• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:51e874692f148c44716afd9bd6955e68' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"><b><span style=\"color: purple\">Hiphop History</span></b></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u31525/feat_hiphop.jpg\" width=\"371\" height=\"278\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #0000ff\">แหล่งที่มาของรูป http://www.ngthai.com/ngm/0704/feature.asp?featureno=4</span></span>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\">                     <span style=\"color: #808080\">อย่างที่สัญญากันครับว่าจะไปนำประวัติของแนวเพลงฮิพฮอพมาลงให้อ่านกันซึ่ง<br />\nผมคิดว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจและน่าศึกษาเพราะเพลงแนวนี้เด่นตรงที่สร้าง<br />\nวัฒณธรรมของตัวเองขึ้นมาและแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ<br />\nอะไรคือสิ่งที่ทำให้เพลงแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง?<br />\nใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ? ปัญหาความรุนแรงเกิดจากอะไร?<br />\nเราไปติดตามพร้อมๆกันครับ</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nในช่วงปลายปี1960ซึ่งเป็นช่วงจุดอิ่มตัวของเพลงยุค ’60<br />\nคนเริ่มที่จะหาแนวเพลงใหม่ๆที่ฉีกออกไปและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ Kool<br />\nHerc หนุ่มชาวจาไมกาที่ย้ายมานิวยอร์คพร้อมกับนำดนตรีสไตล์จาไมกาเข้ามา<br />\nจุดเด่นของเค้าก็คือการเปิดเพลงพร้อมกับท่อนร้องสดๆควบคู่กันซึ่งก็ได้รับ<br />\nความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันนึง Kool Herc<br />\nพบว่าเพลงบางเพลงสามารถทำให้คนเต้นรำกันได้อย่างสนุกสนานแต่มีช่วงเวลาที่<br />\nน้อยไป เขาจึงนำเครื่อง Turntable<br />\nมา2ตัวแล้วเปิดเพลงเดียวกันแต่สลับกลับไปกลับมาทำให้เกิดการ Mixing<br />\nขึ้นเป็นครั้งแรกซึ่งต่อมา Kool Herc ได้รับการยอมรับว่าเป็น DJ<br />\nคนแรกของโลก</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nนอกจากนั้น Kool Herc<br />\nยังเป็นคนริเริ่มคำร้องต่างๆอย่างเช่น “ Throw your hand in the air / and<br />\nwave ‘em just like ya don’t care” ซึ่งเมื่อก่อนเรียกกันว่า “Mcing”<br />\nก่อนจะกลายมาเป็น “Rap” ในปัจจุบัน. หลังจากนั้น Kool Herc<br />\nก็มอบหน้าที่แร็ปให้กับเพื่อน2คนคือ Coke la rock และ Clark Kent<br />\n(คนละคนกับตาSuperman นั่นนะครับ) และตั้งทีมขึ้นมาชื่อว่า “Kool Herc and<br />\nthe Herculoid” ถือเป็นกลุ่มMC ทีมแรกของโลก</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nจากนั้นในปี 1975<br />\nGrand Wizard Theodore ก็ค้นพบเทคนิกการ Scratching<br />\nอย่างบังเอิญขณะกำลังเล่นอยู่ในห้องนอนของตัวโดยเกิดจากการดึงแผ่นกลับไป<br />\nกลับมาทำให้เกิดเสียงแปลกๆขึ้น.<br />\nจากนั้นเค้าเริ่มทดลองดูกับแผ่นอื่นๆจนได้เสียงที่คนฟังเข้าใจและนำมาแสดง.<br />\nและก็ได้รับรางวัลจาก International Turntable Foundation<br />\nในฐานะผู้คิดค้นการ Scratch </span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nช่วงนั้นเริ่มมีการออกอัลบั้มฮิพฮอพขึ้น และ1ในนั้นคือ “Rapperdelight”<br />\nของ the Sugar Hill สามารถขายได้ถึง2ล้านก้อปปี้ทั่วโลก<br />\nและยังถูกวางเป็นรากฐานของเพลงฮิพฮอพมาจนถึงทุกวันนี้</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nปี1983<br />\nซิงเกิ้ล “White line(don’t do it)” ของ Grand Master Flash ร่วมกับ Melle<br />\nMel ซึ่งเป็นเพลงแอนตี้การใช้โคเคน<br />\nก็ดังกระหึ่มไปทั่วโลกและผลักดันให้แนวเพลงฮิพฮอพหลุดจากตลาดอันเดอร์กราวน์<br />\nขึ้นมาเทียบแนวอื่นอย่างสง่าผ่าเผย</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nต่อมา<br />\nกลุ่มคนจากเยอรมันในนาม “The Kraftwork” ได้นำแนว Africa Bombata<br />\nเข้ามาเผยแพร่ด้วยซิงเกิ้ล “Trans-Europe Express”<br />\nซึ่งเป็นเพลงแร็ปที่มีเสียง Electronic แทรกอยู่ เพลงอย่าง “Planet rock”<br />\nที่ร่วมงานกับ Soul Sonic ก็ขายในอเมริกาได้ถึง 620,000 ก้อปปี้<br />\nซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของเพลงแนวฮิพฮอพอย่างแท้จริง, วัฒนธรรมฮิพฮอพทั้ง<br />\nทีมMC, นักพ่น Graffiti, B-Boy เริ่มถือกำเนิดขึ้น</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nในปี 1984<br />\nวงRun D.M.C.<br />\nก็จุดประการวัฒนธรรมการแต่งตัวของชาวฮิพฮอพโดยมาพร้อมกับชุดกีฬาและสร้อยทอง<br />\nเส้นโตซึ่งต่อมาเรียกกันว่าการแต่งตัวแบบ “Streetstlye”. เพลงอย่าง “My<br />\nAdidas” ที่ร้องถึงรองเท้าคู่โปรดทำให้ Run<br />\nD.M.C.เป็นนักร้องฮิพฮอพกลุ่มแรกที่มีสปอนเซอร์เพราะ Adidas<br />\nยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนเลข6หลักซึ่งถือว่ามากในสมัยนั้นเพื่อให้ใส่ชุดของพวก<br />\nเค้าตั้งแต่หัวจดเท้าเลย</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nปีต่อมา กลุ่ม Rapperอื้อฉาว<br />\nจากไมอามี่นาม  2 Live Crew<br />\nก็ทำเอาแตกตื่นด้วยเนื้อหาที่เน้นขายเรื่องใต้สะดือเป็นหลักเกือบทั้ง<br />\nอัลบั้มจนมีข่าวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลและจั่วหัวหน้า1ไปทั่วประเทศกับ<br />\nอัลบั้ม “As nasty as they wanna be”<br />\nหลังจากมีการฟ้องร้องกันไปพวกเขาก็ยังไม่เข็ดแต่กลับจัดทัวร์คอนเสิร์ตเรต<br />\nR และออกอัลบั้ม “Banned in the U.S.A.”<br />\nอีกแต่แล้วก็ค่อยๆเงียบหายไปโดยทิ้งเพลงอย่าง “Me so horny” ไว้ให้นึกถึง</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\n1986 เพลง “Fight for your right to party” ของ the Beastie boys<br />\nกลายเป็นเพลงโปรดของบรรดาเหล่าวัยโจ๋หัวดื้อทั้งหลายทั่วโลก<br />\nและด้วยเหตุที่สัญลักษณ์ของพวกเค้ามีลักษณะคล้ายโลโก้ที่ติดอยู่หน้ารถ<br />\nVolkswagon จึงถูกวัยรุ่นขโมยแกะออกมาจากรถระบาดไปทั้งอเมริกาและยุโรป</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nถัดมาอีกปี the Beastie boys ค้นพบหนุ่มผู้มีพรสวรรค์นาม LL Cool J<br />\nนำมาขัดเกลาออกซิงเกิล “I need love” ในสไตล์เสียงร้องนุ่มๆเซ็กซี่ๆ<br />\nจนเป็นที่มาของเพลงแนว Rap&amp;Ballad หรือ R&amp;B<br />\nในยุคแรกๆและเพลงนี้ก็ขึ้นถึง European top10 ส่วนตัวของ LL Cool J<br />\nเองก็ขึ้นทำเนียบเป็น Superstar<br />\nรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมายาวนานที่สุดและยังคงทำเพลงในสไตล์ตัวเองอยู่มาจน<br />\nถึงปัจจุบัน</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nปี1988 “NWA” ที่มีสมาชิกในกลุ่มคือ Ice<br />\nCube(คนก่อตั้ง), Dr Dre, DJ Yella, MC Ren และ Eazy-E<br />\nถูกกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลายด้วยแนวเพลงที่มีเนื้อหารุนแรงเกี่ยวข้องกับยา<br />\nเสพติด, ปืน<br />\nพูดถึงการตายอย่างน่าเศร้าของเด็กวัยรุ่นผิวดำที่เข้าไปพัวพันกับแก๊ง<br />\nอิทธิพลและพวกพ่อค้ายาทำให้คนอเมริกันต้องเหลียวมามองสังคมเหล่านี้</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nเพลง “f**k the police” ที่เหล่า N.W.A.<br />\nอ้างว่าแค่พูดในสิ่งที่เห็นถึงการทำงานของตำรวจนอกรีตใน L.A. ทำให้ F.B.I.<br />\nยื่นมือเข้ามาสืบสวน,<br />\nคลื่นวิทยุและโทรทัศน์ล้วนแต่กระหน่ำเปิดเพลงของพวดเค้า ซิงเกิ้ล<br />\n“Straight Outta Compton”<br />\nได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำในเวลาเพียงแค่6อาทิตย์หลังโปรโมท</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nแม้ว่าพวกเค้าจะแยกย้ายกันไปเพื่อทำงานเดี่ยวของตัวเอง แต่NWA<br />\nก็ยังถูกยกให้เป็น Gangsta Rapper ที่ดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาอยู่ดี </span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nปี1988นี้ยังได้เกิดศิลปินดังๆอีกมากมายอาทิเช่น Public Enemy, Eric B<br />\nand Rakim, Salt-N-Pepa, DJ Jazzy Jeff and the Fresh Prince (Will Smith)</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\n1999 2Pac Amaru Shakur หรือที่รู้จักกันดีในนาม<br />\n2Pacก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการกับอัลบั้ม “2Pacalypse now”<br />\nที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำและซิงเกิ้ล “Trapped”<br />\nก็ไต่ขึ้นถึงอันดับ3ใน U.S.Chart และ2ปีหลังจากนั้นทั่วโลกก็ได้รู้จัก<br />\n2Pac กับอัลบั้ม “Strictly a my N.IG.G.A.Z” 2Pac<br />\nกลายเป็นศิลปินฮิพฮอพอันดับต้นๆของวงการทันที</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nปี 1992 “House<br />\nof Pain” วง Hardcore Rapper ลูกผสมระหว่าง American&amp;Irish<br />\nก็กระหึ่มโลกด้วยเพลง “Jump Around”<br />\nที่ภายหลังกลายมาเป็นเพลงที่เปิดกันทุกคลับ นอกจากนี้ ศิลปินอย่าง Cypress<br />\nHill ก็เริ่มนำสไตล์ Rap แบบ Latin และ Mexican เข้ามาเผยแพร่ในฝั่ง West<br />\ncoast ทำให้ฝั่ง West coast เปิดกว้างสำหรับเพลงแนวใหม่ๆเสมอในขณะที่ East<br />\ncoast ยังคงอนุรักษณ์ในแบบเดิมๆไว้</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\n1993<br />\nด้วยแรงโปรดิวซ์เองของ Dr Dre ทำให้  Snoop Doggy Dogg<br />\nก้าวขึ้นมาจรัสแสงในวงการอย่างเต็มภาคภูมิ, อัลบั้ม “Doggy Style”<br />\nนับเป็นอัลบั้มฮิพฮอพอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับ1ในเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียว<br />\nและขายได้มหาศาลกว่า4ล้านก้อปปี้ทั่วโลก<br />\nทำให้กระแสเพลงแนวฮิพฮอพเริ่มฮิตไปทั่วโลก<br />\nศิลปินต่างๆพากันทยอยออกเทปไม่ว่าจะเป็น Wu Tang Clan, Nas, Warren G</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\n1995 Notorious B.I.G. หรือชื่อจริงว่า Christopher Wallace<br />\nออกอัลบั้ม “Ready to die”<br />\nที่ใช้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงในช่วงเด็กที่ต้องวนเวียนอยู่กับการขายยา<br />\nเสพติดเพื่อหาเงินประทังชีวิตและอัลบั้มที่ 2 “Life after death”<br />\nได้รับรางวัล Platinum หลายรางวัลรวมถึงเพลงในอัลบั้มอย่าง “One more<br />\nchance” ก็ไต่ขึ้นอันดับ1อย่างรวดเร็ว</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nมาถึงปี 1996<br />\nNotorious B.I.G. ก็ค้นพบช้างเผือกอย่าง Lil’ Kim<br />\nที่ดังตั้งแต่อายุ17กับเพลง “Crush on you”<br />\nแม้จะถูกวิจารณ์จากผู้คร่ำหวอดในวงการฮิพฮอพว่าเพลงของเธอหยาบคายและสกปรก<br />\nแต่เธอก็ไม่แยแสแต่อย่างใด</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nในปีเดียวกัน วง “The Fugees”<br />\nซึ่งประกอบด้วย Wyclef, Pras และ Lauren Hill<br />\nก็พลิกโฉมวงการเพลงฮิพฮอพอีกระลอกกับเพลงที่มีเนื้อร้องฟังสบายๆ<br />\nใช้คำไพเราะ ต่อต้านความรุนแรงบวกกับเมโลดี้ที่เป็นการรวมฮิพฮอพเข้ากับ<br />\nSoul, Raggae และ Jazz ทำให้เพลงเก่าที่เอามาร้องใหม่อย่าง “Killing me<br />\nsoftly” ของ Roberta Flack’s<br />\nเป็นซิงเกิ้ลที่ขายได้มากที่สุดตลอดกาลด้วยยอดขายถึง 9ล้านก้อปปี้<br />\nได้รับรางวัล Grammy สาขา Best Rap Album<br />\nในปี1997และเป็นซิงเกิ้ลแห่งปีด้วย</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nแต่ที่น่าจดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นการประกาศสงครามฮิพฮอพระหว่างฝั่ง East<br />\ncoast ที่นำโดย Notorious B.I.G. เน้นสโลแกนที่ว่า “Keep it real”<br />\nยึดแนวเพลงแบบเดิมๆ กับฝั่ง West coast ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง 2Pac กับวลี<br />\n“It’s all good” เปิดใจรับแนวทางใหม่ๆเสมอ<br />\nแข่งกันอย่างดุเดือดก่อนจะจบลงอย่างน่าเศร้าเมื่อทั้งคู่ถูกยิงตายขณะอยู่ใน<br />\nรถเหมือนกันในเวลาห่างกันไม่นานและคดีก็ยังไม่สามารถคลี่คลายจวบจนทุกวันนี้</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\n1997 หลังจากเหตุการณ์น่าสลดผ่านไป<br />\nผลการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นได้พัวพันไปถึงค่าย Death Row Records ,Dr Dre<br />\nที่กุมบังเ***ยนอยู่ได้ลาออกไป, Suge Knight โปรดิวเซอร์ของค่ายติดคุก9ปี,<br />\nAfeni Shakur แม่ของ 2Pac<br />\nฟ้องร้องบริษัทข้อหาฉ้อโกงเงินลูกชายของเธอนับล้าน<br />\nศิลปินรายอื่นพลอยตาสว่างและพยายามยกเลิกสัญญาหรือปรึกษาทนายที่จะออกจาก<br />\nค่าย จะมีก็แต่เพียง Daz Dillinger ที่ยังอยู่</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"><span style=\"color: #33cccc\"><span style=\"color: #808080\"><br />\nSnoop Dogg<br />\nตัดสินใจย้ายหนีพร้อมกับเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าต้องการหลีกหนีความรุนแรงและหา<br />\nที่สร้างสรรค์งานใหม่ๆ<br />\nแต่ประโยคที่สะกิดใจที่สุดจนถึงทุกวันนี้ก็คือประโยคที่ว่า “To tell you<br />\nthe truth, I fear for my life on Death Row Records”</span></span></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span><br />\n<span style=\"color: purple\"></span>\n</div>\n<p>\n<span style=\"color: purple\"><br />\n<br />\n</span>\n</p>\n', created = 1726553041, expire = 1726639441, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:51e874692f148c44716afd9bd6955e68' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:742d019b292ff59939fb3917be99d56b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\nlสงสัยส่งผิดงานนแน่เลย\n</p>\n', created = 1726553041, expire = 1726639441, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:742d019b292ff59939fb3917be99d56b' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:5c5eccfb04fa56fd473e51581f87b0d4' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p><b>ฮิปฮอปปปปปป</b></p>\n', created = 1726553041, expire = 1726639441, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:5c5eccfb04fa56fd473e51581f87b0d4' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:aeb6c5c68b40ac4095a5ae1bf8ba5514' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n <img border=\"0\" width=\"493\" src=\"/files/u31502/feat_hiphop.jpg\" height=\"370\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"background-color: #ffff00\"><span style=\"color: #ff6600\">ชอบว่ะ คล้ายๆนิ้ว&quot;ปอ&quot; ๕๕++</span> <img border=\"0\" src=\"/sites/all/modules/tinymce/tinymce/jscripts/tiny_mce/plugins/emotions/images/smiley-kiss.gif\" alt=\"Kiss\" title=\"Kiss\" /></span>\n</p>\n<p>\n   \n</p>\n', created = 1726553041, expire = 1726639441, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:aeb6c5c68b40ac4095a5ae1bf8ba5514' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:edc0a258a6d356b556f961e0c0443d44' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #339966\">มรึงได้ดอกกล้วยไม้แน่ !!<br />\n</span>\n</div>\n', created = 1726553041, expire = 1726639441, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:edc0a258a6d356b556f961e0c0443d44' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

Hiphop History

รูปภาพของ sss27786

 

Hiphop History

 

แหล่งที่มาของรูป http://www.ngthai.com/ngm/0704/feature.asp?featureno=4

 

                     อย่างที่สัญญากันครับว่าจะไปนำประวัติของแนวเพลงฮิพฮอพมาลงให้อ่านกันซึ่ง
ผมคิดว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจและน่าศึกษาเพราะเพลงแนวนี้เด่นตรงที่สร้าง
วัฒณธรรมของตัวเองขึ้นมาและแพร่หลายไปทั่วโลกอย่างรวดเร็วจนน่าตกใจ
อะไรคือสิ่งที่ทำให้เพลงแนวนี้ได้รับความนิยมอย่างสูง?
ใครคือผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ? ปัญหาความรุนแรงเกิดจากอะไร?
เราไปติดตามพร้อมๆกันครับ



ในช่วงปลายปี1960ซึ่งเป็นช่วงจุดอิ่มตัวของเพลงยุค ’60
คนเริ่มที่จะหาแนวเพลงใหม่ๆที่ฉีกออกไปและก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ Kool
Herc หนุ่มชาวจาไมกาที่ย้ายมานิวยอร์คพร้อมกับนำดนตรีสไตล์จาไมกาเข้ามา
จุดเด่นของเค้าก็คือการเปิดเพลงพร้อมกับท่อนร้องสดๆควบคู่กันซึ่งก็ได้รับ
ความนิยมขึ้นเรื่อยๆ จนมาวันนึง Kool Herc
พบว่าเพลงบางเพลงสามารถทำให้คนเต้นรำกันได้อย่างสนุกสนานแต่มีช่วงเวลาที่
น้อยไป เขาจึงนำเครื่อง Turntable
มา2ตัวแล้วเปิดเพลงเดียวกันแต่สลับกลับไปกลับมาทำให้เกิดการ Mixing
ขึ้นเป็นครั้งแรกซึ่งต่อมา Kool Herc ได้รับการยอมรับว่าเป็น DJ
คนแรกของโลก



นอกจากนั้น Kool Herc
ยังเป็นคนริเริ่มคำร้องต่างๆอย่างเช่น “ Throw your hand in the air / and
wave ‘em just like ya don’t care” ซึ่งเมื่อก่อนเรียกกันว่า “Mcing”
ก่อนจะกลายมาเป็น “Rap” ในปัจจุบัน. หลังจากนั้น Kool Herc
ก็มอบหน้าที่แร็ปให้กับเพื่อน2คนคือ Coke la rock และ Clark Kent
(คนละคนกับตาSuperman นั่นนะครับ) และตั้งทีมขึ้นมาชื่อว่า “Kool Herc and
the Herculoid” ถือเป็นกลุ่มMC ทีมแรกของโลก



จากนั้นในปี 1975
Grand Wizard Theodore ก็ค้นพบเทคนิกการ Scratching
อย่างบังเอิญขณะกำลังเล่นอยู่ในห้องนอนของตัวโดยเกิดจากการดึงแผ่นกลับไป
กลับมาทำให้เกิดเสียงแปลกๆขึ้น.
จากนั้นเค้าเริ่มทดลองดูกับแผ่นอื่นๆจนได้เสียงที่คนฟังเข้าใจและนำมาแสดง.
และก็ได้รับรางวัลจาก International Turntable Foundation
ในฐานะผู้คิดค้นการ Scratch



ช่วงนั้นเริ่มมีการออกอัลบั้มฮิพฮอพขึ้น และ1ในนั้นคือ “Rapperdelight”
ของ the Sugar Hill สามารถขายได้ถึง2ล้านก้อปปี้ทั่วโลก
และยังถูกวางเป็นรากฐานของเพลงฮิพฮอพมาจนถึงทุกวันนี้



ปี1983
ซิงเกิ้ล “White line(don’t do it)” ของ Grand Master Flash ร่วมกับ Melle
Mel ซึ่งเป็นเพลงแอนตี้การใช้โคเคน
ก็ดังกระหึ่มไปทั่วโลกและผลักดันให้แนวเพลงฮิพฮอพหลุดจากตลาดอันเดอร์กราวน์
ขึ้นมาเทียบแนวอื่นอย่างสง่าผ่าเผย



ต่อมา
กลุ่มคนจากเยอรมันในนาม “The Kraftwork” ได้นำแนว Africa Bombata
เข้ามาเผยแพร่ด้วยซิงเกิ้ล “Trans-Europe Express”
ซึ่งเป็นเพลงแร็ปที่มีเสียง Electronic แทรกอยู่ เพลงอย่าง “Planet rock”
ที่ร่วมงานกับ Soul Sonic ก็ขายในอเมริกาได้ถึง 620,000 ก้อปปี้
ซึ่งถือเป็นความก้าวหน้าของเพลงแนวฮิพฮอพอย่างแท้จริง, วัฒนธรรมฮิพฮอพทั้ง
ทีมMC, นักพ่น Graffiti, B-Boy เริ่มถือกำเนิดขึ้น



ในปี 1984
วงRun D.M.C.
ก็จุดประการวัฒนธรรมการแต่งตัวของชาวฮิพฮอพโดยมาพร้อมกับชุดกีฬาและสร้อยทอง
เส้นโตซึ่งต่อมาเรียกกันว่าการแต่งตัวแบบ “Streetstlye”. เพลงอย่าง “My
Adidas” ที่ร้องถึงรองเท้าคู่โปรดทำให้ Run
D.M.C.เป็นนักร้องฮิพฮอพกลุ่มแรกที่มีสปอนเซอร์เพราะ Adidas
ยอมจ่ายเงินเป็นจำนวนเลข6หลักซึ่งถือว่ามากในสมัยนั้นเพื่อให้ใส่ชุดของพวก
เค้าตั้งแต่หัวจดเท้าเลย



ปีต่อมา กลุ่ม Rapperอื้อฉาว
จากไมอามี่นาม  2 Live Crew
ก็ทำเอาแตกตื่นด้วยเนื้อหาที่เน้นขายเรื่องใต้สะดือเป็นหลักเกือบทั้ง
อัลบั้มจนมีข่าวถึงขั้นขึ้นโรงขึ้นศาลและจั่วหัวหน้า1ไปทั่วประเทศกับ
อัลบั้ม “As nasty as they wanna be”
หลังจากมีการฟ้องร้องกันไปพวกเขาก็ยังไม่เข็ดแต่กลับจัดทัวร์คอนเสิร์ตเรต
R และออกอัลบั้ม “Banned in the U.S.A.”
อีกแต่แล้วก็ค่อยๆเงียบหายไปโดยทิ้งเพลงอย่าง “Me so horny” ไว้ให้นึกถึง



1986 เพลง “Fight for your right to party” ของ the Beastie boys
กลายเป็นเพลงโปรดของบรรดาเหล่าวัยโจ๋หัวดื้อทั้งหลายทั่วโลก
และด้วยเหตุที่สัญลักษณ์ของพวกเค้ามีลักษณะคล้ายโลโก้ที่ติดอยู่หน้ารถ
Volkswagon จึงถูกวัยรุ่นขโมยแกะออกมาจากรถระบาดไปทั้งอเมริกาและยุโรป



ถัดมาอีกปี the Beastie boys ค้นพบหนุ่มผู้มีพรสวรรค์นาม LL Cool J
นำมาขัดเกลาออกซิงเกิล “I need love” ในสไตล์เสียงร้องนุ่มๆเซ็กซี่ๆ
จนเป็นที่มาของเพลงแนว Rap&Ballad หรือ R&B
ในยุคแรกๆและเพลงนี้ก็ขึ้นถึง European top10 ส่วนตัวของ LL Cool J
เองก็ขึ้นทำเนียบเป็น Superstar
รุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมายาวนานที่สุดและยังคงทำเพลงในสไตล์ตัวเองอยู่มาจน
ถึงปัจจุบัน



ปี1988 “NWA” ที่มีสมาชิกในกลุ่มคือ Ice
Cube(คนก่อตั้ง), Dr Dre, DJ Yella, MC Ren และ Eazy-E
ถูกกล่าวขวัญกันอย่างแพร่หลายด้วยแนวเพลงที่มีเนื้อหารุนแรงเกี่ยวข้องกับยา
เสพติด, ปืน
พูดถึงการตายอย่างน่าเศร้าของเด็กวัยรุ่นผิวดำที่เข้าไปพัวพันกับแก๊ง
อิทธิพลและพวกพ่อค้ายาทำให้คนอเมริกันต้องเหลียวมามองสังคมเหล่านี้



เพลง “f**k the police” ที่เหล่า N.W.A.
อ้างว่าแค่พูดในสิ่งที่เห็นถึงการทำงานของตำรวจนอกรีตใน L.A. ทำให้ F.B.I.
ยื่นมือเข้ามาสืบสวน,
คลื่นวิทยุและโทรทัศน์ล้วนแต่กระหน่ำเปิดเพลงของพวดเค้า ซิงเกิ้ล
“Straight Outta Compton”
ได้รางวัลแผ่นเสียงทองคำในเวลาเพียงแค่6อาทิตย์หลังโปรโมท



แม้ว่าพวกเค้าจะแยกย้ายกันไปเพื่อทำงานเดี่ยวของตัวเอง แต่NWA
ก็ยังถูกยกให้เป็น Gangsta Rapper ที่ดังที่สุดเท่าที่เคยมีมาอยู่ดี



ปี1988นี้ยังได้เกิดศิลปินดังๆอีกมากมายอาทิเช่น Public Enemy, Eric B
and Rakim, Salt-N-Pepa, DJ Jazzy Jeff and the Fresh Prince (Will Smith)



1999 2Pac Amaru Shakur หรือที่รู้จักกันดีในนาม
2Pacก็เริ่มสร้างชื่อเสียงในวงการกับอัลบั้ม “2Pacalypse now”
ที่ได้รับรางวัลแผ่นเสียงทองคำและซิงเกิ้ล “Trapped”
ก็ไต่ขึ้นถึงอันดับ3ใน U.S.Chart และ2ปีหลังจากนั้นทั่วโลกก็ได้รู้จัก
2Pac กับอัลบั้ม “Strictly a my N.IG.G.A.Z” 2Pac
กลายเป็นศิลปินฮิพฮอพอันดับต้นๆของวงการทันที



ปี 1992 “House
of Pain” วง Hardcore Rapper ลูกผสมระหว่าง American&Irish
ก็กระหึ่มโลกด้วยเพลง “Jump Around”
ที่ภายหลังกลายมาเป็นเพลงที่เปิดกันทุกคลับ นอกจากนี้ ศิลปินอย่าง Cypress
Hill ก็เริ่มนำสไตล์ Rap แบบ Latin และ Mexican เข้ามาเผยแพร่ในฝั่ง West
coast ทำให้ฝั่ง West coast เปิดกว้างสำหรับเพลงแนวใหม่ๆเสมอในขณะที่ East
coast ยังคงอนุรักษณ์ในแบบเดิมๆไว้



1993
ด้วยแรงโปรดิวซ์เองของ Dr Dre ทำให้  Snoop Doggy Dogg
ก้าวขึ้นมาจรัสแสงในวงการอย่างเต็มภาคภูมิ, อัลบั้ม “Doggy Style”
นับเป็นอัลบั้มฮิพฮอพอัลบั้มแรกที่ขึ้นอันดับ1ในเวลาแค่เพียงอาทิตย์เดียว
และขายได้มหาศาลกว่า4ล้านก้อปปี้ทั่วโลก
ทำให้กระแสเพลงแนวฮิพฮอพเริ่มฮิตไปทั่วโลก
ศิลปินต่างๆพากันทยอยออกเทปไม่ว่าจะเป็น Wu Tang Clan, Nas, Warren G



1995 Notorious B.I.G. หรือชื่อจริงว่า Christopher Wallace
ออกอัลบั้ม “Ready to die”
ที่ใช้แรงบันดาลใจมาจากชีวิตจริงในช่วงเด็กที่ต้องวนเวียนอยู่กับการขายยา
เสพติดเพื่อหาเงินประทังชีวิตและอัลบั้มที่ 2 “Life after death”
ได้รับรางวัล Platinum หลายรางวัลรวมถึงเพลงในอัลบั้มอย่าง “One more
chance” ก็ไต่ขึ้นอันดับ1อย่างรวดเร็ว



มาถึงปี 1996
Notorious B.I.G. ก็ค้นพบช้างเผือกอย่าง Lil’ Kim
ที่ดังตั้งแต่อายุ17กับเพลง “Crush on you”
แม้จะถูกวิจารณ์จากผู้คร่ำหวอดในวงการฮิพฮอพว่าเพลงของเธอหยาบคายและสกปรก
แต่เธอก็ไม่แยแสแต่อย่างใด



ในปีเดียวกัน วง “The Fugees”
ซึ่งประกอบด้วย Wyclef, Pras และ Lauren Hill
ก็พลิกโฉมวงการเพลงฮิพฮอพอีกระลอกกับเพลงที่มีเนื้อร้องฟังสบายๆ
ใช้คำไพเราะ ต่อต้านความรุนแรงบวกกับเมโลดี้ที่เป็นการรวมฮิพฮอพเข้ากับ
Soul, Raggae และ Jazz ทำให้เพลงเก่าที่เอามาร้องใหม่อย่าง “Killing me
softly” ของ Roberta Flack’s
เป็นซิงเกิ้ลที่ขายได้มากที่สุดตลอดกาลด้วยยอดขายถึง 9ล้านก้อปปี้
ได้รับรางวัล Grammy สาขา Best Rap Album
ในปี1997และเป็นซิงเกิ้ลแห่งปีด้วย



แต่ที่น่าจดจำที่สุดคงหนีไม่พ้นการประกาศสงครามฮิพฮอพระหว่างฝั่ง East
coast ที่นำโดย Notorious B.I.G. เน้นสโลแกนที่ว่า “Keep it real”
ยึดแนวเพลงแบบเดิมๆ กับฝั่ง West coast ที่มีหัวเรือใหญ่อย่าง 2Pac กับวลี
“It’s all good” เปิดใจรับแนวทางใหม่ๆเสมอ
แข่งกันอย่างดุเดือดก่อนจะจบลงอย่างน่าเศร้าเมื่อทั้งคู่ถูกยิงตายขณะอยู่ใน
รถเหมือนกันในเวลาห่างกันไม่นานและคดีก็ยังไม่สามารถคลี่คลายจวบจนทุกวันนี้



1997 หลังจากเหตุการณ์น่าสลดผ่านไป
ผลการสืบสวนคดีที่เกิดขึ้นได้พัวพันไปถึงค่าย Death Row Records ,Dr Dre
ที่กุมบังเ***ยนอยู่ได้ลาออกไป, Suge Knight โปรดิวเซอร์ของค่ายติดคุก9ปี,
Afeni Shakur แม่ของ 2Pac
ฟ้องร้องบริษัทข้อหาฉ้อโกงเงินลูกชายของเธอนับล้าน
ศิลปินรายอื่นพลอยตาสว่างและพยายามยกเลิกสัญญาหรือปรึกษาทนายที่จะออกจาก
ค่าย จะมีก็แต่เพียง Daz Dillinger ที่ยังอยู่



Snoop Dogg
ตัดสินใจย้ายหนีพร้อมกับเปิดใจให้สัมภาษณ์ว่าต้องการหลีกหนีความรุนแรงและหา
ที่สร้างสรรค์งานใหม่ๆ
แต่ประโยคที่สะกิดใจที่สุดจนถึงทุกวันนี้ก็คือประโยคที่ว่า “To tell you
the truth, I fear for my life on Death Row Records”






รูปภาพของ kalayarat

lสงสัยส่งผิดงานนแน่เลย

รูปภาพของ sss27553

ฮิปฮอปปปปปป

รูปภาพของ ssspoonsak

ดีจังเลยนะ

-----------------------------------------------------------------------------------------
ครูพูนศักดิ์ สักกทัตติยกุล
ทำด้วยใจ ไปด้วยฝัน

 

 

 

ชอบว่ะ คล้ายๆนิ้ว"ปอ" ๕๕++ Kiss

   

รูปภาพของ sss27731
มรึงได้ดอกกล้วยไม้แน่ !!

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 503 คน กำลังออนไลน์