พหุนาม
2.1 พหุนาม คือ นิพจน์ที่อยู่ในรูปเอกนาม หรือเขียนอยู่ในรูปการบวกของเอกนามตั้งแต่สองเอกนามขึ้นไป
เพื่อความสะดวก จะเรียกแต่ละเอกนามของพหุนามว่า พจน์ของพหุนาม
ในกรณีที่พหุนามมีเอกนามที่คล้ายกัน จะเรียกเอกนามที่คล้ายกันว่า พจน์ที่คล้ายกัน
เช่น
8y เป็นพหุนามที่มี 1 พจน์
7x+3 เป็นพหุนามที่มี 2 พจน์
8x2-9x+4 เป็นพหุนามที่มี 3 พจน์
-4x3+3x2-2x+x2 เป็นพหุนามที่มี 4 พจน์ แต่มีพจน์ที่คล้ายกันอยู่ 2 พจน์ คือ 3x2 กับ x2
พหุนามที่มีพจน์บางพจน์ที่คล้ายกัน สามารถรวมพจน์ที่คล้ายกันเข้าด้วยกัน เพื่อทำให้เป็นพหุนามในรูปที่ไม่มีพจน์ที่คล้ายกันเลย
และเรียกพหุนามที่ไม่มีพจน์ที่คล้ายกันว่า พหุนามในรูปผลสำเร็จ
การเขียนพหุนามในรูปผลสำเร็จควรจะเขียนเรียงดีกรีของพหุนามจากมากไปหาน้อย
เมื่อเขียนพหุนามในรูปผลสำเร็จแล้ว จะเรียกดีกรีสูงสุดของพจน์ในพหุนามในรูปผลสำเร็จว่า ดีกรีของพหุนาม
การหาดีกรีของพหุนามสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมีดังนี้
1. พหุนามนั้นต้องเป็นพหุนามในรูปผลสำเร็จเสมอ
2. แต่ละพจน์สามารถบอกดีกรีได้ว่าเท่ากับเท่าใด
3. พิจารณาจากดีกรีที่สูงที่สุดของพจน์จะเป็นดีกรีของพหุนามนั้น
ตัวอย่างเช่น -5x2yz + 7x2y2z - 4xyz เป็นพหุนามในรูปผลสำเร็จ ที่มี
ดีกรีของพจน์ -5x2yz เท่ากับ 4
ดีกรีของพจน์ 7x2y2z เท่ากับ 5
ดีกรีของพจน์ 4xyz เท่ากับ 3
ดังนั้น ดีกรีของพหุนาม -5x2yz + 7x2y2z - 4xyz เท่ากับ 5
2.2 การบวกพหุนาม
การบวกพหุนาม ทำได้โดยนำพหุนามมาเขียนในรูปการบวก ถ้ามีพจน์ที่คล้ายกันให้บวกพจน์ที่คล้ายกันเข้าด้วยกัน
หลักการบวกพหุนามมี 2 วิธี คือ
1. บวกตามแนวนอน
ขั้นที่ 1 ให้เขียนพหุนามที่กำหนดให้ทั้งหมดที่ต้องการจะนำมาบวกกันในบรรทัดเดียวกัน
ขั้นที่ 2 ให้รวมพจน์ที่คล้ายกันตามแนวนอน
ขั้นที่ 3 เขียนผลลัพธ์ที่ได้ในรูปพหุนามผลสำเร็จ
2. บวกตามแนวตั้ง
ขั้นที่ 1 ให้เขียนพหุนามที่กำหนดให้ โดยให้พจน์ที่คล้ายกันอยู่ตรงกัน
ขั้นที่ 2 ให้รวมพจน์ที่คล้ายกันตามแนวตั้ง
ขั้นที่ 3 เขียนผลลัพธ์ที่ได้ในรูปพหุนามผลสำเร็จ
ตัวอย่าง จงหาผลบวกของ 5a4+7a3-5a+6 กับ (-7a4) + (-5a2) - 4a - 3 ทั้งแนวนอนและแนวตั้ง
วิธีทำ