B8%8B%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C\" title=\"ออกุสตุส ซีซาร์\"><span style=\"color: #000000\">จักรพรรดิออกเตเวียน</span></a><span style=\"color: #000000\"> เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก นครหลวงแห่งนี้ได้เจริญถึงขีดสุดและสามารถขยายอำนาจปกครองอิทธิพลไปทั่วทั้งยุโรป และบริเวณรายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการค้าและความเจริญในด้านวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ แทนอารยธรรมกรีกที่เสื่อมถอยลง ระหว่างปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._96\" title=\"ค.ศ. 96\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 96</span></a><span style=\"color: #000000\"> – </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._180\" title=\"ค.ศ. 180\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">180</span></a><span style=\"color: #000000\"> เป็นช่วงระยะเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจักรพรรดิที่ปกครอง 5 พระองค์ แต่หลังจากนั้น โรมต้องประสบปัญหาทั้งในทุก ๆ ด้าน รวมไปถึงการรุกรานของพวกอนารยชน รวมทั้งการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมจรรยา ใน </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._312\" title=\"ค.ศ. 312\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 312</span></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B8%AA%E0%B9%81%E0%B8%95%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99\" title=\"จักรพรรดิคอนสแตนติน\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">จักรพรรดิคอนสแตนติน</span></a><span style=\"color: #000000\">ทรงยอมรับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2\" title=\"คริสต์ศาสนา\"><span style=\"color: #000000\">คริสต์ศาสนา</span></a><span style=\"color: #000000\">เป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งมีผลให้คริสต์ศาสนามีโอกาสได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนที่อยู่ใต้อาณัติของโรม และทรงแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วน คือ </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%A7%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%81\" title=\"จักรวรรดิโรมันตะวันตก\"><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิโรมันตะวันตก</span></a><span style=\"color: #000000\"> และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%84%E0%B8%9A%E0%B9%81%E0%B8%8B%E0%B8%99%E0%B9%84%E0%B8%97%E0%B8%99%E0%B9%8C\" title=\"จักรวรรดิไบแซนไทน์\"><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิไบแซนไทน์</span></a>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันตะวันตกและกรุงโรมได้ถูกพวกอนารยชนชาวเยอรมันเข้าปล้นสะดม ซึ่งต่อมาในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._476\" title=\"ค.ศ. 476\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 476</span></a><span style=\"color: #000000\"> จักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้ายก็ถูกพวกอนารยชนขับออกจากบัลลังก์ คาบสมุทรอิตาลีถูกแบ่งออกเป็นนครรัฐทั้งหลายซึ่งมีอิสระต่อกันกว่า 14 รัฐ</span>\n</p>\n<h3><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.A2.E0.B8.B8.E0.B8.84.E0.B8.81.E0.B8.A5.E0.B8.B2.E0.B8.87\"><span style=\"color: #000000\">ยุคกลาง</span></span></h3>\n<div class=\"thumb tright\">\n<div class=\"thumbinner\" style=\"width: 224px; height: 236px\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Italy_1494_v2.png\" class=\"image\"><img height=\"315\" width=\"220\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/a/a8/Italy_1494_v2.png/220px-Italy_1494_v2.png\" class=\"thumbimage\" /></a> \n<div class=\"thumbcaption\">\n<div class=\"magnify\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Italy_1494_v2.png\" title=\"ขยาย\" class=\"internal\"><img height=\"11\" width=\"15\" src=\"http://bits.wikimedia.org/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png\" /></a>\n</div>\n<p>แผ่นดินอิตาลีใน<a href=\"/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87\" title=\"ยุคกลาง\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #0645ad\">ยุคกลาง</span></a>ตอนต้น\n</p></div>\n</div>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในช่วงต้นของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%87\" title=\"ยุคกลาง\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ยุคกลาง</span></a><span style=\"color: #000000\"> ดินแดนต่าง ๆ ในยุโรปได้ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระส่ายที่บ้านเมืองขาดผู้นำ ระบบการเมือง เศรษฐกิจและสังคมถูกทำลาย แต่ในขณะเดียวกันบิชอบแห่งโรม ก็ได้สามารถสถาปนาอำนาจสูงสุดใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3\" title=\"คริสตจักร\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">คริสตจักร</span></a><span style=\"color: #000000\">ซึ่งต่อมาคือ<i>“<a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2\" title=\"สันตะปาปา\" class=\"mw-redirect\">สันตะปาปา</a>”</i> และสามารถจัดตั้ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%90%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%B0%E0%B8%9B%E0%B8%B2%E0%B8%9B%E0%B8%B2\" title=\"รัฐสันตะปาปา\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">รัฐสันตะปาปา</span></a><span style=\"color: #000000\"> อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอด</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99%E0%B9%82%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%93\" title=\"โรมันโบราณ\"><span style=\"color: #000000\">อารยธรรมโรมัน</span></a><span style=\"color: #000000\">ที่ยังหลงเหลือให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี แม้นครรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรอิตาลีจะขาดเอกภาพทางการเมือง แต่นครรัฐเหล่านั้นยังเป็นศูนย์กลางของความเจริญมั่งคั่งและการฟื้นตัวของศิลปะและวัฒนธรรมของยุโรป</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 14 อิตาลีได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน โดยเรียกว่า </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A2%E0%B8%B8%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%99%E0%B8%8B%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B9%8C\" title=\"ยุคเรอเนซองส์\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ยุคเรอเนซองส์</span></a><span style=\"color: #000000\"> และเป็นผู้นำของลัทธิมนุษยนิยม ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยังตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A8%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B2\" title=\"ศักดินา\"><span style=\"color: #000000\">ศักดินา</span></a><span style=\"color: #000000\"> แต่เมื่อเข้าปลายคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 15 อิตาลีได้ตกเป็นสมรภูมิแย่งชิงอำนาจระหว่างฝรั่งเศส สเปน และออสเตรีย กล่าวคือ เมื่อปี ค.ศ. 1494 </span><a href=\"/w/index.php?title=%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_8_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%9D%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A8%E0%B8%AA&amp;action=edit&amp;redlink=1\" title=\"พระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศส (หน้านี้ไม่มี)\" class=\"new\"><span style=\"color: #000000\">พระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศส</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้เปิดการโจมตีคาบสมุทร ซึ่งได้ดำเนินเรื่อยมาถึงกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 16 และการโจมตีเพื่อแย่งการเป็นเจ้า ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน</span>\n</p>\n<h3><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.A3.E0.B8.B2.E0.B8.8A.E0.B8.AD.E0.B8.B2.E0.B8.93.E0.B8.B2.E0.B8.88.E0.B8.B1.E0.B8.81.E0.B8.A3.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.95.E0.B8.B2.E0.B8.A5.E0.B8.B5_.28.E0.B8.84..E0.B8.A8._1861-1946.29\">ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)</span></h3>\n<div class=\"thumb tright\">\n<div class=\"thumbinner\" style=\"width: 162px\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Benito_Mussolini_and_Adolf_Hitler.jpg\" class=\"image\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"214\" width=\"160\" src=\"http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f0/Benito_Mussolini_and_Adolf_Hitler.jpg/160px-Benito_Mussolini_and_Adolf_Hitler.jpg\" class=\"thumbimage\" /></span></a><span style=\"color: #000000\"> </span>\n<div class=\"thumbcaption\">\n<div class=\"magnify\">\n<a href=\"/wiki/%E0%B9%84%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B9%8C:Benito_Mussolini_and_Adolf_Hitler.jpg\" title=\"ขยาย\" class=\"internal\"><span style=\"color: #000000\"><img height=\"11\" width=\"15\" src=\"http://bits.wikimedia.org/skins-1.5/common/images/magnify-clip.png\" /></span></a>\n</div>\n<p><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95_%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5\" title=\"เบนิโต มุสโสลินี\"><span style=\"color: #000000\">เบนิโต มุสโสลินี</span></a><span style=\"color: #000000\"> (ซ้าย) กับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B9%8C%E0%B8%9F_%E0%B8%AE%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C\" title=\"อดอล์ฟ ฮิตเลอร์\"><span style=\"color: #000000\">อดอล์ฟ ฮิตเลอร์</span></a><span style=\"color: #000000\"> (ขวา) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2</span>\n</p></div>\n</div>\n</div>\n<dl>\n<dd>\n<div class=\"detail\">\n<i><span style=\"color: #000000\">ดูบทความหลักที่ </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%93%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5_(%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1861-1946)\" title=\"ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)\"><span style=\"color: #000000\">ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)</span></a></i>\n</div>\n</dd>\n</dl>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการชุมนุมของขบวนการ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%95%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%A2%E0%B8%A1\" title=\"ชาตินิยม\"><span style=\"color: #000000\">ชาตินิยม</span></a><span style=\"color: #000000\"> เพื่อต้องการรวมอิตาลีจนเป็นผลสำเร็จ โดยการนำของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_2_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"พระเจ้าวิคเตอร์เอ็มมานูเอลที่ 2 แห่งอิตาลี\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">พระเจ้าวิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2</span></a><span style=\"color: #000000\"> นับแต่นั้นมา อิตาลีจึงอยู่ภายใต้การปกครอง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2\" title=\"ราชาธิปไตย\"><span style=\"color: #000000\">ระบอบกษัตริย์</span></a><span style=\"color: #000000\"> เรื่อยมาจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอิตาลี เมื่อมีการประกาศยกเลิกความเป็นพันธมิตรกับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B1%E0%B8%99\" title=\"จักรวรรดิเยอรมัน\"><span style=\"color: #000000\">เยอรมนี</span></a><span style=\"color: #000000\">และ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2-%E0%B8%AE%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%B5\" title=\"จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี\"><span style=\"color: #000000\">จักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี</span></a><span style=\"color: #000000\"> และเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B6%E0%B9%88%E0%B8%87\" title=\"สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง\"><span style=\"color: #000000\">สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง</span></a><span style=\"color: #000000\"> จนได้รับสมญานามว่าเป็น 1 ใน 4 มหาอำนาจ (The Big Four) ต่อมาสงครามได้ยุติลงด้วยชัยชนะของสัมพันธมิตร อิตาลีจึงได้ดินแดนบางส่วนของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AD%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%A2\" title=\"ออสเตรีย\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ออสเตรีย</span></a><span style=\"color: #000000\">มาครอบครอง</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">ต่อมาในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1922\" title=\"ค.ศ. 1922\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1922</span></a><span style=\"color: #000000\"> ระบบเผด็จการ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9F%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%AA%E0%B8%95%E0%B9%8C\" title=\"ฟาสซิสต์\"><span style=\"color: #000000\">ฟาสซิสต์</span></a><span style=\"color: #000000\"> ถูกนำมาใช้ในประเทศอิตาลีกว่า 20 ปี โดยการนำของ</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B9%82%E0%B8%95_%E0%B8%A1%E0%B8%B8%E0%B8%AA%E0%B9%82%E0%B8%AA%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%B5\" title=\"เบนิโต มุสโสลินี\"><span style=\"color: #000000\">เบนิโต มุสโสลินี</span></a><span style=\"color: #000000\"> ถึงแม้ว่าจะมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็เป็นเพียงในนามเท่านั้น จนกระทั่งเข้าสู่</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%AA%E0%B8%87%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B9%82%E0%B8%A5%E0%B8%81%E0%B8%84%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%87%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%AD%E0%B8%87\" title=\"สงครามโลกครั้งที่สอง\"><span style=\"color: #000000\">สงครามโลกครั้งที่สอง</span></a><span style=\"color: #000000\"> อิตาลีเข้าร่วมกับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9D%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A9%E0%B8%B0\" title=\"ฝ่ายอักษะ\"><span style=\"color: #000000\">ฝ่ายอักษะ</span></a><span style=\"color: #000000\"> เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยึด</span><a href=\"/wiki/%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%B0%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%8B%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"เกาะซิซิลี\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">เกาะซิซิลี</span></a><span style=\"color: #000000\">ได้ มุสโสลินีจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้ง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%A3_%E0%B8%9A%E0%B8%B2%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A5%E0%B9%82%E0%B8%A2\" title=\"ปีเอโตร บาโดลโย\"><span style=\"color: #000000\">ปีเอโตร บาโดลโย</span></a><span style=\"color: #000000\"> ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และประกาศสงครามกับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%8B%E0%B8%B5%E0%B9%80%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B5\" title=\"นาซีเยอรมนี\"><span style=\"color: #000000\">นาซีเยอรมนี</span></a><span style=\"color: #000000\"> จนได้รับชัยชนะ โดยมุสโสลินีถูกกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์จับกุม และถูกสังหารที่เมือง</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%99\" title=\"มิลาน\"><span style=\"color: #000000\">มิลาน</span></a>\n</p>\n<h3><span class=\"mw-headline\" id=\".E0.B8.AA.E0.B8.B2.E0.B8.98.E0.B8.B2.E0.B8.A3.E0.B8.93.E0.B8.A3.E0.B8.B1.E0.B8.90.E0.B8.AD.E0.B8.B4.E0.B8.95.E0.B8.B2.E0.B8.A5.E0.B8.B5\"><span style=\"color: #000000\">สาธารณรัฐอิตาลี</span></span></h3>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง สิ้นสุดลง อิตาลียังคงมี</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B4%E0%B8%84%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%A3%E0%B9%8C_%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B9%87%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A5%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_3_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลี\"><span style=\"color: #000000\">พระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3</span></a><span style=\"color: #000000\"> เป็นประมุขอยู่ ต่อมาพระองค์สละราชสมบัติให้กับ</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B8%E0%B8%A1%E0%B9%81%E0%B8%9A%E0%B8%A3%E0%B9%8C%E0%B9%82%E0%B8%95%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88_2_%E0%B9%81%E0%B8%AB%E0%B9%88%E0%B8%87%E0%B8%AD%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5\" title=\"พระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 แห่งอิตาลี\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">พระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2</span></a><span style=\"color: #000000\"> ขึ้นครองราชย์แทน แต่ครองราชย์ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ประชาชนต่างลงประชามติให้อิตาลีเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบกษัตริย์มาเป็นระบบสาธารณรัฐใน</span><a href=\"/wiki/%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%9A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9B%E0%B8%A3%E0%B8%B0%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%98%E0%B8%B4%E0%B8%9B%E0%B9%84%E0%B8%95%E0%B8%A2\" title=\"ระบอบประชาธิปไตย\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ระบอบประชาธิปไตย</span></a><span style=\"color: #000000\"> เมื่อวันที่ </span><a href=\"/wiki/2_%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%96%E0%B8%B8%E0%B8%99%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%99\" title=\"2 มิถุนายน\"><span style=\"color: #000000\">2 มิถุนายน</span></a><span style=\"color: #000000\"> </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1946\" title=\"ค.ศ. 1946\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1946</span></a><span style=\"color: #000000\"> โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี </span><a href=\"/wiki/%E0%B8%84.%E0%B8%A8._1948\" title=\"ค.ศ. 1948\" class=\"mw-redirect\"><span style=\"color: #000000\">ค.ศ. 1948</span></a><span style=\"color: #000000\"> จนถึงปัจจุบัน</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"336\" width=\"451\" src=\"http://women.sanook.com/story_picture/b/46102_002.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"225\" width=\"300\" src=\"http://thai.monoplanet.com/guide-book/images/icon-italy.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"336\" width=\"448\" src=\"http://www.blogth.com/uploads/t/tipzzz/20298.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"336\" width=\"225\" src=\"http://cherokee.exteen.com/images/postcards/vatican/Resize%20of%20File1346.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"><img height=\"336\" width=\"230\" src=\"http://cherokee.exteen.com/images/postcards/venice/File1509.jpg\" id=\"imgb\" /></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">แหล่งอ้างอิง  <span class=\"f\"><cite>th.wikipedia.org/wiki</cite></span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\">อ้างอิงรูป   cherokee.exteen.com</span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #000000\"></span>\n</p>\n', created = 1715821596, expire = 1715907996, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:e271d6f3637467b015955c981508f8ea' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

งานครั้งที่ 1 ม.6/2 ครูปภาดา ชัยวัฒนโชติ

งานครั้งที่ 1  ม.6/2 ครูปภาดา ชัยวัฒนโชติ

1.ขอให้นักเรียนม.6/2 ทุกคน ไปหาข้อมูลเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของประเทศต่างๆ ในโลกมา คนละ 1 ประเทศ ความยาวไม่น้อยกว่า 10  บรรทัด พร้อมภาพประกอบไม่น้อยกว่า 1 รูป  (ไม่ให้ซ้ำกัน)

2.ให้อ้างอิงแหล่งที่มาของข้อมูลและรูปภาพให้ถูกต้องดัวย

3.ให้ส่งภายในวันที่  16  สิงหาคม  2553  เวลา 23.30 น.

4. แจ้งส่ง Url ของบล็อกที่นักเรียนทำตรงแสดงความคิดเห็นข้างล่าง เช่น www.thaigoodview.com/node/12345

5. เพื่อนภายในห้องต้องเข้าไปแสดงความคิดเห็นในบล็อกของเพื่อนด้วยอย่างน้อยคนละ 1 ความคิดเห็น

แก้งาน
เปลี่ยนประเทศค่ะ
ประวัติศาสตร์ประเทศซูรินาเม
ในปลายพุทธศตวรรษที่ 22 อังกฤษได้มาตั้งอาณานิคมริมแม่น้ำซูรินาเม ต่อมาเนเธอร์แลนด์ได้ทำความตกลงแลกอาณานิคมกับอังกฤษ โดยที่เนเธอร์แลนด์ได้ครอบครองอาณานิคมซูรินาเม ส่วนอังกฤษได้ครอบครองนิวอัมสเตอร์ดัมของเนเธอร์แลนด์ (คือนิวยอร์กในอเมริกาปัจจุบัน)  ในยุคอาณานิคมชาวดัตช์ได้บุกเบิกที่ดินทำไร่ และนำทาสจำนวนมากจากแอฟริกามาใช้ทำงานไร่ ความเป็นอยู่ของทาสในซูรินาเมนั้นมีความยากลำบากมาก ทาสจำนวนหนึ่งจึงได้หนีเข้าไปตั้งถิ่นฐานในป่าลึก ต่อมาเมื่อมีการเลิกทาส จึงได้มีการนำแรงงานใหม่ที่มีสัญญาจ้างงานมาจากอินโดนีเซีย อินเดีย และจีน แรงงงานเหล่านี้ได้กลายเป็นชนกลุ่มน้อยที่มีจำนวนมากของซูรินาเม
ต่อมาในปี พ.ศ. 2497 อาณานิคมซูรินาเมได้รับการยกฐานะให้เป็นส่วนหนึ่งของเนเธอร์แลนด์ สามารถเลือกผู้แทนตนเองเพื่อบริหารกิจการภายใน แต่กิจการต่างประเทศ และการป้องกันประเทศเป็นหน้าที่ของเนเธอร์แลนด์ ต่อมาซูรินาเมได้รับเอกราชจากเนเธอร์แลนด์ในปี พ.ศ. 2518

การเมือง
ซูรินาเมมีประธานาธิบดีซึ่งได้รับเลือกจากสภาเป็นทั้งประมุขของประเทศ และหัวหน้ารัฐบาลทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ ดำรงตำแหน่งคราวละ 5 ปี ซูรินาเมได้เป็นสมาชิกองค์การสหประชาชาติใน ปี พ.ศ. 2518

การแบ่งเขตการปกครอง
ซูรินาเม มีการปกครอง 10 เขต ได้แก่
โบรโคปอนโด (Brokopondo)
คอมเมวิชเน (Commewijne)
โคโรนี (Coronie)
มารอวิชเน (Marowijne)
นิคเครี (Nickerie)
ปารา (Para)
ปารามาริโบ (Paramaribo)
ซามามัคคา (Saramacca)
ซิปาลิวินิ (Sipaliwini)
วานิกา (Wanica)

เศรษฐกิจ
เศรษฐกิจ ในช่วงที่ซูรินาเมอยู่ภายใต้การปกครองของคณะทหาร ภาวะความไม่แน่นอนทางการเมือง และความวุ่นวายอันเนื่องมาจากการหยุดงานของกรรมกรอยู่เป็นประจำ รวมทั้งการระงับความช่วยเหลือทางการเงินของเนเธอร์แลนด์ มีผลทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศตกต่ำลงไปด้วย ต่อมาเมื่อซูรินาเมมีการปกครองระบอบประชาธิปไตย เศรษฐกิจของประเทศฟื้นตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และรายได้ประชาชาติก็เพิ่มขึ้นด้วย
อัตราความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ(2549) 5.8% ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (2547) 1.09 พันล้านเหรียญสหรัฐ รายได้ประชาชาติต่อหัว (2549) 4,486 เหรียญสหรัฐ อัตราเงินเฟ้อ(2549) 11.3% มูลค่าการส่งออก (2549) 1390.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าการนำเข้า(2549) 1297.0 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าออกที่สำคัญ ได้แก่ อะลูมิเนียม ทองคำ น้ำมัน กุ้งและปลาทะเล สินค้าเข้าที่สำคัญ ได้แก่ สินค้าทุน เครื่องจักร น้ำมัน สินค้าอุปโภคบริโภค ประเทศคู่ค้าที่สำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ เนเธอร์แลนด์ ญี่ปุ่น ตรินิแดด-โตเบโก

ประชากร
ส่วนใหญ่เป็นชาวอินเดีย 37% ลูกผสมชาวยุโรปและชาวแอฟริกัน 31% ชาวอินโดนีเซีย(ชวา)15% ชาวแอฟริกัน 10% ชนพื้นเมือง 2% ชาวจีน 2% ชาวยุโรป 1% อื่นๆ 2%

ศาสนา
ชาวซูรินาเมส่วนใหญ่นับถือคริสต์โปรเตสแตนส์ 25.2%คริสต์โรมันคาทอลิก 22.8%เป็นชาวอินเดียนับถือศาสนาฮินดู 27.4%และศาสนาอิสลาม 19.6% อื่นๆ 5%


ที่มาของภาพ  :  www. atcloud.com

ที่มาของภาพ  :  www.th.tixik.com

ส่งงานคะ  นางสาว วิภาภรณ์  นาราศรี

ม.6/2  เลขที่ 32

http://www.thaigoodview.com/node/72735

อ้างที่มารูปภาพไม่ถูกต้องนะคะ

คัดลอกมา โดยไม่ได้วางที่ Notepad ก่อน

ประวัติศาสตร์ประเศมัลดีฟส์

        ชนพื้นเมืองพวกแรกที่อาศัยอยู่ในมัลดีฟส์ตั้งแต่ก่อนคริสตกาล คือ พวกดราวิเดียนและสิงหล ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ ชาวมัลดีฟส์โบราณจึงนับถือศาสนาพุทธเป็นศาสนาหลัก ต่อมา ในคริสต์ศวรรษที่ 12 มัลดีฟส์ได้เปลี่ยนมานับถือศาสนาอิสลาม และมีสุลต่านราชวงศ์ต่าง ๆ เป็นผู้ปกครองประเทศในยุคแรก ได้แก่

  1. ราชวงศ์โสมวันสา (Somavansa) หรือ Malei มีสุลต่าน 16 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 169 ปี
  2. ราชวงศ์วีรุ อุมรุ (Veeru Umaru) มีสุลต่าน 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 75 ปี
  3. ราชวงศ์หิลาลิ (Hilali) มีสุลต่าน 25 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 170 ปี

  ชาวโปรตุเกสได้พยายามเข้ายึดครองมัลดีฟส์ตั้งแต่คริสตวรรษที่ 13 และ ประสบความสำเร็จในปี ค.ศ. 1558 (พ.ศ. 2101) และได้ปกครองมัลดีฟส์อยู่เป็นเวลา 15 ปี ต่อมาในปี ค.ศ. 1573 (พ.ศ. 2116) มีการสถาปนาการปกครองระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้งหนึ่ง โดยมีการตั้งราชวงศ์อุทีมุ (Utheemu) ซึ่งมีสุลต่านในราชวงศ์ 5 พระองค์ ปกครองเป็นเวลา 121 ปี ในสมัยราชวงศ์นี้ มีการพัฒนาระบบการปกครอง การทหารและการเงินให้ดีขึ้น ต่อมามีราชวงศ์ปกครองอีก 3 ราชวงศ์ ได้แก่ ราชวงศ์อิสดู (Isdhoo), ดิยมิกิลิ (Dhiyamigili) และ หุราเก (Huraage)
  ในปี ค.ศ. 1887 (พ.ศ. 2430)
อังกฤษได้แผ่อิทธิพลในแถบมหาสมุทรอินเดีย สุลต่านมูฮัมหมัด มูอีนุดดีนที่ 2 (Muhammad Mueenudhdheen II) จึงได้ทำความตกลง The Agreement on December 16th , 1887 กับอังกฤษ ซึ่งส่งผลให้มัลดีฟส์อยู่ภายใต้การอารักขาของอังกฤษ (protection period)

ในปี ค.ศ. 1948 (พ.ศ. 2491) อังกฤษให้เอกราชแก่ศรีลังกา มัลดีฟส์จึงแยกตัวออกจาก ศรีลังกา โดยยังคงสถานะเป็นรัฐในอารักขาของอังกฤษ ต่อมาในปี ค.ศ. 1954 (พ.ศ. 2497) ได้มีการสถาปนาระบบสุลต่านขึ้นอีกครั้ง โดยมีการปกครองโดยรัฐสภา มีสภาสูงซึ่งประกอบด้วยสมาชิกจำนวน 80 คน และสภาล่างอีก 46 คน ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ค.ศ. 1965 (พ.ศ. 2508) อังกฤษได้มอบเอกราชให้แก่ มัลดีฟส์ หลังจากเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษเป็นเวลา 79 ปี แต่อังกฤษยังคงเช่าเกาะกาน (Gan Island) ทางตอนใต้สุดของประเทศไว้เป็นฐานทัพถึงปี ค.ศ. 1986 (พ.ศ. 2529)

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1968 (พ.ศ. 2511) มัลดีฟส์ยกเลิกระบบสุลต่านและได้เปลี่ยนแปลงการปกครองเป็นระบอบประชาธิปไตยแบบสาธารณรัฐ โดยมีนาย Amir Ibrahim Nasir เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีคนแรกของมัลดีฟส์และบริหารประเทศจนถึงปี ค.ศ. 1978 (พ.ศ. 2521) ต่อมา นาย Maumoon Abdul Gayoom ได้รับเลือกตั้งให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสืบแทนจนกระทั่งปัจจุบัน โดยได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีติดต่อกับถึง 5 สมัย (สมัยละ 5 ปี) นับเป็นประมุขฝ่ายบริหารที่บริหารประเทศนานที่สุดในภูมิภาคเอเชียใต้

แหล่งอ้างอิง
 th.wikipedia.org/wiki/ประเทศมัลดีฟส์
แหล่งอ้างอิงรูป
paow007.wordpress.com/page/22/%3...3Dmonths
hilight.kapook.com/view/39639
gotoknow.org/file/sasinanda/view/73219

รูปสวยดี  อ้างทีมารูปภาพไม่ถูต้อง และต้องอ้างทุกรูปค่ะ 

ประวัติศาสตร์ประเทศเลโซโท

          เลโซโทเป็นหนึ่งในสามของประเทศในทวีปแอฟริกาที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข (อีก 2 ประเทศ คือ ประเทศโมร็อกโก และประเทศสวาซิแลนด์) เดิมประเทศเลโซโทมีชื่อว่าบาซูโต ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2361 โดยมีสมเด็จพระราชาธิบดีโมโชโชที่ 1 เป็นผู้ปกครอง ต่อมา ชนเผ่าซูลู และคนผิวขาวเข้าไปตั้งหลักแหล่งในประเทศ และถูกแอฟริกาใต้รุกราน บาซูโตจึงต้องขอรับความคุ้มครองจากรัฐบาลสหราชอาณาจักร และมีฐานะเป็นรัฐในปกครองของสหราชอาณาจักร (British protectorate of Basutoland) ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2411 ต่อมาเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2509 ได้ประกาศเอกราชและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็นเลโซโท

 

 
 แหล่งอ้างอิง
th.wikipedia.org/wiki/ประเทศเลโซโท
แหล่งอ้างอิงรูป
politic.myfirstinfo.com/onthisda...nth%3D10
atcloud.com/stories/65439

เนื้อหาน้อยไป อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ  Cry

ประวัติศาสตร์ประเทศสโลวาเกีย

 ก่อนคริสต์ศตวรรษที่ 5

ในช่วงเวลาประมาณ 450 ปีก่อนคริสต์ศักราช บริเวณดินแดนที่เป็นประเทศสโลวาเกียทุกวันนี้เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของพวกเคลต์ซึ่งเป็นผู้สร้างออปปีดา (oppida - ชุมชนขนาดใหญ่ในช่วงปลายยุคเหล็ก มีลำน้ำล้อมรอบ) ที่บราติสลาวาและฮาฟรานอค เหรียญเงินที่มีชื่อของกษัตริย์เคลต์จารึกไว้ ที่เรียกว่า ไบอะเท็ก (Biatec) เป็นสิ่งแสดงถึงการใช้ตัวอักษรเป็นครั้งแรกในดินแดนแห่งนี้ ในปี ค.ศ. 6 (ประมาณ พ.ศ. 549) จักรวรรดิโรมันอันกว้างใหญ่ได้จัดตั้งและบำรุงแนวกองรักษาด่านรอบ ๆ แม่น้ำดานูบ ต่อมาราชอาณาจักรวานนีอุสได้ปรากฏขึ้นในสโลวาเกียตอนกลางและตะวันตก โดยการจัดตั้งของพวกอนารยชนเผ่าควอดี ซึ่งเป็นชนเผ่าเยอรมันสาขาหนึ่ง ตั้งแต่ปี ค.ศ. 20-50 (ประมาณปี พ.ศ. 563-593)

 กลุ่มรัฐสลาฟ

ชาวสลาฟเข้ามาตั้งหลักแหล่งในดินแดนสโลวาเกียในคริสต์ศตวรรษที่ 5 และภาคตะวันตกของสโลวาเกียกลายเป็นศูนย์กลางของจักรวรรดิกษัตริย์ซาโมในคริสต์ศตวรรษที่ 7 ต่อมารัฐสโลวักที่ชื่อ ราชรัฐนีตรา (Principality of Nitra) ก็ได้ก่อตัวขึ้นในคริสต์ศตวรรษที่ 8 และเมื่อถึงปี ค.ศ. 828 (พ.ศ. 1371) เจ้าชายพรีบีนาสร้างโบสถ์คริสต์แห่งแรกขึ้นในสโลวาเกีย ราชรัฐนี้ได้เข้าร่วมกับแคว้นโมเรเวียเป็นบริเวณศูนย์อำนาจของจักรวรรดิเกรตโมเรเวีย (Great Moravian Empire) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 833 (พ.ศ. 1376) จุดสูงสุดของราชรัฐสโลวักแห่งนี้ได้มาถึงพร้อมกับการเข้ามาของนักบุญซีริลและนักบุญเมโทดีอุสในปี ค.ศ. 863 (พ.ศ. 1406) อยู่ในสมัยของเจ้าชายราสตีสลาฟ และอีกช่วงหนึ่งคือช่วงขยายดินแดนในสมัยพระเจ้าสเวตอพลุคที่ 1

 ราชอาณาจักรฮังการี

ภายหลังการกระจัดกระจายของจักรวรรดิเกรตโมเรเวียในตอนต้นคริสต์ศตวรรษที่ 10 ชาวแมกยาร์ (ชาวฮังการี) ก็ค่อย ๆ เข้าครอบครองดินแดนสโลวาเกียปัจจุบัน ภายในศตวรรษเดียวกัน สโลวาเกียตะวันตกเฉียงใต้ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของราชรัฐฮังการี (Hungarian principality) ซึ่งมีฐานะเป็นราชอาณาจักรฮังการี (Kingdom of Hungary) ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1000 (พ.ศ. 1543) พื้นที่ส่วนใหญ่ของสโลวาเกียถูกผนวกเข้ากับราชอาณาจักรแห่งนี้เมื่อถึงปี ค.ศ. 1100 (พ.ศ. 1643) และพื้นที่ทางตะวันออกเฉียงเหนือเมื่อถึงปี ค.ศ. 1400 (พ.ศ. 1943)

เนื่องจากเศรษฐกิจระดับสูงและการพัฒนาทางวัฒนธรรมที่มากขึ้น สโลวาเกียจึงยังคงมีความสำคัญในรัฐใหม่แห่งนี้ เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษที่ราชรัฐนีตรามีการปกครองตนเองภายในราชอาณาจักรฮังการี การตั้งถิ่นฐานของชาวสโลวักได้ขยายเข้าไปในตอนเหนือและตะวันออกเฉียงใต้ของฮังการีในปัจจุบัน ในขณะที่ชาวแมกยาร์ก็เริ่มตั้งหลักแหล่งทางใต้ของสโลวาเกีย การผสมผสานทางชาติพันธุ์มีความหลากหลายมากขึ้นหลังจากการเข้ามาของชาวเยอรมันคาร์เพเทียนในคริสต์ศตวรรษที่ 13 ชาววลาคในคริสต์ศตวรรษที่ 14 และชาวยิว

การสูญเสียประชากรขนานใหญ่เกิดขึ้นเมื่อพวกมองโกลจากเอเชียกลางเข้ามารุกรานในปี ค.ศ. 1241 (พ.ศ. 1784) ซึ่งก่อให้เกิดทุพภิกขภัยตามมา อย่างไรก็ตาม เมืองต่าง ๆ สโลวาเกียในยุคกลางก็พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว มีการก่อสร้างปราสาทหลายแห่ง รวมทั้งมีการพัฒนาศิลปะ ในปี ค.ศ. 1467 (พ.ศ. 2010) มัตตีอัส กอร์วีนุสได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งแรกขึ้นในบราติสลาวา แต่สถาบันแห่งนี้ก็ดำรงอยู่ได้ไม่นาน

ในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 16 หลังจากที่จักรวรรดิออตโตมันได้เริ่มขยายอาณาเขตเข้ามาในฮังการีและสามารถยึดครองเมืองสำคัญ คือ บูดา (Buda) และแซแคชแฟเฮร์วาร์ (Szekesfehérvár) ไว้ได้ ศูนย์กลางของอาณาจักรฮังการี (ภายใต้ชื่อ รอแยลฮังการี) ได้ย้ายขึ้นไปสู่สโลวาเกีย บราติสลาวา (ขณะนั้นรู้จักกันในชื่อ เพรสส์บูร์ก โพโชนย์ เพรชพอรอค หรือ โปโซนีอุม) ได้กลายเป็นเมืองหลวงของรอแยลฮังการีในปี ค.ศ. 1536 (พ.ศ. 2079) แต่สงครามออตโตมันและการจลาจลต่อต้านราชวงศ์ฮับสบูร์กที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งได้ก่อให้เกิดการทำลายล้างที่ใหญ่หลวงโดยเฉพาะในเขตชนบท ความสำคัญของสโลวาเกียภายในฮังการีลดลงเมื่อพวกเติร์กได้ล่าถอยออกไปจากอาณาจักรในต้นคริสต์ศตวรรษที่ 18 แต่บราติสลาวายังคงสถานะเป็นเมืองหลวงของฮังการีจนกระทั่งปี ค.ศ. 1848 (พ.ศ. 2391) จึงย้ายเมืองหลวงกลับไปที่บูดาเปสต์

ระหว่างการปฏิวัติในปี 1848-1849 (พ.ศ. 2391-2392) ชาวสโลวักให้การสนับสนุนจักรพรรดิออสเตรียด้วยความหวังที่จะแยกตัวจากฮังการี แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ ในยุคสมัยของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1867-1918 (พ.ศ. 2410-2461) ชาวสโลวักต้องประสบกับการกดขี่ทางวัฒนธรรมอย่างเข้มงวดจากนโยบายทำให้เป็นแมกยาร์ที่รัฐบาลฮังการีเป็นผู้ส่งเสริม

 คริสต์ศตวรรษที่ 20

ในปี ค.ศ. 1918 (พ.ศ. 2461) สโลวาเกียได้ร่วมกับแคว้นโบฮีเมีย (Bohemia) และแคว้นโมเรเวีย (Moravia) ซึ่งเป็นดินแดนข้างเคียงเพื่อก่อตั้งประเทศเชโกสโลวาเกีย (Czechoslovakia) เป็นอิสระจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี โดยได้รับการรับรองจากสนธิสัญญาแซงแชร์แมงและสนธิสัญญาตรียานง ในปีถัดมา คือ ค.ศ. 1919 (พ.ศ. 2462) เป็นช่วงเวลาแห่งความวุ่นวายที่ตามมาหลังการแตกแยกของจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี ดินแดนสโลวาเกียได้ถูกโจมตีจากสาธารณรัฐโซเวียตฮังการี (Hungarian Soviet Republic) พื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของสโลวาเกียได้ถูกยึดครองและตั้งเป็นสาธารณรัฐโซเวียตสโลวัก (Slovak Soviet Republic) อยู่ไม่ถึงหนึ่งเดือน จึงถูกกองทัพเชโกสโลวักยึดพื้นที่คืนมาได้

ในปี ค.ศ. 1939 ประธานาธิบดียอเซฟ ตีซอ ผู้นิยมนาซีเยอรมนี ได้ประกาศให้สาธารณรัฐสโลวักครั้งที่ 1 (First Slovak Republic) เป็นเอกราชจากเชโกสโลวาเกีย จึงเกิดขบวนการต่อต้านนาซีขึ้นซึ่งได้ก่อการประท้วงที่รู้จักกันในชื่อ การลุกฮือของชาวสโลวัก (Slovak National Uprising) ในปี ค.ศ. 1944 (พ.ศ. 2487) แม้ว่ากลุ่มผู้ก่อการจลาจลจะถูกปราบปรามลงได้ แต่การสู้รบแบบกองโจรก็ยังดำเนินต่อไป จนกระทั่งกองทัพโซเวียต (ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทัพโรมาเนีย) เข้ามาขับไล่นาซีออกไปจากสโลวาเกียในปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488)

หลังสงครามโลกครั้งที่สอง เชโกสโลวาเกียได้รับการจัดตั้งเป็นประเทศขึ้นใหม่ภายใต้อิทธิพลของสหภาพโซเวียตและสนธิสัญญาวอร์ซอตั้งแต่ปี ค.ศ. 1945 (พ.ศ. 2488) เป็นต้นมา ต่อมาในปี ค.ศ. 1969 (พ.ศ. 2512) ประเทศนี้ได้กลายเป็นรัฐสหพันธ์ของสาธารณรัฐสังคมนิยมเช็ก (Czech Socialist Republic) และสาธารณรัฐสังคมนิยมสโลวัก (Slovak Socialist Republic)

การปกครองระบอบคอมมิวนิสต์ในเชโกสโลวาเกียสิ้นสุดลงเมื่อถึงปี ค.ศ. 1989 (พ.ศ. 2532) ซึ่งอยู่ในช่วงการปฏิวัติเวลเวต (Velvet Revolution) อันเป็นไปอย่างสันติ ตามมาด้วยการสลายตัวของประเทศออกเป็นรัฐสืบสิทธิ์สองรัฐ นั่นคือ สโลวาเกียและสาธารณรัฐเช็กได้แยกออกจากกันหลังวันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 1993 (พ.ศ. 2536) เหตุการณ์นี้บางครั้งเรียกว่าการแยกทางเวลเวต (Velvet Divorce) อย่างไรก็ตาม สโลวาเกียยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสาธารณรัฐเช็กเช่นเดียวกับประเทศยุโรปกลางอื่น ๆ ในกลุ่มวีเซกราด สโลวาเกียได้เข้าเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรปเมื่อเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2004 (พ.ศ. 2547)

แหล่งอ้างอิง th.wikipedia.org/wiki

อ้างอิงรูป www.bloggang.com

คัดลอกมาไม่ถูกต้อง  อ้างอิงแหล่งข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้อง

ต้องอ้างทุกรูปนะคะ Cry

ประวัติศาสตร์สิงคโปร์

ช่วงต้น สิงคโปร์เป็นเมืองที่ตั้งอยู่ปลายสุดแหลมมลายู เป็นสถานพักสินค้าของพ่อค้าทั่วโลก เดิมชื่อว่า เทมาเส็ก (ทูมาสิค) มีกษัตริย์ปกครอง ในช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ได้มีเจ้าผู้ครองนครปาเล็มบังเดินทางแสวงหาดินแดนใหม่เพื่อสร้างเมือง แต่เรือก็อับปางลง พระองค์ได้ว่ายน้ำขึ้นฝั่ง แล้วก็เห็นสัตว์ชนิดหนึ่งมีรูปร่างลำตัวสีแดงหัวดำหัวคล้ายสิงโตหน้าอกขาว พระองค์จึงถามคนติดตามว่า สัตว์ตัวนั้นคืออะไรคนติดตามก็ตอบว่ามันคือ สิงโต พระองค์จึงเปลี่ยนชื่อเทมาเส็กเสียใหม่ว่า สิงหปุระ ต่อมาสิงหปุระก็ได้ตกเป็นของสุลต่านแห่งมะละกา

ยุคการล่าอาณานิคม ประเทศแรกที่มายึดสิงคโปร์ไว้ได้คือโปรตุเกส เมื่อปี ค.ศ. 1511 แล้วก็ถูกชาวดัตช์มาแย่งไป แต่ประมาณปี ค.ศ. 1817 อังกฤษได้แข่งขันกับดัตช์ในเรื่องอาณานิคม อังกฤษได้ส่งเซอร์ โทมัส แสตมฟอร์ด บิงก์เลย์ แรฟเฟิลส์ มาสำรวจดินแดนแถบสิงคโปร์ ตอนนั้นสิงคโปร์ยังมีสุลต่านปกครองอยู่ แรฟเฟิลส์ได้ตกลงกับสุลต่านว่า จะตั้งสถานีการค้าของอังกฤษที่นี่ แต่สุดท้ายอังกฤษก็ยึดสิงคโปร์ไว้เป็นเมืองขึ้นได้สำเร็จ

สงครามโลกครั้งที่ 2 ประเทศญี่ปุ่นได้ประกาศสงครามกับอังกฤษ และก็สามารถยึดครองสิงคโปร์ไว้ได้ แต่เมื่อสงครามสิ้นสุดลง อังกฤษก็ได้ครอบครองสิงคโปร์เหมือนเดิม

การรวมชาติเข้ากับมาเลเซีย เมื่อสิงคโปร์เห็นมาเลเซียได้รับเอกราชจากอังกฤษ สิงคโปร์จึงรีบขอรวมชาติเข้ากับมลายาทันที เพื่อจะได้ไม่เป็นเมืองขึ้นของอังกฤษอีก แต่สิงคโปร์ก็ไม่พอใจกับมาเลเซียมากนักเพราะมีการเหยียดชนชาติกัน ทำให้พรรคกิจประชาชนของสิงคโปร์ประกาศให้สิงคโปร์เป็นเอกราชตั้งแต่วันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1965 ตั้งแต่บัดนั้นมา

สาธารณรัฐสิงคโปร์ เมื่อแยกตัวออกมาแล้วพรรคกิจประชาชนก็ครองประเทศมาตลอดจนถึงทุกวันนี้

ประวัติศาสตร์การเมืองการปกครอง ประวัติศาสตร์ของสิงคโปร์ก่อนศตวรรษที่ 14 มิได้ถูกบันทึกอย่างชัดเจนและแน่นอนนัก ในช่วงศตวรรษที่ 14 สิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของอาณาจักรมัชฌาปาหิตแห่งชวา ต่อมาใน ต้นศตวรรษที่ 15 ก็อยู่ภายใต้การยึดครองของอาณาจักรสยาม จนถูกประมุขแห่งมะละกาเข้ามาแย่งชิงไป และเมื่อโปรตุเกสเข้ายึดครองมะละกา สิงคโปร์ก็กลายเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกสในราวปี ค.ศ. 1498 และต่อมาอยู่ภายใต้อิทธิพลของฮอลันดาในช่วงศตวรรษที่ 17

เมื่ออังกฤษขยายอิทธิพลเข้ามาบริเวณแหลมมลายูในกลางศตวรรษที่ 18 ก็เริ่มสนใจ สิงคโปร์ ในปี 1819 อังกฤษได้ขอเช่าเกาะสิงคโปร์จากจักรวรรดิ์ยะโฮร์ซึ่งอยู่ภายใต้การปกครองของฮอลันดา ในปี 1824 อังกฤษมีสิทธิครอบครองสิงคโปร์ตามข้อตกลงที่ทำกับฮอลันดา ต่อมาในปี 1826 สิงคโปร์ถูกปกครองภายใต้ระบบสเตรตส์เซ็ตเติลเมนท์ (Straits Settlement) ซึ่งให้บริษัท อินเดียตะวันออกของอังกฤษควบคุมดูแลสิงคโปร์ รวมทั้งปีนัง และมะละกาด้วย และต่อมาในปี 1857 รัฐบาลอังกฤษได้เข้ามาดูแลระบบนี้เอง ในปี 1867 สิงคโปร์กลายเป็นอาณานิคม (Crown Colony) ของอังกฤษ จนกระทั่งปี 1946 จึงได้รับการยกฐานะให้เป็นอาณานิคมแบบ เอกเทศ (Separate Crow colony) เมื่ออังกฤษกลับมายึดครองสิงคโปร์อีกครั้งหนึ่ง ภายหลังจากที่สิงคโปร์อยู่ภายใต้ญี่ปุ่น ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (1942-1946)

ในฐานะที่เป็นอาณานิคมแบบเอกเทศนั้น สิงคโปร์มีอำนาจปกครองกิจการภายในของตนเองแต่ไม่มีอำนาจดูแลกิจการทหารและการต่างประเทศ และยังมีผู้ว่าราชการจากอังกฤษมา ปกครองอยู่ ในสภานิติบัญญัติ (Legislative Council) นั้น อังกฤษเริ่มเปิดโอกาสให้ประชาชนเลือกตั้งสมาชิกบางส่วน (6 คน จาก 22 คน) ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งสมาชิกสภาบางส่วนนี้ในปี 1948 พรรคก้าวหน้า (Progressive Party) ของสิงคโปร์ได้ที่นั่งมากที่สุด ต่อมาในปี 1951 สมาชิกสภาที่มาจากการเลือกตั้งถูกเพิ่มเป็น 9 คน ในจำนวน 25 คน และในปี 1955 ภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับแรกสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งมีจำนวน 25 คน ในจำนวน 32 คน

ต่อมาอังกฤษให้ชาวสิงคโปร์มีอำนาจและมีส่วนร่วมในการปกครองตนเองมากขึ้นในช่วง 10 ปี ก่อนที่สิงคโปร์จะประกาศเป็นสาธารณะรัฐนั้น สิงคโปร์จึงอยู่ภายใต้การปกครองของรัฐบาล 3 ชุด คือ (1) รัฐบาลของนายเดวิด มาร์แชล (David Marshall) จากปี 1955-1956 (2) รัฐบาลของนายลิม ยิว ฮ๊อค (Lim Yew Hock) จากปี 1956-1959 และ (3) รัฐบาลของนาย ลี กวน ยู (Lee Kuan Yew) ซึ่งภายใต้รัฐบาลนี้สิงคโปร์มีอำนาจในการปกครองตนเองอย่างสมบูรณ์แล้ว และนายลีได้เข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนแรกของสิงคโปร์ ต่อมาในช่วงปี 1963-1965 รัฐบาลชุดนี้ก็ได้ตัดสินใจเข้าไปรวมอยู่ในสหพันธรัฐมาเลเซีย และอยู่ได้เพียง 2 ปี

นับจากปี 1965 เมืองสิงคโปร์ประกาศตนเป็นประเทศเอกราช มีอำนาจอธิปไตยของตนเอง โดยปกครองในรูปของสาธารณรัฐ หลังจากนั้นสิงคโปร์อยู่ภายใต้การปกครองของนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวเป็นเวลาถึง 25 ปี ซึ่งก็คือ นาย ลี กวน ยู ทั้งนี้เป็นเพราะพรรคกิจประชา (PAP: People’ Action Party) ซึ่งนาย ลี เป็นผู้ก่อตั้งแต่ปี 1961 นั้นมีชัยชนะในการเลือกตั้งเกือบทุกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกตั้งทั่วไป หรือการเลือกตั้งซ่อม

ทศวรรษที่ 1990 เป็นจุดเริ่มต้นของกรปรับเปลี่ยนการปกครองสิงคโปร์จากผู้นำกลุ่มเก่า (Old Guards) เป็นผู้นำรุ่นใหม่ (New Guards) นายโก๊ะ จ๊กตง (Goh Chok Tong) ได้รับการคัดเลือกจากพรรคกิจประชาและคณะรัฐมนตรี ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่สองของสิงคโปร์ เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 1990 นาย ลี กวน ยู ยังดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาลชุดใหม่โดยเป็นรัฐมนตรีอาวุโส และในปี 1993 สิงคโปร์เริ่มใช้ระบบประธานาธิบดีแบบใหม่ ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากประชาชน

ปัจจุบันปี 2006 ประเทศสิงคโปร์ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปเพื่อเลือกผู้นำคนใหม่และทีม เพื่อร่วมกันพัฒนาประเทศต่อไป แต่อย่างไรก็ดี พรรคกิจประชาก็ได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นเหมือนอย่างเดิม โดยพรรค PAP ได้รับที่นั่งในฝ่ายรัฐบาล 82 ที่นั่งจาก 84 ที่นั่ง ซึ่งเท่ากับสมัยนายโก๊ะ จ๊กตงได้รับในปี 2544 แต่ได้คะแนนเสียงลดลงจากสมัยแรกที่ได้ 75.3 เป็น66.6 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งรัฐบาลนี้ที่อยู่ภายใต้การบริหารงานของนาย ลี เซียน ลุง สมัยที่สองซึ่งรัฐบาลจะมีนโยบายผลักดันในเรื่องปัญหาคนยากไร้ ผู้สูงอายุและคนว่างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่นาย ลี เซียน หลุงจะได้รับการเลือกตั้งในครั้งนี้นั้น เขาได้เน้นโยบายแบ่งปันรายได้ผนวกกับความอ่อนแอและแตกแยกของพรรคฝ่ายค้าน ทำให้พรรคPAP ได้ครองอำนาจสืบทอดมาเป็นระยะเวลา 4 ทศวรรษ

 

 

 

 

 แหล่งที่มา  th.wikipedia.org/wiki/

ที่มารูปภาพ   www.freedomtravel.co.th/

 

 

 

 

 

อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ

ประวัติศาสตร์ประเทศเนปาล

ก่อนปีพ.ศ. 2311 หุบเขากาฐมาณฑุแบ่งออกเป็นสามอาณาจักร จนกระทั่งผู้นำเผ่ากุรข่า ปฤฐวี นารายัณ ศาห์ สามารถรวบรวมอาณาจักรในหุบเขาเข้าด้วยกัน และหลังจากนั้นได้ทำสงครามขยายอาณาเขตออกไป จนในปีพ.ศ. 2357-พ.ศ. 2359 เกิดสงครามอังกฤษ-เนปาล กองทัพกุรข่าพ่ายแพ้ ต้องทำสนธิสัญญาและจำกัดอาณาเขตเนปาลเหลือเท่าปัจจุบัน

ในปีพ.ศ. 2491 ชัง พหาทุระ รานา ซึ่งเป็นขุนนางในประเทศ ยึดอำนาจจากราชวงศ์ศาห์ โดยยังคงราชวงศ์ศาห์ไว้เป็นประมุขแต่ในนาม ตระกูลรานาได้รับการสนับสนุนจากสหราชอาณาจักร เนปาลได้ส่งกองทัพเข้าร่วมกับกองทัพบริเตนในหลายสงคราม ทำให้สหราชอาณาจักรทำสนธิสัญญามิตรภาพกับเนปาลในปีพ.ศ. 2466 ซึ่งในสนธิสัญญานี้ สหราชอาณาจักรได้ยอมรับเอกราชของเนปาลอย่างชัดเจน

ในปีพ.ศ. 2494 เกิดการต่อต้านการปกครองของตระกูลรานา นำโดยพรรคเนปาลีคองเกรสและกษัตริย์ตริภุวัน ทำให้โมหัน สัมเสระ ชัง พหาทุระ รานา ผู้นำคนสุดท้ายของตระกูลรานาคืนอำนาจให้แก่กษัตริย์ศาห์ และจัดการเลือกตั้ง

หลังจากเนปาลได้มีการปกครองระบอบประชาธิปไตยในช่วงสั้นๆ โดยจัดการเลือกตั้งครั้งแรกในปีพ.ศ. 2502 แต่กษัตริย์มเหนทระได้ยุบสภา ยึดอำนาจในปีพ.ศ. 2503 และใช้ระบอบปัญจายัตแทน จนมาถึงการปฏิรูปการปกครองในปีพ.ศ. 2533 ทำให้เปลี่ยนจากระบอบปัญจายัต ที่ห้ามมีพรรคการเมือง มาเป็นระบอบรัฐสภาแบบพหุพรรค

ในปีพ.ศ. 2539 พรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (ลัทธิเหมา) ได้เปิดฉากสงครามประชาชน มีเป้าหมายที่จะสถาปนาสาธารณรัฐสังคมนิยมขึ้นแทนระบอบราชาธิปไตย นำมาซึ่งสงครามกลางเมืองซึ่งกินเวลายาวนานถึงสิบปี ในปีพ.ศ. 2544 เกิดเหตุสังหารหมู่ในพระราชวัง โดยเจ้าชายทิเปนทระ มกุฎราชกุมารในสมัยนั้น และกษัตริย์ชญาเนนทระได้ขึ้นครองราชสมบัติแทน ในปีพ.ศ. 2548 กษัตริย์ชญาเนนทระได้ยึดอำนาจจากรัฐบาล นำมาซึ่งการประท้วงจากประชาชนและพรรคการเมืองในเวลาต่อมา จนต้องคืนอำนาจให้กับรัฐสภา รัฐสภาเนปาลได้จำกัดพระราชอำนาจของกษัตริย์ และให้เนปาลเป็นรัฐโลกวิสัย (secular state)

ในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2550 รัฐสภาเนปาลได้ผ่านกฎหมายที่จะเปลี่ยนเนปาลเป็นสาธารณรัฐประชาธิปไตย โดยมีผลหลังการเลือกตั้งในปีพ.ศ. 2551

ในวันที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2551 รัฐบาลเนปาลประกาศยกเลิกระบอบกษัตริย์ สถาปนาสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยขึ้น โดยกำหนดให้ชญาเนนทระและพระบรมวงศานุวงศ์ต้องเสด็จออกจากพระราชวังภายใน 15 วัน และกำหนดให้วันที่ 28 - 30 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ

แหล่งอ้างอิง th.wikipedia.org/wiki

อ้างอิงรูป www.naturetravelling.com

คัดลอกมาไม่ถูกต้อง อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่Cry

ประวัติศาสตร์ ประเทศตูวาลู

          ชาวสเปนเป็นพวกแรกที่เข้ามาพบหมู่เกาะแห่งนี้ ในระหว่างการเดินทางเพื่อค้นหาดินแดนแห่งใหม่ทางตอนใต้ แต่ก็ไม่ให้ความสนใจเท่าใด ต่อมามีชาวอังกฤษเดินเรือเข้ามาพบ และได้ตั้งชื่อว่า หมู่เกาะเอลลิส ตามชื่อของนักการเมืองอังกฤษที่เป็นเจ้าของเรือ ต่อมากลายเป็นชื่อเรียกหมู่เกาะ

          ใน พ.ศ. 2435 หมู่เกาะเอลลิสกลายเป็นดินแดนในอารักขาของอังกฤษ หลังจากนั้นก็ถูกรวมเข้ากับ หมู่เกาะกิลเบิร์ต (ปัจจุบันคือคิริบาส) เป็นอาณานิคมของอังกฤษ กองทัพสหรัฐอเมริกาเข้ายึดครองหมู่เกาะเอลลิสในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อเป็นที่มั่นสำหรับต่อต้านทหารญี่ปุ่นที่ยึดครองหมู่เกาะกิลเบิร์ต หลังสงครามเกิดความตึงเครียดระหว่างประชากรของหมู่เกาะกิลเบิร์ต และหมู่เกาะเอลลิส หมู่เกาะเอลลิสจึงได้แยกตัวออกมา และเป็นประเทศเอกราชในเครือจักรภพอังกฤษ เมื่อ พ.ศ. 2521

แหล่งอ้างอิง th.wikipedia.org/wiki/ประเทศตูวาลู

อ้างอิงรูป

roundheadedboy.blogspot.com/2007...ive.html

abc-violet.blogspot.com/2008/10/..._28.html

www.9leang.com/%3Fp%3D50

hilight.kapook.com/view/34959

guru.sanook.com/dictionary/dict_...B8%25B9/

 

 

ประเทศนี้น่าสนใจดี แต่ข้อมูลนี้น้อยไป

อ้างอิงรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ

ประวัติศาสตร์อิตาลี

ยุคก่อนประวัติศาสตร์จนถึงยุคจักรวรรดิโรมัน

คาบสมุทรอิตาลีมีมนุ

สนามกีฬาโคลอสเซียม สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงโรม

  มนุษย์อาศัยตั้งแต่ยุคหินเก่า ดินแดนลุ่มแม่น้ำไทเบอร์เป็นที่ตั้งถิ่นฐานของมนุษย์นีแอนเดอร์ทัลตั้งแต่เมื่อประมาณ 5 หมื่นปีที่แล้ว และด้วยอิตาลีนั้นตั้งอยู่บนคาบสมุทรในทะเลเมดิเตอร์เรเนียนซึ่งมีอารยธรรมโบราณกล่าวคือ อารยธรรมมิโนอันและไมซีเนียน อารยธรรมที่เกี่ยวพันกับอารยธรรมกรีกโบราณ อิตาลีเป็นประเทศที่มีอารยธรรมมาช้านานและแผ่ขยายดินแดนอื่น ๆ ในทวีปยุโรป

ในช่วง 1,600 ปีก่อนคริต์ศักราช พวกอีทรัสคัน จากเอเชียไมเนอร์ก็ได้เข้ามาตั้งถิ่นฐานในบริเวณที่เป็นแคว้นทัสกานีในปัจจุบัน พร้อมกับนำอารยธรรมกรีกเข้ามาเผยแพร่ ส่วนพวกกรีกเองก็ได้เดินทางมาตั้งอาณานิคมชื่อว่า “แมกนากราเซีย” (อิตาลี: Magna Graecia) ในตอนใต้ของอิตาลีใน 800 ปีก่อนคริสต์ศักราช มีพื้นที่ครอบคลุมบริเวณตั้งแต่เมืองเนเปิลส์จนถึงเกาะซิซิลี

ในคริสต์ศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช พวกอีทรัสคันได้มีอำนาจปกครองดินแดนตั้งแต่บริเวณชายฝั่งตะวันตกของคาบสมุทรอิตาลีตั้งแต่หุบเขาโป จนถึงบริเวณเมืองนาโปลี และดินแดนรอบ ๆ กรุงโรม ขณะเดียวกันชนเผ่าอื่น ๆ ที่อาศัยอยู่ในคาบสมุทรอิตาลีก็รวมตัวกันจัดตั้งเป็นนครรัฐขึ้น เพื่อต่อต้านการขยายตัวและอำนาจของพวกอีทรัสคันและกรีก ชนเผ่าที่สำคัญในการต่อต้านอำนาจเหล่านี้ได้แก่พวกละติน หรือโรมัน ซึ่งเมื่อถึง 200 ปีก่อนคริสต์ศักราช พวกละตินก็ได้มีอำนาจเหนือดินแดนอิตาลี เกาะซาร์ดิเนียและซิซิลี ทั้งหมดแล้ว

ใน 27 ปีก่อนคริสต์ศักราช โรมได้เปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นระบอบจักรวรรดิ โดยมีจักรพรรดิออกเตเวียน เป็นจักรพรรดิพระองค์แรก นครหลวงแห่งนี้ได้เจริญถึงขีดสุดและสามารถขยายอำนาจปกครองอิทธิพลไปทั่วทั้งยุโรป และบริเวณรายรอบทะเลเมดิเตอร์เรเนียน อีกทั้งยังเป็นศูนย์กลางของการค้าและความเจริญในด้านวัฒนธรรมและศิลปวิทยาการแขนงต่างๆ แทนอารยธรรมกรีกที่เสื่อมถอยลง ระหว่างปี ค.ศ. 96180 เป็นช่วงระยะเวลาแห่งความเจริญรุ่งเรืองของจักรพรรดิที่ปกครอง 5 พระองค์ แต่หลังจากนั้น โรมต้องประสบปัญหาทั้งในทุก ๆ ด้าน รวมไปถึงการรุกรานของพวกอนารยชน รวมทั้งการเสื่อมโทรมทางศีลธรรมจรรยา ใน ค.ศ. 312 จักรพรรดิคอนสแตนตินทรงยอมรับคริสต์ศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ ซึ่งมีผลให้คริสต์ศาสนามีโอกาสได้เผยแพร่ไปทั่วดินแดนที่อยู่ใต้อาณัติของโรม และทรงแบ่งจักรวรรดิโรมันออกเป็นสองส่วน คือ จักรวรรดิโรมันตะวันตก และจักรวรรดิไบแซนไทน์

ในคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 5 จักรวรรดิโรมันตะวันตกและกรุงโรมได้ถูกพวกอนารยชนชาวเยอรมันเข้าปล้นสะดม ซึ่งต่อมาในปี ค.ศ. 476 จักรพรรดิโรมันพระองค์สุดท้ายก็ถูกพวกอนารยชนขับออกจากบัลลังก์ คาบสมุทรอิตาลีถูกแบ่งออกเป็นนครรัฐทั้งหลายซึ่งมีอิสระต่อกันกว่า 14 รัฐ

ยุคกลาง

แผ่นดินอิตาลีในยุคกลางตอนต้น

ในช่วงต้นของยุคกลาง ดินแดนต่าง ๆ ในยุโรปได้ตกอยู่ในสภาวะระส่ำระส่ายที่บ้านเมืองขาดผู้นำ ระบบการเมือง เศรษฐกิจและสังคมถูกทำลาย แต่ในขณะเดียวกันบิชอบแห่งโรม ก็ได้สามารถสถาปนาอำนาจสูงสุดในคริสตจักรซึ่งต่อมาคือสันตะปาปา และสามารถจัดตั้งรัฐสันตะปาปา อีกทั้งยังเป็นผู้สืบทอดอารยธรรมโรมันที่ยังหลงเหลือให้คงอยู่ต่อไป อย่างไรก็ดี แม้นครรัฐต่าง ๆ ในคาบสมุทรอิตาลีจะขาดเอกภาพทางการเมือง แต่นครรัฐเหล่านั้นยังเป็นศูนย์กลางของความเจริญมั่งคั่งและการฟื้นตัวของศิลปะและวัฒนธรรมของยุโรป

ในกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 14 อิตาลีได้ประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูศิลปวิทยาการของอารยธรรมกรีกและโรมัน โดยเรียกว่า ยุคเรอเนซองส์ และเป็นผู้นำของลัทธิมนุษยนิยม ในขณะที่ประเทศต่าง ๆ ในยุโรปยังตกอยู่ภายใต้การปกครองแบบศักดินา แต่เมื่อเข้าปลายคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 15 อิตาลีได้ตกเป็นสมรภูมิแย่งชิงอำนาจระหว่างฝรั่งเศส สเปน และออสเตรีย กล่าวคือ เมื่อปี ค.ศ. 1494 พระเจ้าชาร์ลที่ 8 แห่งฝรั่งเศสได้เปิดการโจมตีคาบสมุทร ซึ่งได้ดำเนินเรื่อยมาถึงกลางคริสต์คริสต์ศตวรรษที่ 16 และการโจมตีเพื่อแย่งการเป็นเจ้า ระหว่างฝรั่งเศสและสเปน

ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)

เบนิโต มุสโสลินี (ซ้าย) กับอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ (ขวา) ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ดูบทความหลักที่ ราชอาณาจักรอิตาลี (ค.ศ. 1861-1946)

ในกลางคริสต์ศตวรรษที่ 19 ได้มีการชุมนุมของขบวนการชาตินิยม เพื่อต้องการรวมอิตาลีจนเป็นผลสำเร็จ โดยการนำของพระเจ้าวิคเตอร์เอมมานูเอลที่ 2 นับแต่นั้นมา อิตาลีจึงอยู่ภายใต้การปกครองระบอบกษัตริย์ เรื่อยมาจนกระทั่งในคริสต์ศตวรรษที่ 20 ซึ่งเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในอิตาลี เมื่อมีการประกาศยกเลิกความเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการี และเข้าร่วมกับฝ่ายสัมพันธมิตรในช่วงสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง จนได้รับสมญานามว่าเป็น 1 ใน 4 มหาอำนาจ (The Big Four) ต่อมาสงครามได้ยุติลงด้วยชัยชนะของสัมพันธมิตร อิตาลีจึงได้ดินแดนบางส่วนของออสเตรียมาครอบครอง

ต่อมาในปี ค.ศ. 1922 ระบบเผด็จการฟาสซิสต์ ถูกนำมาใช้ในประเทศอิตาลีกว่า 20 ปี โดยการนำของเบนิโต มุสโสลินี ถึงแม้ว่าจะมีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่ก็เป็นเพียงในนามเท่านั้น จนกระทั่งเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่สอง อิตาลีเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ เมื่อฝ่ายสัมพันธมิตรยึดเกาะซิซิลีได้ มุสโสลินีจึงถูกปลดออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และแต่งตั้งปีเอโตร บาโดลโย ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีแทน และประกาศสงครามกับนาซีเยอรมนี จนได้รับชัยชนะ โดยมุสโสลินีถูกกลุ่มต่อต้านฟาสซิสต์จับกุม และถูกสังหารที่เมืองมิลาน

สาธารณรัฐอิตาลี

เมื่อสงครามโลกครั้งที่สอง สิ้นสุดลง อิตาลียังคงมีพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 เป็นประมุขอยู่ ต่อมาพระองค์สละราชสมบัติให้กับพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 ขึ้นครองราชย์แทน แต่ครองราชย์ได้เพียง 1 เดือนเท่านั้น ประชาชนต่างลงประชามติให้อิตาลีเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบบกษัตริย์มาเป็นระบบสาธารณรัฐในระบอบประชาธิปไตย เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ค.ศ. 1946 โดยมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญในปี ค.ศ. 1948 จนถึงปัจจุบัน

 

 

แหล่งอ้างอิง  th.wikipedia.org/wiki

อ้างอิงรูป   cherokee.exteen.com

รูปสวยดี อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้อง  ต้องอ้างทุกภาพค่ะ Cry

ประวัติศาสตร์ประเทศฟินแลนด์

 ยุคก่อนประวัติศาสตร์

หลักฐานทางโบราณคดีบ่งชี้ว่ามีการตั้งถิ่นฐานในดินแดนที่เป็นประเทศฟินแลนด์ปัจจุบัน ย้อนกลับไปได้ถึงราว 8,000 ปีก่อนพุทธกาล ซึ่งเป็นช่วงหลังการสิ้นสุดลงของยุคน้ำแข็ง โดยคนกลุ่มแรกที่เข้ามาตั้งอาศัยอยู่น่าจะเป็นพวกล่าสัตว์-เก็บของป่า เริ่มมีการใช้เครื่องปั้นดินเผาในฟินแลนด์ราวเกือบห้าพันปีก่อนพุทธกาล[4] ในช่วงหนึ่งพันปีหลังจากนั้น ปรากฏการติดต่อและแลกเปลี่ยนกับยุโรปตอนเหนือ และเชื่อว่ามีการพูดภาษายูราลิกในฟินแลนด์แล้วในยุคนี้

ตั้งแต่ประมาณ 2,700 ปีก่อนพุทธกาล ดินแดนฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมจากทางใต้ของอ่าวฟินแลนด์ โดยเข้ามาทางตะวันตกเฉียงใต้ของฟินแลนด์ มีหลักฐานของเครื่องปั้นดินเผาที่มีลักษณะเฉพาะ ต่อมาในยุคสำริด พื้นที่ทางชายฝั่งของฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากสแกนดิเนเวียและยุโรปกลาง ในขณะที่พื้นที่ที่อยู่ห่างจากทะเลเข้าไป ได้รับอิทธิพลการใช้สำริดมาจากทางตะวันออกมากกว่า[5]

ในพุทธศตวรรษที่ 5 พบว่ามีการค้าขายแลกเปลี่ยนกับสแกนดิเนเวียมากขึ้น และการค้นพบวัตถุแบบโรมันจากยุคนี้ด้วย ปรากฏการกล่าวถึงชาวฟินแลนด์ในเอกสารของชาวโรมันในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 7[6]

 ภายใต้การปกครองของสวีเดน

เชื่อกันว่าจุดเริ่มต้นของความเกี่ยวพันระหว่างสวีเดนกับฟินแลนด์เริ่มต้นในปี พ.ศ. 1698[7] ในสงครามเผยแผ่คริสต์ศาสนา ปลายพุทธศตวรรษที่ 18 เริ่มมีการตั้งเมืองขึ้นในทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศที่โอบู (Åbo) หรือตุรกุ(Turku) โดยตุรกุเป็นหนึ่งในเมืองที่ใหญ่ที่สุดของราชอาณาจักรสวีเดนในยุคนั้น ในช่วงศตวรรษนี้ มีชาวสวีเดนจำนวนมากที่เข้ามาตั้งรกรากบริเวณชายฝั่งทางใต้และตะวันตกเฉียงเหนือ บนหมู่เกาะโอลันด์ และหมู่เกาะอื่น ๆ ใกล้เคียง ซึ่งทำให้ภาษาสวีเดนยังคงเป็นภาษาหลักของภูมิภาคนี้มาจนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ ภาษาสวีเดนได้กลายมาเป็นภาษาของชนชั้นสูงในภาคอื่น ๆ ของฟินแลนด์ในยุคนั้นด้วย

พ.ศ. 2093 กษัตริย์ของสวีเดน สมเด็จพระราชาธิบดีกุสตาฟที่ 1 ได้ทรงก่อตั้งเมืองเฮลซิงกิขึ้นในชื่อ "เฮลซิงฟอร์ส" (Helsingfors)[8] แต่เมืองนี้คงสภาพเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมงกว่าสองร้อยปี ชื่อเฮลซิงฟอร์สยังคงเป็นชื่อเมืองเฮลซิงกิในภาษาสวีเดนในปัจจุบัน

ดินแดนฟินแลนด์ถูกยึดครองโดยรัสเซียสองครั้งในพุทธศตวรรษที่ 23

การประชุมรัฐสภาครั้งแรก พ.ศ. 2449

 ราชรัฐฟินแลนด์ภายใต้จักรวรรดิรัสเซีย

พ.ศ. 2352 ในช่วงสงครามระหว่างสวีเดนและรัสเซีย กองทัพของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 ก็สามารถยึดดินแดนฟินแลนด์ได้อีกครั้ง ฟินแลนด์ดำรงสถานะเป็นดินแดนปกครองตนเอง ราชรัฐฟินแลนด์ ภายใต้จักรวรรดิรัสเซีย จนกระทั่งถึงการประกาศเอกราชในปี พ.ศ. 2460 ในยุคของราชรัฐฟินแลนด์ ภาษาฟินแลนด์ได้รับความสำคัญมากขึ้นในฟินแลนด์ อันเป็นผลมาจากความเคลื่อนไหวของขบวนการชาตินิยม จนกระทั่งได้รับสถานะเดียวกับภาษาสวีเดนใน พ.ศ. 2435[9] ต่อมาในปี พ.ศ. 2449 ฟินแลนด์เริ่มมีการให้สิทธิเลือกตั้งอย่างเท่าเทียม (ผู้ใหญ่ทุกคนมีสิทธิกันเท่าเทียมกันโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ เพศ หรือสถานะทางสังคม) โดยฟินแลนด์เป็นชาติแรกในโลก ที่ให้สิทธิทั้งการเลือกตั้งและการลงเลือกตั้งแก่สตรี[10]

ทหารเด็กวัยสิบสามปี ของฝ่ายขาวใน สงครามกลางเมือง

 หลังการประกาศเอกราช

หลังจากการปฏิวัติบอลเชวิกในรัสเซียประสบความสำเร็จ รัฐสภาของฟินแลนด์ลงมติเห็นชอบในเรื่องการประกาศเอกราชของฟินแลนด์ ในวันที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2460 และรัฐบาลบอลเชวิกรัสเซีย ยอมรับการประกาศเอกราชในเกือบหนึ่งเดือนถัดมา ซึ่งเยอรมนีและชาติสแกนดิเนเวียอื่น ๆ ก็ยอมรับการประกาศเอกราชตามมาในทันที หลังจากการประกาศเอกราช ฟินแลนด์ก็ตกอยู่ในสภาวะสงครามกลางเมือง โดยเกิดการต่อสู้ระหว่างฝ่าย"ขาว" ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากจักรวรรดิเยอรมนี และฝ่าย"แดง" ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัสเซียบอลเชวิก ฝ่ายขาวนั้นประกอบไปด้วยกลุ่มคนที่มีฐานะค่อนข้างดี มีความเห็นทางการเมืองค่อนไปทางขวา ในขณะที่ฝ่ายแดงส่วนใหญ่ ซึ่งค่อนข้างจะเป็นฝ่ายซ้ายจะเป็นกลุ่มแรงงาน ฝ่ายขาวชนะสงครามนี้ในเวลาต่อมา ก่อตั้งสาธารณรัฐฟินแลนด์เป็นผลสำเร็จ

หลังจากสงครามกลางเมืองสิ้นสุดลง รัฐสภาของฟินแลนด์ ซึ่งไม่มีสมาชิกของพรรคสังคมประชาธิปไตยซึ่งสนับสนุนสาธารณรัฐอยู่เลย ได้ประกาศตั้งราชอาณาจักรฟินแลนด์ขึ้น โดยเลือกเจ้าชายเฟเดอริก ชาลส์ แห่งแฮสส์ของเยอรมนี ขึ้นเป็นกษัตริย์พระองค์แรกของฟินแลนด์ แต่เมื่อเยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ความคิดนี้จึงต้องยกเลิกไป และฟินแลนด์ก็ประกาศเป็นสาธารณรัฐ โดยมีคาร์โล ยุโฮ สโตห์ลเบิร์ก เป็นประธานาธิบดีคนแรก[5] 

 สงครามโลกครั้งที่สอง

ฟินแลนด์ต่อสู้กับสหภาพโซเวียตสองครั้งในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ในสงครามฤดูหนาว ระหว่างปี พ.ศ. 2482-2483 และสงครามต่อเนื่อง ในปี พ.ศ. 2484-2487 โดยร่วมมือกับนาซีเยอรมนี (อาณาจักรไรช์ที่สาม) ในปฏิบัติการบาร์บารอสซา ทำให้สหราชอาณาจักรประกาศสงครามกับฟินแลนด์ และฟินแลนด์มีสถานะเป็นประเทศฝ่ายอักษะในสงครามโลกครั้งที่สอง อย่างไรก็ตาม ฟินแลนด์เปลี่ยนฝ่ายในปี พ.ศ. 2487 เมื่อต่อสู้ขับไล่นาซีเยอรมนีออกจากตอนเหนือของฟินแลนด์ในสงครามแลปแลนด์ หลังจากที่เซ็นสัญญาสงบศึกกับโซเวียต ชาวฟินแลนด์ประมาณ 86,000 คนเสียชีวิตในสงครามสองครั้งกับสหภาพโซเวียต ในขณะที่อีกห้าหมื่นคนได้รับบาดเจ็บและทุพพลภาพถาวร[11]

ยุคหลังสงคราม

จากสนธิสัญญาสันติภาพหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ฟินแลนด์ต้องจ่ายค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลให้กับสหภาพโซเวียต รวมถึงเสียดินแดนถึงร้อยละ 12 ของดินแดนทั้งหมด ทำให้ต้องหาที่อยู่ใหม่ให้กับชาวฟินแลนด์ถึง 420,000 คน[11] อย่างไรก็ตาม ฟินแลนด์ไม่เคยถูกครอบครองเลยในช่วงสงคราม โดยเฮลซิงกิเป็นหนึ่งในสามเมืองหลวงของประเทศยุโรปที่เข้าร่วมสงครามที่ไม่ถูกยึดครองโดยฝ่ายศัตรู[11] (อีกสองเมืองคือลอนดอนและมอสโก)

ในยุคสงครามเย็น ฟินแลนด์ได้รับอิทธิพลจากโซเวียตอย่างมาก ฟินแลนด์จ่ายค่าปฏิกรรมสงครามงวดสุดท้ายเมื่อ พ.ศ. 2495 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่เฮลซิงกิเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิก ซึ่งช่วยฟื้นฟูกำลังใจของชาวฟินแลนด์หลังสงคราม[5] ปีเดียวกันนี้ ฟินแลนด์และประเทศในคณะมนตรีนอร์ดิกเข้าร่วมเปิดเสรีหนังสือเดินทางในปี โดยอนุญาตให้ประชาชนของชาติสมาชิกข้ามพรมแดนโดยไม่ต้องมีหนังสือเดินทาง (ขณะนั้นฟินแลนด์ยังไม่ได้เข้าร่วมคณะมนตรี) โดยฟินแลนด์เข้าร่วมคณะมนตรีนอร์ดิกในปี พ.ศ. 2498

แม้ว่าฟินแลนด์จะได้อิทธิพลจากโซเวียตเป็นอย่างมาก แต่ก็ยังคงรักษาประชาธิปไตยและเศรษฐกิจระบบตลาดเสรีไว้ได้ ซึ่งต่างจากประเทศส่วนใหญ่ที่อยู่ติดกับสหภาพโซเวียต ความเสียหายจากสงคราม การที่ต้องฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงครามและผลิตสินค้าเพื่อจ่ายหนี้ให้กับสหภาพโซเวียต ทำให้ฟินแลนด์พัฒนาเศรษฐกิจของประเทศจากกสิกรรมมาเป็นอุตสาหกรรม รวมถึงสร้างระบบสวัสดิการสังคมที่ดีได้ในเวลาไม่กี่สิบปี

หลังจากสหภาพโซเวียตล่มสลายลง ฟินแลนด์ก็ประสบปัญหาทางเศรษฐกิจจากการที่การค้าทวิภาคีจำนวนมหาศาลหายไปอย่างรวดเร็ว ฟินแลนด์ยื่นใบสมัครเข้าร่วมสหภาพยุโรปในปี พ.ศ. 2535 หลังจากที่สวีเดนยื่นไปก่อนหน้านั้นและโซเวียตล่มสลายลง ฟินแลนด์เข้าร่วมสหภาพพร้อมกับสวีเดนและออสเตรียในปี พ.ศ. 2538

 

 

 

 

 

 

 

 

 

แหล่งอ้างอิง  th.wikipedia.org/wiki

อ้างอิงรูป    www.dmc.tv/pages/latest_update

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

1. รูปสวยดี แต่ต้องอ้างที่มาให้ถูกต้องทุกรูปนะจ้ะ

2. คัดลอกมาไม่ถูกต้องค่ะ

3. อ้างแหล่งข้อมูลไม่ถูกต้อง  Cry

ประวัติศาสตร์

ยุคโบราณ

เครื่องปั้นดินเผายุคโจมง

สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า เมื่อประมาณ 35,000 ปีก่อนพุทธศักราช[19] หลังจากนั้นยุคโจมงก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อนพุทธศักราช ผู้คนดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์[20] มีการพัฒนาวิธีการล่าสัตว์โดยใช้คันธนูและลูกธนู ตลอดจนมีการผลิตภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใส่อาหารและเก็บรักษาอาหาร คำว่าโจมงในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าลายเชือกซึ่งมาจากลวดลายเชือกบนภาชนะในยุคนั้นที่ค้นพบในช่วงแรก

ยุคยะโยอิ เริ่มเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นยุคที่ผู้คนเริ่มเรียนรู้วิธีการปลูกข้าว การตีโลหะ ซึ่งได้รับความรู้มาจากผู้อพยพชาวจีนแผ่นดินใหญ่[21] การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น โฮ่วฮั่นชู (後漢書) ในปี 57 ก่อนคริสตกาล [22] ซึ่งเรียกชาวญี่ปุ่นว่า วะ (倭) ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 อาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่นคือยะมะไทโคะกุ (邪馬台国) ปกครองโดยราชินีฮิมิโกะ ซึ่งเคยส่งคณะทูตไปยังประเทศจีนผ่านทางเกาหลีด้วย

 ยุคเริ่มอารยธรรมญี่ปุ่น

สุสานจักรพรรดิในสมัยยุคโคะฮุง

ยุคโคะฮุง ซึ่งตั้งชื่อตามสุสานที่นิยมสร้างขึ้นกันในยุคดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 9 จนถึง 12 เป็นยุคที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการปกครองแบบราชวงศ์ ซึ่งศูนย์กลางการปกครองนั้นอยู่บริเวณเขตคันไซ ในยุคนี้พระพุทธศาสนาได้เข้ามาจากคาบสมุทรเกาหลีสู่หมู่เกาะญี่ปุ่น[23] แต่พระพุทธรูปและพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นหลังจากนั้นได้รับอิทธิพลจากจีนเป็นหลัก[24] เจ้าชายโชโตะกุทรงส่งคณะราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน ญี่ปุ่นจึงได้รับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากแผ่นดินใหญ่มาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังทรงตรารัฐธรรมนูญสิบเจ็ดมาตรา ซึ่งเป็นกฎหมายญี่ปุ่นฉบับแรกอีกด้วย[23] และในที่สุดพระพุทธศาสนาก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นตั้งแต่สมัยอะซึกะ[25]

ยุคนะระ (พ.ศ. 1253-1337) [26] เป็นยุคแรกที่มีการก่อตัวเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง มีการปกครองอย่างมีระบบให้เห็นได้อย่างชัดเจน โดยการนำระบอบการปกครองมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ศูนย์กลางการปกครองในขณะนั้นก็คือเฮโจเกียวหรือจังหวัดนะระในปัจจุบัน ในยุคนะระเริ่มพบการเขียนวรรณกรรมเช่นโคจิกิ (พ.ศ. 1255) และนิฮงโชะกิ (พ.ศ. 1263) [27] เมืองหลวงถูกย้ายไปที่นะงะโอกะเกียวเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และถูกย้ายอีกครั้งไปยังเฮอังเกียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอัง

ระหว่าง พ.ศ. 1337 จนถึง พ.ศ. 1728 ซึ่งเป็นยุคเฮอังนั้น ถือได้ว่าเป็นยุคทองของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นยุคสมัยที่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเองเริ่มพัฒนาขึ้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดมากที่สุดคือ การประดิษฐ์ตัวอักษร ฮิรางานะ ซึ่งทำให้เกิดวรรณกรรมที่แต่งโดยตัวอักษรนี้เป็นจำนวนมาก เช่นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 16 ได้มีการแต่งนวนิยายเรื่องนิทานเกนจิ (源氏物語) ขึ้น ซึ่งเป็นนิยายที่บรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การปกครองของตระกูลฟุจิวาระ และบทกลอนที่ถูกใช้เป็นเนื้อเพลงของเพลงชาติญี่ปุ่น คิมิงะโยะ ก็ถูกแต่งขึ้นในช่วงนี้เช่นเดียวกัน[28] 

ยุคศักดินา

วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิ

ยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมาก[29]

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคะมะกุระก็อ่อนแอลงจากสงครามครั้งนี้ จนในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน[30] อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ[30]

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง[31] แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเมื่อเขาเสียชีวิตลงใน พ.ศ. 2141 ญี่ปุ่นก็ถอนทัพ[32]

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 จึงขึ้นเป็นโชกุนใน พ.ศ. 2146 และก่อตั้งรัฐบาลใหม่ที่เมืองเอะโดะ ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้น[33] ความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย[34]

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) [35] จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลง

 ยุคใหม่

แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485

ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก เช่นบังคับใช้รัฐธรรมนูญใน พ.ศ. 2443 และก่อตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยใช้ระบบสองสภา นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตก[36]และทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2447-2448) ญี่ปุ่นก็ได้อำนาจปกครองไต้หวัน เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลิน[37]

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประนามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา[38] ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941[39]

ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน[40] สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกใน พ.ศ. 2499[41] และญี่ปุ่นได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี 1956[42] หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตก[43] เศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26[44] แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551[45]

แหล่งอ้างอิง  www.daidaidaisuki.com      ที่มารูปภาพ      www.linethaitravel.com

ประวัติศาสตร์ยุคโบราณ

 

เครื่องปั้นดินเผายุคโจมง

สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า เมื่อประมาณ 35,000 ปีก่อนพุทธศักราช[19] หลังจากนั้นยุคโจมงก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อนพุทธศักราช ผู้คนดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์[20] มีการพัฒนาวิธีการล่าสัตว์โดยใช้คันธนูและลูกธนู ตลอดจนมีการผลิตภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใส่อาหารและเก็บรักษาอาหาร คำว่าโจมงในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าลายเชือกซึ่งมาจากลวดลายเชือกบนภาชนะในยุคนั้นที่ค้นพบในช่วงแรก

ยุคยะโยอิ เริ่มเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นยุคที่ผู้คนเริ่มเรียนรู้วิธีการปลูกข้าว การตีโลหะ ซึ่งได้รับความรู้มาจากผู้อพยพชาวจีนแผ่นดินใหญ่[21] การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น โฮ่วฮั่นชู (後漢書) ในปี 57 ก่อนคริสตกาล [22] ซึ่งเรียกชาวญี่ปุ่นว่า วะ (倭) ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 อาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่นคือยะมะไทโคะกุ (邪馬台国) ปกครองโดยราชินีฮิมิโกะ ซึ่งเคยส่งคณะทูตไปยังประเทศจีนผ่านทางเกาหลี ยุคเริ่มอารยธรรมญี่ปุ่น

สุสานจักรพรรดิในสมัยยุคโคะฮุง

ยุคโคะฮุง ซึ่งตั้งชื่อตามสุสานที่นิยมสร้างขึ้นกันในยุคดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 9 จนถึง 12 เป็นยุคที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการปกครองแบบราชวงศ์ ซึ่งศูนย์กลางการปกครองนั้นอยู่บริเวณเขตคันไซ ในยุคนี้พระพุทธศาสนาได้เข้ามาจากคาบสมุทรเกาหลีสู่หมู่เกาะญี่ปุ่น[23] แต่พระพุทธรูปและพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นหลังจากนั้นได้รับอิทธิพลจากจีนเป็นหลัก[24] เจ้าชายโชโตะกุทรงส่งคณะราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน ญี่ปุ่นจึงได้รับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากแผ่นดินใหญ่มาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังทรงตรารัฐธรรมนูญสิบเจ็ดมาตรา ซึ่งเป็นกฎหมายญี่ปุ่นฉบับแรกอีกด้วย[23] และในที่สุดพระพุทธศาสนาก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นตั้งแต่สมัยอะซึกะ[25]

ยุคนะระ (พ.ศ. 1253-1337) [26] เป็นยุคแรกที่มีการก่อตัวเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง มีการปกครองอย่างมีระบบให้เห็นได้อย่างชัดเจน โดยการนำระบอบการปกครองมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ศูนย์กลางการปกครองในขณะนั้นก็คือเฮโจเกียวหรือจังหวัดนะระในปัจจุบัน ในยุคนะระเริ่มพบการเขียนวรรณกรรมเช่นโคจิกิ (พ.ศ. 1255) และนิฮงโชะกิ (พ.ศ. 1263) [27] เมืองหลวงถูกย้ายไปที่นะงะโอกะเกียวเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และถูกย้ายอีกครั้งไปยังเฮอังเกียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอัง

ระหว่าง พ.ศ. 1337 จนถึง พ.ศ. 1728 ซึ่งเป็นยุคเฮอังนั้น ถือได้ว่าเป็นยุคทองของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นยุคสมัยที่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเองเริ่มพัฒนาขึ้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดมากที่สุดคือ การประดิษฐ์ตัวอักษร ฮิรางานะ ซึ่งทำให้เกิดวรรณกรรมที่แต่งโดยตัวอักษรนี้เป็นจำนวนมาก เช่นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 16 ได้มีการแต่งนวนิยายเรื่องนิทานเกนจิ (源氏物語) ขึ้น ซึ่งเป็นนิยายที่บรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การปกครองของตระกูลฟุจิวาระ และบทกลอนที่ถูกใช้เป็นเนื้อเพลงของเพลงชาติญี่ปุ่น คิมิงะโยะ ก็ถูกแต่งขึ้นในช่วงนี้เช่นเดียวกัน[28]

[แก้] ยุคศักดินา

วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิ

ยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมาก[29]

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคะมะกุระก็อ่อนแอลงจากสงครามครั้งนี้ จนในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน[30] อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ[30]

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง[31] แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเมื่อเขาเสียชีวิตลงใน พ.ศ. 2141 ญี่ปุ่นก็ถอนทัพ[32]

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 จึงขึ้นเป็นโชกุนใน พ.ศ. 2146 และก่อตั้งรัฐบาลใหม่ที่เมืองเอะโดะ ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้น[33] ความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย[34]

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) [35] จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจล

 ยุคใหม่

ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก เช่นบังคับใช้รัฐธรรมนูญใน พ.ศ. 2443 และก่อตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยใช้ระบบสองสภา นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตก[36]และทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2447-2448) ญี่ปุ่นก็ได้อำนาจปกครองไต้หวัน เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลิน[37]

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประนามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา[38] ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941[39]

ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน[40] สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกใน พ.ศ. 2499[41] และญี่ปุ่นได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี 1956[42] หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตก[43] เศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26[44] แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551

 

แหล่งอ้างอิง    www.linethaitravel.com     ที่มารูป   www.daidaidaisuki.com

ประวัติศาสตร์

เหมาเจ๋อตุงประกาศตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนที่จัตุรัสเทียนอันเหมินและปกครองระบอบคอมมิวนิสต์

สงครามกลางเมือง (Chinese Civil War) ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพรรคก๊กมินตั๋ง สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2492 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจบลงด้วยการที่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เข้าปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนพรรคก๊กมินตั๋งได้เข้าปกครองไต้หวัน และเกาะบางเกาะในมณฑลฝูเจี้ยน ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาเจ๋อตุง ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ การปกครองในสมัยของเหมานั้น เข้มงวดและกวดขัน แม้กระทั่งชีวิตประจำวันของประชาชน

หลังจากที่เหมาเจ๋อตุงถึงแก่อสัญกรรม เติ้งเสี่ยวผิงก็ได้ขึ้นสู่อำนาจ โดยจีนยังคงอยู่ในระบอบคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้นรัฐบาลจีนจึงได้ค่อยๆ ลดการควบคุมชีวิตส่วนตัวของประชาชน และพยายามที่จะปฏิรูประบบเศรษฐกิจของตนให้เป็นไปตามกลไกตลาด

 การปฏิวัติ

เจียง ไคเช็ก เป็นผู้นำของจีนระหว่าง พ.ศ. 2471 ถึง พ.ศ. 2492

 การปฏิวัติครั้งแรก (พ.ศ. 2454)

การปฏิวัติครั้งแรกของจีนเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ซึ่งเป็นการโค่นล้มอำนาจการปกครองของราชวงศ์ชิง โดยการนำของ ดร. ชุน ยัตเซน หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง เป็นผลทำให้จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในที่สุด สาเหตุที่ก่อให้เกิดการโค่นล้มอำนาจครั้งนี้น่าจะมาจากความเสื่อมโทรมของสภาพสังคมจีน ผู้นำประเทศจักรพรรดิแมนจูไม่มีอำนาจกำลังพอที่จะปกครองประเทศได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาปกครอง 268 ปี (พ.ศ. 2187 – 2455) มีแต่การแย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ราษฎรส่วนมากจึงตกอยู่ในสภาพยากจน ชาวไร่ ชาวนาถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของที่ดิน ชาวต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ แผ่นดินจีนถูกคุกคามจากต่างชาติ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจตะวันตก และญี่ปุ่น ซึ่งจีนทำสงครามต่อต้านการรุกรานของกองกำลังต่างชาติเป็นฝ่ายแพ้มาโดยตลอด ทำให้คณะปฏิวัติไม่พอใจระบอบการปกครองของราชวงศ์แมนจู

เพื่อความสำเร็จในการแก้ปัญหาของของประเทศชาติ ดร. ซุน ยัตเซ็น ผู้นำฯ จึงได้ประกาศอุดมการณ์ของการปฏิวัติ 3 ประการ เรียกว่า ลัทธิไตรราษฎร์ มีหัวข้อดังนี้

  1. ประชาธิปไตย มีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
  2. ชาตินิยม ต้องขับไล่อำนาจและอิทธิพลของต่างชาติออกไปจากจีน
  3. สังคมนิยม มีการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกร

 การปฏิวัติครั้งที่สอง (พ.ศ. 2492)

การปฏิวัติของจีนครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) เป็นการปฏิวัติภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง (ค.ศ. 1939 – 1945) ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย เข้าสู่ระบอบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ โดยนับวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ซึ่งเป็นวันสถาปนาประเทศจีนใหม่หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีน" โดยการปฏิวัติมีสาเหตุซึ่งสรุปได้ดังนี้

  1. ปัญหาความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจและความยากจนของประชาชน ซึ่งรัฐบาลของประธานาธิบดี เจียง ไคเช็ค ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
  2. การเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ในประเทศจีน เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาความยากจนของราษฎร โดยให้ความสำคัญแก่ชนชั้นผู้ใช้แรงงานและเกษตรกร และเป็นศัตรูกับชนชั้นนายทุน


การปฏิวัติครั้งที่สองของจีนมีความสำเร็จ สรุปได้ดังนี้

  1. ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ เหมา เจ๋อตุง
    รัฐบาลได้ยึดที่ดินทำกินของเอกชนมาเป็นของรัฐบาล และใช้ระบบการผลิตแบบนารวม ชาวนามีฐานะเป็นแรงงานของรัฐ ทำให้ขาดความกระตือรือร้นเพราะทุกคนได้รับผลตอบแทนเท่ากัน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนส่วนใหญ่มีสภาพลำบากยากจนเหมือนๆ กัน
  2. ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ เติ้ง เสี่ยวผิง
    เป็นยุคที่จีนปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นระบบตลาด หรือทุนนิยม โดยอมรับแนวทางทุนนิยมของชาติตะวันตกมากขึ้น เช่น เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้คนจีนมีงานทำ และอนุญาตให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจการค้าได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ระบอบการปกครองยังคงเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนเดิม

นโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ในสมัยของ “เติ้ง เสี่ยวผิง” หมายถึง มีประเทศจีนเพียงประเทศเดียว แต่มีระบบเศรษฐกิจและการปกครอง 2 แบบ ได้แก่

  1. ระบอบคอมมิวนิสต์ สำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ (ไม่รวมไต้หวัน)
  2. ระบอบประชาธิปไตยและระบอบทุนนิยมเสรี สำหรับฮ่องกงและมาเก๊า


ผลกระทบของการปฏิวัติจีนครั้งที่สอง คือ

  1. การปฏิวัติของ เหมา เจ๋อตง เป็นแบบอย่างในการปฏิวัติของกระบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะการใช้ยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” โดยเริ่มจากการปฏิวัติของเกษตรในชนบทและค่อยๆ ขยายเข้าไปสู่เมือง
  2. การปฏิรูปเศรษฐกิจตามแนวของ เติ้ง เสี่ยวผิง โดยยอมรับระบบทุนนิยมของโลกตะวันตก เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการแยกระบบการปกครองออกจากระบบเศรษฐกิจ

 

 

 แหล่งอ้างอิง   th.wikipedia.org/wiki/china     ที่มาของรูปภาพ  www.linethaitravel.com

ประวัติศาสตร์

ประมาณ 1,500 ปีก่อนคริสตกาล ชาวดราวิเดียน (Dravidian) และชาวอารยัน (Aryan) เริ่มกำเนิดอารยธรรมต่าง ๆ ในลุ่มแม่น้ำสินธุ ต่อมาในสมัยอาณาจักรเมารยะ (ประมาณ 300 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีดินแดนในตอนเหนือตั้งแต่ลุ่มแม่น้ำสินธุจรดอ่าวเบงกอล พระเจ้าอโศกมหาราชได้สร้างความรุ่งเรืองในการปกครอง ตลอดจนการสนับสนุนการเผยแผ่พุทธศาสนา ในสมัยราชวงศ์โมกุล (คริสต์ศตวรรษที่ 16 – 18) เป็นสมัยที่มีการแพร่ขยายอิทธิพล วัฒนธรรมโมกุลอย่างกว้างขวาง ทั้งในด้านการปกครอง ภาษา ศิลปะ สถาปัตยกรรม และศาสนาอิสลาม อังกฤษเริ่มเข้ามามีอิทธิพลในอนุทวีป ตั้งแต่คริสต์ศตวรรษที่ 17 เพื่อค้าขายพร้อม ๆ กับครอบครองดินแดนและแทรกแซงในการเมืองท้องถิ่น จนกระทั่งอินเดียตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษ ในปี พ.ศ. 2420 (ค.ศ. 1877) โดยมีสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียแห่งอังกฤษทรงดำรงตำแหน่งสมเด็จพระเจ้าจักรพรรดินีแห่งอินเดีย หลังจากการรณรงค์ต่อต้านการปกครองของอังกฤษมาเป็นเวลานาน อินเดียจึงได้รับเอกราชเมื่อปี พ.ศ. 2490 (ค.ศ. 1947) และได้รับการสถาปนาเป็นสาธารณรัฐอินเดียในปี พ.ศ. 2493 (ค.ศ. 1950)

 การเมือง

  • ประธานาธิบดี นางประติภา เทวีสิงห์ ปาฏีล (प्रतिभा पाटिल Pratibha Devisingh Patil)
  • นายกราชยสภา นายกฤษาณ กันต์ (Krishan Kant) รองประธานาธิบดี ทำหน้าที่นายกราชยสภาโดยตำแหน่ง
  • นายกโลกสภา นายคานตี โมหัน พลโยคี (Ganti Mohana Balayogi) (เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนตุลาคม ค.ศ. 1999)
  • นายกรัฐมนตรี นายมานโมฮัน ซิงห์ (Manmohan Singh)
  • รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายชสวันต์ สิงห์ (Jaswant Singh), เข้ารับตำแหน่งเมื่อ 13 ตุลาคม ค.ศ. 1999
  • โครงสร้างการปกครอง

ฝ่ายนิติบัญญัติ ระบบรัฐสภา ประกอบด้วยราชยสภา (Rajya Sabha) เป็นสภาสูง มีสมาชิกจำนวน 245 คน สมาชิกส่วนใหญ่ มาจากการเลือกตั้งทางอ้อม อีกส่วนมาจากการแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี และโลกสภา (Lok Sabha) เป็นสภาล่าง มีสมาชิกจำนวน 545 คน สมาชิกจำนวน 543 คน มาจากการเลือกตั้งโดยตรงและอีก 2 คน มาจากการคัดเลือกของประธานาธิบดี จากกลุ่มอินโด-อารยันในประเทศอยู่ในวาระคราวละ 5 ปี เว้นเสียแต่จะมีการยุบสภา

ฝ่ายบริหาร คณะรัฐมนตรี มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้าคณะรัฐบาล

ฝ่ายตุลาการ ศาลฎีกาเป็นศาลสูงสุดของประเทศ ผู้พิพากษาประจำศาลฎีกามีจำนวนไม่เกิน 25 คน แต่งตั้งโดยประธานาธิบดี ระดับรัฐมีศาลสูงเป็นศาลสูงสุดของแต่ละรัฐ รองลงมาเป็นศาลบริวาร (Subordinate Courts) ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละรัฐ

  • การปกครอง ประธานาธิบดีเป็นประมุขของรัฐ และเป็นประมุขของฝ่ายบริหาร แต่อำนาจการบริหารที่แท้จริงอยู่ที่นายกรัฐมนตรีอำนาจ การปกครองแบ่งเป็นรัฐต่าง ๆ 25 รัฐ และดินแดนสหภาพของรัฐบาลกลาง (Union Territories) อีก 7 เขต ขณะนี้ (มกราคม 2544) โลกสภาได้เห็นชอบร่างรัฐบัญญัติในการจัดตั้งรัฐใหม่ 3 รัฐ คือ รัฐฉัตติสครห์ (Chattisgarh) รัฐอุตตรานจัล (Uttaranchal) และรัฐฌาร์ขันท์ (Jharkhand) ซึ่งแยกออกจากรัฐมัธยประเทศ รัฐอุตตรประเทศ และรัฐพิหาร ตามลำดับ

การเมืองภายใน

อินเดียมีการเลือกตั้งครั้งล่าสุด ซึ่งเป็นสมัยที่ 13 เมื่อวันที่ 5 กันยายน - 3 ตุลาคม พ.ศ. 2542 ภายหลังจากที่รัฐบาลชุดก่อนของนายกรัฐมนตรี อตล เพหารี วัชปายี (Atal Behari Vajpayee) ได้แพ้การพิสูจน์เสียงข้างมาก (Vote of Confidence) ในโลกสภาเพียง 1 เสียง เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2542 เนื่องจากพรรค All India Anna Dravida Munnetra Kazagham (AIADMK) ซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาลได้ประกาศถอนการสนับสนุนรัฐบาลผสมของนายวัชปายี อย่างไรก็ดี ผลการเลือกตั้งปรากฏว่านายวัชปายี ผู้นำพรรคภารติยชนตะ (Bharatiya Janata Party : BJP) ซึ่งร่วมกับพรรคการเมืองอื่น ๆ อีก 25 พรรค ในนามพันธมิตรประชาธิปไตยแห่งชาติ (National Democratic Alliance : NDA) ได้รับคะแนนเสียงมากที่สุด ส่งผลให้นายวัชปายีเข้าดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอินเดียอีกสมัย โดยได้กระทำพิธีสาบานตนรับตำแหน่งตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2542 มีเสียงสนับสนุนในสภาผู้แทนราษฎร (โลกสภา) อินเดีย ทั้งสิ้น 296 เสียง จากจำนวนเสียงทั้งหมด 543 เสียง ซึ่งรัฐบาลชุดปัจจุบันของอินเดียเป็นรัฐบาลผสมเสียงข้างมาก ซึ่งนับว่ามีฐานเสียงแข็งแกร่งกว่าเดิม (ครั้งที่แล้ว พรรค BJP และพันธมิตรจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยด้วยคะแนนเสียง 264 เสียง) ส่วนพรรคคองเกรส และพรรคพันธมิตรได้รับคะแนนเสียงเพียง 133 เสียงเท่านั้น (พรรคคองเกรสพรรคเดียวได้ 112 เสียง) ซึ่งนับว่าเป็นคะแนนเสียงที่ต่ำที่สุดในรอบ 50 ปีของประวัติศาสตร์การเมืองของพรรคคองเกรส ส่งผลให้พรรคคองเกรสและพันธมิตรเป็นพรรคฝ่ายค้าน

 

 

 

แหล่งอ้างอิง  wikipedia.org/wiki

ที่มารูป  pak-soi.com/view_cafe.php%3Fid%3D802

อ้างที่มาข้อมูลและรูปภาพไม่ถูกต้องค่ะ

รูปภาพแต่ละภาพต้องอ้างทุกภาพนะจ้ะ Cry

ประเทศกานา 

ประวัติศาสตร์

ก่อนยุคล่าอาณานิคมกานาเป็นจักรวรรดิโบราณที่ปกครองด้วยชนเผ่าต่างๆอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำไนเจอร์ตั้งแต่ พ.ศ. 943 - 1783 จนกระทั่งในปี พ.ศ. 2417 ได้ตกเป็นอาณานิคมของอังกฤษ ซึ่งเรียกว่า Gold Coast และเป็นรัฐในอารักขา (protectorate) รวมเวลา 113 ปี และในวันที่ 6 มีนาคม พ.ศ. 2500 กานาจึงได้รับเอกราช จากอังกฤษซึ่งเกิดจากการรวมอาณานิคม Gold Coast และ Togoland เข้าด้วยกันต่อมาเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2503 กานาได้ประกาศเป็นสาธารณรัฐภายใต้เครือจักรภพอังกฤษ

รัฐบาลของนายกวาเม กรูมาห์ ปกครองประเทศแบบเผด็จการใน พ.ศ. 2507 จนถูกโค่นล้มโดยตำรวจ-ทหารเมื่อ พ.ศ. 2509 และมีการเลือกตั้งทั่วไปเมื่อ พ.ศ. 2512 แต่ในช่วง พ.ศ. 2515 - 2524 ยังเกิดการรัฐประหารอีก 4 ครั้ง

 การเมือง

กานาเป็นประเทศแรกใน Sub-sahara ที่ได้รับเอกราช ในปี 1981 เกิดการรัฐประหารล้มล้างรัฐธรรมนูญฉบับที่ 3 และยกเลิกพรรคการเมือง ต่อมาในปี 1992 ได้มีรัฐธรรมนูญฉบับใหม่พร้อมกับฟื้นฟูระบบการเมืองแบบหลายพรรค ซึ่ง Lt. Jerry RAWLINGS ซึ่งเป็นประธานาธิบดีตั้งแต่ปี 1981 ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีในปี 1992 และ 1996 แต่เนื่องจากรัฐธรรมนูญไม่อนุญาตให้ลงเลือกตั้งในสมัยที่ 3 เป็นผลให้ นาย John KUFUOR ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีแทน โดยเอาชนะนาย John ATTA-MILLS รองประธานาธิบดีสมัยนาย RAWLINGS ไปได้อย่างขาวสะอาด การแบ่งเขตการปกครอง

แบ่งส่วนราชการออกเป็น 10 เขต ได้แก่ Ashanti, Brong-Ahafo, Central, Eastern, Greater Accra, Northern, Upper East, Upper West, Volta, Western

[king5.jpg]

เนื้อหาน้อยไป ขาดอ้างอิงข้อมูล และรูปภาพแต่ละรูป Cry

ประวัติศาสตร์

 ยุคโบราณ

เครื่องปั้นดินเผายุคโจมง

สันนิษฐานว่ามนุษย์มาอาศัยในญี่ปุ่นครั้งแรกตั้งแต่ยุคหินเก่า เมื่อประมาณ 35,000 ปีก่อนพุทธศักราช[19] หลังจากนั้นยุคโจมงก็เริ่มต้นขึ้นเมื่อประมาณ 10,000 ปีก่อนพุทธศักราช ผู้คนดำรงชีวิตอยู่ด้วยการล่าสัตว์[20] มีการพัฒนาวิธีการล่าสัตว์โดยใช้คันธนูและลูกธนู ตลอดจนมีการผลิตภาชนะเครื่องปั้นดินเผาใส่อาหารและเก็บรักษาอาหาร คำว่าโจมงในภาษาญี่ปุ่นแปลว่าลายเชือกซึ่งมาจากลวดลายเชือกบนภาชนะในยุคนั้นที่ค้นพบในช่วงแรก

ยุคยะโยอิ เริ่มเมื่อประมาณ 300 ปีก่อนคริสต์ศักราช เป็นยุคที่ผู้คนเริ่มเรียนรู้วิธีการปลูกข้าว การตีโลหะ ซึ่งได้รับความรู้มาจากผู้อพยพชาวจีนแผ่นดินใหญ่[21] การกล่าวถึงญี่ปุ่นครั้งแรกปรากฏขึ้นในบันทึกของราชสำนักจีนสมัยราชวงศ์ฮั่น โฮ่วฮั่นชู (後漢書) ในปี 57 ก่อนคริสตกาล [22] ซึ่งเรียกชาวญี่ปุ่นว่า วะ (倭) ในช่วงพุทธศตวรรษที่ 8 อาณาจักรที่ทรงอำนาจมากที่สุดในญี่ปุ่นคือยะมะไทโคะกุ (邪馬台国) ปกครองโดยราชินีฮิมิโกะ ซึ่งเคยส่งคณะทูตไปยังประเทศจีนผ่านทางเกาหลีด้วย

ยุคเริ่มอารยธรรมญี่ปุ่น

สุสานจักรพรรดิในสมัยยุคโคะฮุง

ยุคโคะฮุง ซึ่งตั้งชื่อตามสุสานที่นิยมสร้างขึ้นกันในยุคดังกล่าวเริ่มต้นตั้งแต่ประมาณพุทธศตวรรษที่ 9 จนถึง 12 เป็นยุคที่ญี่ปุ่นเริ่มมีการปกครองแบบราชวงศ์ ซึ่งศูนย์กลางการปกครองนั้นอยู่บริเวณเขตคันไซ ในยุคนี้พระพุทธศาสนาได้เข้ามาจากคาบสมุทรเกาหลีสู่หมู่เกาะญี่ปุ่น[23] แต่พระพุทธรูปและพุทธศาสนาในประเทศญี่ปุ่นหลังจากนั้นได้รับอิทธิพลจากจีนเป็นหลัก[24] เจ้าชายโชโตะกุทรงส่งคณะราชทูตไปเจริญสัมพันธไมตรีกับจีน ญี่ปุ่นจึงได้รับนวัตกรรมใหม่ ๆ จากแผ่นดินใหญ่มาเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังทรงตรารัฐธรรมนูญสิบเจ็ดมาตรา ซึ่งเป็นกฎหมายญี่ปุ่นฉบับแรกอีกด้วย[23] และในที่สุดพระพุทธศาสนาก็ได้รับการยอมรับมากขึ้นตั้งแต่สมัยอะซึกะ[25]

ยุคนะระ (พ.ศ. 1253-1337) [26] เป็นยุคแรกที่มีการก่อตัวเป็นอาณาจักรที่เข้มแข็ง มีการปกครองอย่างมีระบบให้เห็นได้อย่างชัดเจน โดยการนำระบอบการปกครองมาจากจีนแผ่นดินใหญ่ ศูนย์กลางการปกครองในขณะนั้นก็คือเฮโจเกียวหรือจังหวัดนะระในปัจจุบัน ในยุคนะระเริ่มพบการเขียนวรรณกรรมเช่นโคจิกิ (พ.ศ. 1255) และนิฮงโชะกิ (พ.ศ. 1263) [27] เมืองหลวงถูกย้ายไปที่นะงะโอกะเกียวเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ และถูกย้ายอีกครั้งไปยังเฮอังเกียว ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคเฮอัง

ระหว่าง พ.ศ. 1337 จนถึง พ.ศ. 1728 ซึ่งเป็นยุคเฮอังนั้น ถือได้ว่าเป็นยุคทองของญี่ปุ่น เนื่องจากเป็นยุคสมัยที่วัฒนธรรมของญี่ปุ่นเองเริ่มพัฒนาขึ้น สิ่งที่เห็นได้อย่างชัดมากที่สุดคือ การประดิษฐ์ตัวอักษร ฮิรางานะ ซึ่งทำให้เกิดวรรณกรรมที่แต่งโดยตัวอักษรนี้เป็นจำนวนมาก เช่นในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 16 ได้มีการแต่งนวนิยายเรื่องนิทานเกนจิ (源氏物語) ขึ้น ซึ่งเป็นนิยายที่บรรยายเกี่ยวกับการใช้ชีวิต การปกครองของตระกูลฟุจิวาระ และบทกลอนที่ถูกใช้เป็นเนื้อเพลงของเพลงชาติญี่ปุ่น คิมิงะโยะ ก็ถูกแต่งขึ้นในช่วงนี้เช่นเดียวกัน[28]

 ยุคศักดินา

วัดคิงกะกุ ในเมืองเกียวโต สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่พำนักของโชกุนอะชิกะงะ โยชิมิสึในยุคมุโรมะจิ

ยุคศักดินาญี่ปุ่นเริ่มต้นจากการที่ผู้ปกครองทางการทหารเริ่มมีอำนาจขึ้น พ.ศ. 1728 หลังจากการพ่ายแพ้ของตระกูลไทระ มินะโมะโตะ โน โยริโตโมะ ได้แต่งตั้งตนเองเป็นโชกุน และสร้างรัฐบาลทหารในเมืองคะมะกุระ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของยุคคะมะกุระซึ่งมีการปกครองแบบศักดินา แต่รัฐบาลคามากุระก็ไม่สามารถปกครองทั้งประเทศได้ เพราะพวกราชวงศ์ยังคงมีอำนาจอยู่ในเขตตะวันตก หลังจากการเสียชีวิตของโชกุนโยริโตโมะ ตระกูลโฮโจได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้สำเร็จราชการให้โชกุน รัฐบาลคะมะกุระสามารถต่อต้านการรุกรานของจักรวรรดิมองโกลใน พ.ศ. 1817 และ พ.ศ. 1824 โดยได้รับความช่วยเหลือจากพายุกามิกาเซ่ซึ่งทำให้กองทัพมองโกลประสบความเสียหายอย่างมาก[29]

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลคะมะกุระก็อ่อนแอลงจากสงครามครั้งนี้ จนในที่สุดต้องสูญเสียอำนาจให้แก่จักรพรรดิโกไดโกะ ผู้ซึ่งพ่ายแพ้ต่ออาชิกางะ ทากาอุจิในเวลาต่อมาไม่นาน[30] อาชิกางะ ทากาอุจิย้ายรัฐบาลไปตั้งไว้ที่มุโรมะจิ จังหวัดเกียวโต จึงได้ชื่อว่ายุคมุโรมะจิ ในช่วงกลางพุทธศตวรรษที่ 20 อำนาจของโชกุนเริ่มเสื่อมลงและเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น เพราะบรรดาเจ้าครองแคว้นต่างทำสู้รบเพื่อแย่งชิงความเป็นใหญ่ ซึ่งทำให้ญี่ปุ่นเข้าสู่ยุคสงครามที่เรียกว่ายุคเซงโงกุ[30]

ในระหว่างพุทธศตวรรษที่ 21 มีพ่อค้าและมิชชันนารีจากโปรตุเกสเดินทางมาถึงญี่ปุ่นเป็นครั้งแรก และเริ่มการค้าขายและแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างญี่ปุ่นกับโลกตะวันตก (การค้านัมบัน)

สงครามดำรงอยู่หลายสิบปี จนโอดะ โนบุนากะเอาชนะเจ้าครองแคว้นอื่นหลายคนโดยใช้เทคโนโลยีและอาวุธของยุโรปและเกือบจะรวมประเทศญี่ปุ่นให้เป็นปึกแผ่นได้แล้วเมื่อเขาถูกลอบสังหารใน พ.ศ. 2125 โทโยโทมิ ฮิเดโยชิผู้สืบทอดเจตนารมณ์ต่อมาสามารถปราบปรามบ้านเมืองให้สงบลงได้ในพ.ศ. 2133 ฮิเดโยชิรุกรานคาบสมุทรเกาหลีถึง 2 ครั้ง[31] แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ จนเมื่อเขาเสียชีวิตลงใน พ.ศ. 2141 ญี่ปุ่นก็ถอนทัพ[32]

หลังจากฮิเดโยชิเสียชีวิต โทกุงะวะ อิเอะยะสึแต่งตั้งตนเองขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่ลูกชายของฮิเดโยชิ โทโยโทมิ ฮิเดโยริ เพื่อที่จะได้อำนาจทางการเมืองและการทหาร อิเอะยะสึเอาชนะไดเมียวต่าง ๆ ได้ในสงครามเซะกิงะฮะระใน พ.ศ. 2143 จึงขึ้นเป็นโชกุนใน พ.ศ. 2146 และก่อตั้งรัฐบาลใหม่ที่เมืองเอะโดะ ยุคเอะโดะจึงเริ่มต้นขึ้น รัฐบาลโชกุนโทะกุงะวะได้ใช้วิธีหลายอย่าง เช่น บุเกโชฮัตโต เพื่อควบคุมไดเมียวทั้งหลาย ใน พ.ศ. 2182 รัฐบาลเริ่มนโยบายปิดประเทศและใช้นโยบายนี้อย่างไม่เข้มงวดนักต่อเนื่องถึงประมาณสองร้อยห้าสิบปี ในระหว่างนี้ ญี่ปุ่นศึกษาเทคโนโลยีตะวันตกผ่านการติดต่อกับชาวดัตช์ที่สามารถเข้ามาที่เกาะเดจิมะ (ในจังหวัดนะงะซะกิ) เท่านั้น[33] ความสงบสุขจากการปิดประเทศเป็นเวลานานทำให้ชนที่อยู่ใต้อำนาจปกครองอย่างเช่นชาวเมืองได้มีโอกาสที่จะประดิษฐ์สิ่งใหม่ ๆ ขึ้นมาในทางของตนเอง ในยุคเอะโดะนี้ยังมีการเริ่มต้นการให้ศึกษาประชาชนเกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่นอีกด้วย[34]

แต่ญี่ปุ่นก็ถูกกดดันจากประเทศตะวันตกให้เปิดประเทศอีกครั้ง ในวันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2394 นาวาเอก (พิเศษ) แมทธิว เพอร์รี่ และเรือดำของกองทัพเรือสหรัฐอเมริกาบุกมาถึงญี่ปุ่นเพื่อบังคับให้เปิดประเทศด้วยสนธิสัญญาสัมพันธไมตรีกับประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากนั้นญี่ปุ่นก็ต้องทำสนธิสัญญาแบบเดียวกันกับประเทศตะวันตกอื่น ๆ ซึ่งสนธิสัญญาเหล่านี้ทำให้ญี่ปุ่นประสบปัญหาทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง เพราะการเปิดประเทศและให้สิทธิพิเศษกับชาวต่างชาติทำให้ชาวญี่ปุ่นจำนวนมากไม่พอใจต่อรัฐบาลเอะโดะ และเกิดกระแสเรียกร้องให้คืนอำนาจอธิปไตยแก่องค์จักรพรรดิ (ซึ่งมักเรียกว่าการปฏิรูปเมจิ) [35] จนในที่สุดรัฐบาลเอะโดะก็หมดอำนาจลง

ยุคใหม่

แผนที่จักรวรรดิญี่ปุ่น พ.ศ. 2485

ในยุคเมจิ รัฐบาลใหม่ภายใต้การปกครองของสมเด็จพระจักรพรรดิเมจิได้ย้ายฐานอำนาจขององค์จักรพรรดิมายังเอโดะ และเปลี่ยนชื่อเมืองหลวงจากเอโดะเป็นโตเกียว มีการเปลี่ยนแปลงระบบการปกครองตามแบบตะวันตก เช่นบังคับใช้รัฐธรรมนูญใน พ.ศ. 2443 และก่อตั้งสภานิติบัญญัติแห่งชาติโดยใช้ระบบสองสภา นอกจากนี้ จักรวรรดิญี่ปุ่นยังสนับสนุนการรับเอาวิทยาการจากประเทศตะวันตก[36]และทำให้มีความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรมเป็นอย่างมาก จักรวรรดิญี่ปุ่นเริ่มมีความขัดแย้งทางทหารกับประเทศข้างเคียงเมื่อพยายามขยายอาณาเขต หลังจากที่ได้ชัยชนะในสงครามจีน-ญี่ปุ่นครั้งที่หนึ่ง (พ.ศ. 2437-2438) และสงครามรัสเซีย-ญี่ปุ่น (พ.ศ. 2447-2448) ญี่ปุ่นก็ได้อำนาจปกครองไต้หวัน เกาหลี และตอนใต้ของเกาะซาคาลิน[37]

สงครามโลกครั้งที่หนึ่งทำให้ญี่ปุ่นซึ่งอยู่ฝ่ายไตรภาคี ผู้ชนะ สามารถขยายอำนาจและอาณาเขตต่อไปอีก ญี่ปุ่นดำเนินนโยบายขยายดินแดนต่อไปโดยการครอบครองแมนจูเรียใน พ.ศ. 2474 และเมื่อถูกนานาชาติประนามในการครอบครองดินแดนนี้ ญี่ปุ่นก็ลาออกจากสันนิบาตชาติในสองปีต่อมา[38] ในปี 1936 ญี่ปุ่นลงนามในสนธิสัญญาต่อต้านองค์การคอมมิวนิสต์สากลกับนาซีเยอรมนี และเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะในปี 1941[39]

ในยุคสงครามโลกครั้งที่สอง ญี่ปุ่นได้เสริมสร้างอำนาจทางการทหารให้เข้มแข็งยิ่งขึ้น หลังจากญี่ปุ่นถูกกีดกันทางการค้าจากสหรัฐอเมริกา ต่อมาจึงได้เปิดฉากสงครามในแถบเอเชียแปซิฟิก (ซึ่งรู้จักกันทั่วไปในชื่อ สงครามมหาเอเชียบูรพา) ในวันที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2484 โดยการโจมตีฐานทัพเรือสหรัฐอเมริกาที่อ่าวเพิร์ล และการยาตราทัพเข้ามายังเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นดินแดนอาณานิคมของสหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักรและเนเธอร์แลนด์ ตลอดสงครามครั้งนั้น ญี่ปุ่นสามารถยึดครองประเทศต่าง ๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ทั้งหมด แต่หลังจากที่ญี่ปุ่นพ่ายแพ้ให้แก่สหรัฐอเมริกาในการรบทางน้ำในมหาสมุทรแปซิฟิกหลังจากยุทธนาวีแห่งมิดเวย์ (พ.ศ. 2485) ญี่ปุ่นก็ตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้แก่ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยง่าย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับระเบิดปรมาณูของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถูกทิ้งที่เมืองฮิโรชิมาและนางาซากิ (ในวันที่ 6 และ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ตามลำดับ) และการรุกรานของสหภาพโซเวียต (วันที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2488) ญี่ปุ่นจึงประกาศยอมแพ้อย่างไม่มีเงื่อนไขในวันที่ 15 สิงหาคม ปีเดียวกัน[40] สงครามทำให้ญี่ปุ่นต้องสูญเสียพลเมืองนับล้านคนและทำให้อุตสาหกรรมและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศเสียหายอย่างหนัก ฝ่ายสัมพันธมิตรซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกาได้ส่งพลเอกดักลาส แมกอาร์เธอร์เข้ามาควบคุมญี่ปุ่นตั้งแต่หลังสงครามจบ

ใน พ.ศ. 2490 ญี่ปุ่นเริ่มใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ซึ่งเน้นเรื่องประชาธิปไตยอิสระ การควบคุมญี่ปุ่นของฝ่ายสัมพันธมิตรสิ้นสุดเมื่อมีการลงนามในสนธิสัญญาซานฟรานซิสโกใน พ.ศ. 2499[41] และญี่ปุ่นได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติในปี 1956[42] หลังจากสงครามญี่ปุ่นสามารถพัฒนาทางเศรษฐกิจด้วยอัตราการเจริญเติบโตที่สูงมากจนกลายเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับสองของโลก แต่การเติบโตก็หยุดในช่วงพุทธทศวรรษที่ 2530 เมื่อญี่ปุ่นเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยหลังฟองสบู่แตก[43] เศรษฐกิจที่ถดถอยต่อเนื่องยาวนานกว่าสิบปีมีทีท่าว่าจะฟื้นตัวขึ้นในต้นพุทธศตวรรษที่ 26[44] แต่กลับประสบปัญหาอีกครั้งเมื่อเกิดวิกฤติทางการเงินใน พ.ศ. 2551[45]

-คัดลอกมาไม่ถูกต้อง ต้องไปวางไว้ที่ Notepad ก่อนจึงคัดลอกมาวางอีกครั้ง
-ขาดแหล่งอ้างอิงข้อมูล และรูปภาพแต่ละรูป

งานส่งอยู่ใน  www.thaigoodview.com/node/70284

ส่งเมื่อวันที่  1  สิงหาคม    53

ประเทศจีน

นางสาวกาญจนา   หมวกเหล็ก    เลขที่   15

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 165 คน กำลังออนไลน์