ย้อนอดีตดูรอยพม่าบุกอยุธยาที่วัดใหญ่สุวรรณาราม จ.เพชรบุรี
ใจคนไทยตอนนี้ร้อนจนท่อง “สงบหนอ นิ่งหนอ” ไม่เป็นแล้ว ไม่รู้ฝ่ายไหนลุก ฝ่ายไหนรุก และฝ่ายไหนจะพ่ายกันแน่ บทเรียนความไม่สงบในบ้านเมือง สอนคนไทยหลายเรื่อง สอนให้ตื่นกับการเมืองเพื่อชาติ สอนให้มองคนถี่ถ้วนขึ้น แต่ที่สอนยากคือแยกแยะให้เป็น อะไรชั่ว อะไรดี!!
ว่าแล้วก็ไปเข้าวัดดีกว่า คนสมัยนี้จำนวนไม่น้อยเข้าวัดเมื่อรู้สึกใจมันร้อน เข้าวัดเพื่อท้าสาบานกันบ้างล่ะ แย่ที่สุดคือเข้าวัดไปขอหวย ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด แสดงให้เห็นว่าวัดอยู่คู่คนไทยมาช้านาน ไม่ว่าเรื่องดี ร้าย สุข ทุกข์ หนีไม่พ้นวัด
หลายวัดเต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าศึกษา เข้าวัดแล้วถ้าเห็นไกด์ส่งเสียงแนะนำความเป็นมาให้นักท่องเที่ยวฟังเมื่อไหร่ เข้าไปเลียบ ๆ เคียง ๆ ขอแบ่งปันความรู้บ้าง ไม่เสียหายที่จะเพิ่มเติมปัญญาอันน้อยนิดที่มีอยู่
ที่วัดใหญ่สุวรรณาราม หนึ่งในสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องสุริโยทัย อยู่ในอำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี เป็นวัดที่สร้างขึ้นสมัยสมัยอยุธยา บูรณะครั้งใหญ่สองรอบคือในสมัยสมเด็จพระเจ้าเสือ โดยพระสุวรรณมุนี หรือสมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) และสมัยรัชกาลที่ 5 โดยพระครูมหาวิหาราภิรักษ์ (พุก) อดีตเจ้าอาวาสวัดใหญ่สุวรรณาราม
ภายในพระอุโบสถมีพระระเบียงคดล้อมรอบ หน้าบันประดับกระจกสีประกอบลวดลายปูนปั้นจิตรกรรมที่งดงาม ได้แก่ ภาพพระพุทธรูปปางมารวิชัยและพระแม่ธรณีบีบมวยผม อยู่เหนือบานหน้าต่างกลางด้านหน้าพระอุโบสถ และภาพเทพชุมนุม 5 ชั้นที่ฝาผนัง
พระพุทธรูปและรูปหล่อภายในพระอุโบสถ ประกอบด้วย พระพุทธประธาน เป็นพระพุทธรูปปูนปั้น ลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย พระพุทธรูปคันธารราษฎร์ ปางขอฝน พระเชียงแสนสิงห์หนึ่ง พระเชียงแสนขนมต้ม รูปหล่อสมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) รูปหล่อพระครูมหาวิหาราภิรักษ์ (พุก) ด้านหลังคือพระพุทธรูปสัมฤทธิ์ ปางมารวิชัย ที่พระบาทขวามี 6 นิ้ว
ออกจากพระอุโบสถไปที่ศาลาการเปรียญทรงไทย สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง ตามตำนานกล่าวไว้ว่าเมื่อคราวบูรณะวัด สมเด็จพระเจ้าเสือได้พระราชทานท้องพระโรงหลังหนึ่งเพื่อช่วยเหลือพระอาจารย์คือสมเด็จพระสังฆราช (แตงโม) นำมาใช้เป็นศาลาการเปรียญ ซึ่งเป็นศาลาที่ขนาดใหญ่ มีเสาแปดเหลี่ยม เขียนลายรดน้ำ เมื่อสังเกตไม้กระดานจะเห็นได้ว่ามีแผ่นใหญ่กว่าบ้านเรือนทั่วไป
สิ่งสำคัญที่เป็นรอยจารึกประวัติศาสตร์ คือ บานประตูซ้ายด้านหน้าศาลาการเปรียญลายกระหนกก้านขด 2 ชั้น ปิดทองประดับกระจก มีรอยแตกที่ถูกพม่าฟัน
ด้านสระน้ำมีหอไตรหลังเก่ารูปทรงแบบเรือนไทยโบราณชั้นเดียว 2 ห้อง มีเสาเพียง 3 เสา โดยมีสะพานเชื่อมจากริมขอบสระไปที่หอไตร
ตอนที่ไปยังพอมีเอกสารประวัติของวัดอยู่ในพระอุโบสถ อ่านไปด้วยชมไปด้วย สงบชั่วครู่ย่อมดีกว่าวุ่นวายชั่วประเดี๋ยว
by ryo watta.ryo@gmail.com