• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:c5477da356ed93c001b2cf73f425f03f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11633/da4c82d3ef8511253bf3cf01.jpg\" width=\"537\" height=\"438\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #cc99ff\"><span style=\"color: #ff0000\"><b> ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous) </b></span></span>\n</p>\n<p>\n<span style=\"color: #ff0000\"></span>คือ<span style=\"color: #ff0000\"> เครื่องมือในการแบ่งกลุ่มย่อยสิ่งมีชีวิต โดยเปรียบเทียบความแตกต่างทีละคู่ของโครงสร้างลักษณะหนึ่งหรือหลายลักษณะ </span>การแบ่งสิ่งมีชีวิตทีละ2 กลุ่มทำให้พิจารณาได้ง่าย ไม่สับสน และสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่มจะมีไดโคโตมัสคีย์ที่เหมาะสมเฉพาะ ใช้แยกกลุ่มย่อยของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ\n</p>\n<p>\nที่มาของข้อมูล <a href=\"http://dit.dru.ac.th/biology/taxonomy.html\" title=\"http://dit.dru.ac.th/biology/taxonomy.html\">http://dit.dru.ac.th/biology/taxonomy.html</a>\n</p>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #993366\"><b>ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous)</b></span>\n</div>\n<p><span style=\"color: #00ccff\">1.ก.มีปีก............................................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)<br />\n1.ข.ไม่มีปีก.......................................................ดูข้อ 2</span><br />\n<span style=\"color: #ff6600\"><span style=\"background-color: #ffffff\">2.ก.มีเขี้ยวยาวแหลมโง้งงอน............................หมูป่า (Sus scrofa)</span><br style=\"background-color: #ffffff\" /><br />\n<span style=\"background-color: #ffffff\"><br />\n2.ข.มีเขี้ยวไม่ยาวแหลมโง้งงอน........................ดูข้อ 3</span></span><br />\n<span style=\"color: #339966\">3.ก.เป็นสัตว์ปกที่ใหญ่ที่สุด..............................แรดขาว(Ceratotherium simum)<br />\n3.ข.ไม่เป็นสัตว์บก............................................ดูข้อ 4</span><br />\n<span style=\"color: #cc99ff\">4.ก.มีโหนกบนหลัง 2 โหนก............................อูฐแบกเทรียน (Camelus bactrianus)<br />\n4.ข.มีโหนกบนหลัง 1 โหนก.............................ดูข้อ 5</span><br />\n<span style=\"color: #ffcc00\">5.ก.มีขนสีเทา.....................................................หมีโคอาลา(Phascolarctos cinereus)<br />\n5.ข.มีขนสีดำ......................................................ดูข้อ 6</span><br />\n<span style=\"color: #3366ff\">6.ก.ใช้จมูกขุดอาหาร..........................................หมูป่า (Sus scrofa)<br />\n6.ข.ใช้เท้าขุดอาหาร...........................................ดูข้อ 7</span><br />\n<span style=\"color: #ff00ff\">7.ก.มีขนเป็นแผง................................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)<br />\n7.ข.มีขนเป็นเส้น.................................................ดูข้อ 8</span><br />\n<span style=\"color: #993366\">8.ก.มีนอ...............................................................แรดขาว(Ceratotherium simum)<br />\n8.ข.ไม่มีนอ..........................................................ดูข้อ 9</span><br />\n<span style=\"color: #ff0000\">9.ก.ขนมีสีขาว ชมพู แดง.....................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)<br />\n9.ข.มีขนสีน้ำตาล ดำ............................................ดูข้อ 10</span><br />\n<span style=\"color: #33cccc\">10.ก.มีขนยาวเป็นแผงบนสันคอ..........................หมูป่า (Sus scrofa)<br />\n10.ข.มีขนยาวเป็นแผงบนหลัง.............................หมูป่า (Sus scrofa)<br />\n</span>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #0000ff\">หมีโคอาลา(Koala bear)<br />\n</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11633/SiamDora000006015-1.jpg\" width=\"200\" height=\"244\" /> \n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ <a href=\"http://www.siamdora.com/ForumDetail.aspx?ForumID=32\" title=\"http://www.siamdora.com/ForumDetail.aspx?ForumID=32\">http://www.siamdora.com/ForumDetail.aspx?ForumID=32</a>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #0000ff\">ชื่อวิทยาศาสตร์Phascolarctos cinereus</span>\n</div>\n<p>\n<b>ลักษณะ</b><br />\nโคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้จะมีขนาดใหญ่กว่าที่อื่น โดยตัวผู้สูงประมาณ 30.8 นิ้ว หรือ 78 ซ.ม. ในขณะที่ตัวเมียสูงประมาณ 28 นิ้ว หรือ 72 ซ.ม. โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้ ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 26 ปอนด์ หรือ 11.8 กิโลกรัม ในขณะน้ำหนักเฉลี่ยของตัวเมียอยู่ที่ 17.4 ปอนด์ หรือ 7.9 กิโลกรัม โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือ ตัวผู้มีน้ำหนักเฉลี่ย 14.3 ปอนด์ หรือ 6.5 กิโลกรัม ในขณะน้ำหนักเฉลี่ยของตัวเมียอยู่ที่ 11.2 ปอนด์ หรือ 5.1 กิโลกรัม โคอาลาแรกเกิดมีน้ำหนักเพียง 0.5 กิโลกรัม เท่านั้น ลักษณะขน โคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้มีขนที่หนาเหมือนขนแกะ บริเวณหลังจะมีขนที่หนาและยาวกว่าบริเวณท้อง โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือมีขนที่สั้นกว่า โคอาลามีขนหนาที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆในตระกูลจิงโจ้ ขนมีสีเทา ถึง น้ำตาลปนเหลือง และมีสีขาวบริเวณคาง หน้าอก และด้านหน้าของแขน-ขา ขนบริเวณหูมีลักษณะเป็นปุย และมีขนสีขาวที่ยาวกว่าบริเวณอื่น<br />\nโคอาลาที่อยู่ทางตอนใต้มีขนที่หนาเหมือนขนแกะ บริเวณหลังจะมีขนที่หนาและยาวกว่าบริเวณท้อง โคอาลาที่อยู่ทางตอนเหนือมีขนที่สั้นกว่า โคอาลามีขนหนาที่สุดเมื่อเทียบกับสัตว์อื่นๆในตระกูลจิงโจ้ ขนมีสีเทา ถึง น้ำตาลปนเหลือง และมีสีขาวบริเวณคาง หน้าอก และด้านหน้าของแขน-ขา ขนบริเวณหูมีลักษณะเป็นปุย และมีขนสีขาวที่ยาวกว่าบริเวณอื่น<br />\nโคอาลากินใบยูคาลิปตัสเป็น อาหาร ฟันและระบบย่อยอาหารถูกพัฒนามาให้สามารถกินและย่อยใบยูคาลิปตัสได้ ใบยูคาลิปตัวมีสารอาหารน้อยมาก และยังมีสารที่มีพิษต่อสัตว์ แต่ระบบย่อยอาหารของโคอาลามีการปรับตัว ทำให้สามารถทำลายพิษนั้นได้ โคอาลามีอวัยวะที่ทำหน้าที่ในการย่อยไฟเบอร์ (ส่วนประกอบหลักของใบยูคาลิปตัส) ยาวมากถึง 200 ซ.ม. ที่บริเวณอวัยวะนี้ จะมีแบคทีเรียที่ช่วยในการย่อยไฟเบอร์ให้กลายเป็นสารอาหารที่ดูดซึมได้ อย่างไรก็ตาม โคอาลามีการดูดซึมสารที่ได้จากการย่อยไฟเบอร์ไปใช้เพียงแค่ 25 % ของที่มันกินไปเท่านั้น ส่วนน้ำในใบยูคาลิปตัสส่วนใหญ่ถูกดูดซึม ทำให้โคอาลาไม่ค่อยหาน้ำกินจากแหล่งน้ำ ส่วนใหญ่โคอาลากินใบยูคาลิปตัวประมาณวันละ 200 ถึง 500 กรัม โดยปกติมันจะนอนถึง 16-18 ชั่วโมงต่อวัน เพื่อรักษาพลังงานไว้</p>\n<p>ที่มาของข้อมูล <a href=\"http://www.bearandbuddy.com/koala.asp\" title=\"http://www.bearandbuddy.com/koala.asp\">http://www.bearandbuddy.com/koala.asp</a></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #993366\">อูฐแบกเทรียน Wild Bactrian Camel</span>\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img src=\"/files/u11633/m102037_1.jpg\" width=\"200\" height=\"150\" />\n</div>\n<p></p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ <a href=\"http://fwmail.teenee.com/strange/12280.html\" title=\"http://fwmail.teenee.com/strange/12280.html\">http://fwmail.teenee.com/strange/12280.html</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #993366\">มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Camelus bactrianus</span>\n</div>\n<p>\n<b>ลักษณะ </b><br />\nพบอยู่เฉพาะในทวีปเอเชียตอนกลางอูฐแท้ๆ นั้นจะมีอยู่เฉพาะแต่เขตร้อนเท่านั้น แต่มีสัตว์สืบสายตระกูลเดียวกัน เรียกว่า ลามา (Llama) ซึ่งจะไม่อยู่ในที่ร้อน จะชอบอยู่ตามที่ราบสูงๆ อากาศจะหนาว ดังนั้นมันจึงมีขนยาวทั่วตัวลักษณะเท้าของอูฐนั้นจะแบน และอ่อนนุ่มเพื่อเดินได้สะดวกบนทราย เท้าของมันมีเล็บ 2 เล็บ และริมฝีปากของมันแบ่งเป็น 2 ซีก ขวาและซ้าย คล้ายๆ กับริมฝีปากของกระต่าย จมูกของมันจะมีกล้ามเนื้อปิดเปิดรูจมูกได้พอพายุพัดทรายเข้ามา มันก็ปิดรูจมูกเสีย ไม่ให้ทรายเข้าไป หนังตาของมันก็จะหนาเป็นพิเศษ ป้องกันฝุ่นทรายไม่ให้เข้าตาได้ดีลักษณะโหนกบนหลังอูฐนั้นจะนิ่มเป็นก้อนเนื้อ ถ้ามันกินอาหารอย่างสมบูรณ์ โหนกของมันก็จะสูงขึ้นและใหญ่ขึ้น และถ้าหากให้อดอาหารนานๆ โหนกของมันก็จะหดเล็กลง อาหารที่มันชอบกินคือพวกใบไม้\n</p>\n<p>\nที่มาของข้อมูล <a href=\"http://sarakade.itgo.com/animal3.html\" title=\"http://sarakade.itgo.com/animal3.html\">http://sarakade.itgo.com/animal3.html</a></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffcc00\">แรดขาวWhite Rhinoceros<br />\n</span>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n<img src=\"/files/u11633/9876_49815_2.jpg\" width=\"200\" height=\"150\" />\n</div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ <a href=\"http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876\" title=\"http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876\">http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ffcc00\">ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Ceratotherium simum</span>\n</div>\n<p>\n<b>ลักษณะทั่วไป</b><br />\nถ้าไม่รวมช้างแล้ว แรดขาวเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยน้ำนมบนบกที่ใหญ่ที่สุด ความยาวตั้งแต่หัวถึงโคนหาง 3.6-5 เมตร ไหล่สูง 1.6-2 เมตร น้ำหนักปกติ 2.3-3.6 ตัน ผิวสีน้ำตาลอมเหลืองหรือสีเทา ผิวหนังทั่วตัวไม่มีขน ยกเว้นขนที่ปลายหูและขนหาง นอหน้ายาว 0.6 เมตร แต่บางตัวอาจยาวกว่า 1.50 เมตร แรดขาวริมฝีปากบนเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ไม่มีติ่งคล้ายงวง หูยาวกว่าแรดดำ และปลายหูแหลม หน้าผากลาดและมนกว่าแรดดำ หัวไหล่นูนเป็นก้อน ผิวหนังเป็นตุ่มนูนน้อยกว่าแรดดำ<br />\nพบทางใต้ของแอฟริกา ตั้งแต่ซูลูแลนด์ ถึงอุทยานแห่งชาติตรูเกอร์ซึ่งแรดขาวถูกนำไปเลี้ยงไว้ และยังพบได้ใน ซูดานภาคใต้ ยูกันดา และแถบใกล้ ๆ คองโก ประชากรแรดขาวลดจำนวนลงไปอย่างมากเช่นเดียวกับแรดพันธุ์อื่น แม้ว่าจะได้รับการคุ้มครองดีขึ้นก็ตาม กินหญ้าเป็นส่วนใหญ่ และกินพุ่มไม้เตี้ย ๆ มากกว่าใบไม้\n</p>\n<p>\nที่มาของข้อมูล <a href=\"http://www.moohin.com/animals/mammals-45.shtml\" title=\"http://www.moohin.com/animals/mammals-45.shtml\">http://www.moohin.com/animals/mammals-45.shtml</a></p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\">นกฟลามิงโก Greater Flamingo </span>\n<p><img src=\"/files/u11633/291x285-images-stories-greater-flamingo.jpg\" width=\"200\" height=\"196\" />\n</p></div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ <a href=\"http://pets.thaipetonline.com/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%81.html\" title=\"http://pets.thaipetonline.com/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B9%82%E0%B8%81.html\">http://pets.thaipetonline.com/%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8...</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff00ff\">ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Phoenicopterus rubber</span>\n</div>\n<p><span style=\"color: #ff0000\"><b>ลักษณะทั่วไป</b></span>\n</p></div>\n<div>\nฟลามิงโก (Flamingos) เป็นนกขนาดใหญ่ชนิดหนึ่ง ที่ชอบอาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูงเป็นจำนวนหลายพันตัว มีลักษณะพฤติกรรมพิเศษ คือชอบที่จะย้ายถิ่นฐานไปตามสถานที่ต่างๆ เช่น ตามทะสาบน้ำตื้น และปากแม่น้ำที่เชื่อมระหว่างน้ำเค็มกับน้ำจืดลักษณะทั่วไปของนกฟลามิงโก คือ มีขนาดประมาณ 80-145 ซม. น้ำหนักตัวประมาณ 2-3 กก. คอและขายาว จะงอยปากมีลักษณะเป็นตะของุ้มแข็งแรง และมีแนวของรูเรียงเป็นแถงที่จะงอยปากส่วนบน ที่ลิ้นจะมีตุ่มเล็กๆ ซึ่งมีลักษณะคล้ายฟันเรียงกันอยู่ ขนมีสีขาว ชมพู แดง และสีดำซึ่งแซมอยู่ตามปลายปีกและลำตัวเพียงเล็กน้อย ปีกสั้น และเท้ามีขนาดเล็ก นกชนิดนี้มีเสียงร้องเหมือนห่าน บินได้เร็ว เวลาบินจะยืดคอตรงออกไปข้างหน้าและเหยียดขาไปทางข้างหลังนกชนิดนี้ที่รู้จักกันดีมีอยู่ 2 พันธุ์ คือ greater flamingos (Phoenicopterus ruber) และ lesser flamingos (Phoeniconaias miner) ซึ่ง 2 ชนิดนี้ จะแตกต่างกันตรงที่สีและขนาดของลำตัวนั่นเองถิ่นที่อยู่อาศัยของนกฟลามิงโก กระจายไปทั่วทุกทวีป สำหรับ greater flamingos จะพบได้มากที่สุดที่ประเทศยูเรเซีย ทวีปแอฟริกา ทางตอนกลางและตอนใต้ของทวีปอเมริกา ส่วน lesser flamingos จะพบได้มากที่ทะเลสาบนาคุรุ (Nakuru) ในประเทศเคนยา (Kenya)\n</div>\n<p>\nนกฟลามิงโกชอบที่จะหากินอยู่ตามแหล่งน้ำเค็มหรือน้ำกร่อย เวลากินอาหารมันจะจุ่มปากของมันลงในน้ำ และพ่นน้ำหรือดินโคลนออกตามรูที่อยู่บนปากจะงอยส่วนบน เพื่อให้เหลือเพียงกากซึ่งประกอบด้วยพวกแพลงก์ตอน สาหร่าย ไรน้ำ และสารอาหารที่มองด้วยตาเปล่าไม่เห็น แล้วกลืนกินลงไปเป็นอาหาร<br />\nในการผสมพันธุ์มันจะเลือกคู่เพียงผัวเดียวเมียเดียวและสร้างรังตาม ทะเลสาบ ซึ่งรังของมันจะมีลักษณะเป็นถ้วยตื้นๆ ทำจากโคลนและเศษไม้รวมกัน มันจะวางไข่เพียง 1-2 ฟอง (ไข่มีสีขาว) ใช้เวลาฟักประมาณ 30 วัน หลังจากที่ฟักตัวออกมาแล้ว ลูกนกจะออกจากรังและมาอยู่รวมกันเป็นฝูงขนาดใหญ่ ลูกนกเหล่านี้ สามารถที่จะวิ่งและว่ายน้ำได้ดี เมื่อมีอายุเพียงไม่กี่วันเท่านั้น</p>\n<p>ที่มาของข้อมูล <a href=\"http://school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-483.html\" title=\"http://school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-483.html\">http://school.net.th/library/create-web/10000/science/10000-483.html</a>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><div align=\"center\">\n<span style=\"color: #008000\">หมูป่า Common Wild Pig(Wild Boar</span>)\n<p><img src=\"/files/u11633/9876_49809_0.jpg\" width=\"200\" height=\"150\" />\n</p></div>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<div align=\"center\">\nที่มาของรูปภาพ <a href=\"http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876\" title=\"http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876\">http://www.vacationzone.co.th/webboard/Question.asp?GID=9876</a>\n</div>\n<div align=\"center\">\n<span style=\"color: #008000\">ชื่อทางวิทยาศาสตร์: Sus scrofa</span>\n</div>\n<p>\n<b>ลักษณะทั่วไป</b><br />\nความยาวลำตัวประมาณ 135 - 150 เซนติเมตร หางยาวประมาณ 20 - 30 เซนติเมตร น้ำหนักประมาณ 75 - 200 กิโลกรัม รูปร่างเพรียว ขาเล็กเรียว กีบเล็ก หน้าแหลมเล็ก หูเล็ก ตาโตสีดำ จมูกอ่อนแต่แข็งแรงมากใช้ขุดค้นหาอาหาร ขนยาวหยาบแข็งสีน้ำตาลเข้ม หรือสีดำปนเทา มีขนยาวเป็นแผงบนสันคอและหลัง เป็นหมูขนาดกลางมีเขี้ยวยาวแหลมโง้งงอนขึ้นไปนอกปาก ลูกหมูป่าที่เกิดใหม่มีจุดและลายตามลำตัวคล้ายผลแตงไทย แต่เมื่อโตขึ้นลายนี้จะจางหายไป<br />\nพบในยุโรป เอเชีย แอฟริกาเหนือ อเมริกาเหนือ ประเทศไทยพบทุกภาคและมีมากในภาคใต้ <br />\nหมูป่าเป็นสัตว์ที่กินได้ทั้งพืชและเนื้อสัตว์ อาหารของมันได้แก่ พืชผักต่าง ๆ หน่อไม้ หญ้า ข้าวโพด ข้าวฟ่าง หัวเผือกมัน รากพืช แมลง ลูกไม้ป่า งู หนู ไส้เดือน ซากสัตว์เน่า ไข่และลูกนกที่ทำรังบนดิน จิ้งจก กบ เขียด ปลา ปู หอย เรียกว่ากินเกือบทุกชนิดที่กินได้ นอกจากนี้ยังจับหนูเก่งมาก<br />\nชอบอาศัยอยู่ตามป่าดิบแล้งและป่าเต็งรัง ที่ราบตามไหล่เขา ตามหนองน้ำ ชอบอยู่เป็นฝูง ออกหากินตอนเช้าหรือเย็น และตอนกลางคืน กลางวันมักหลบซ่อนพักผ่อนอยู่ตามพุ่มไม้ ปลักตม หรือลำธาร ในช่วงฤดูผสมพันธุ์ตัวผู้จะต่อสู้กันอย่างดุร้าย <br />\nหมูป่าผสมพันธุ์ได้ตลอดปี แต่จะผสมพันธุ์กันสูงสุดในช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคม เริ่มผสมพันธุ์ได้เมื่อมีอายุราว 8 - 10 เดือน ตั้งท้องนานประมาณ 101 - 130 วัน เฉลี่ยราว 115 วัน ปกติออกลูกครั้งละ 3 - 12 ตัว ลูกหย่านมเมื่ออายุ 3 - 4 เดือน มี อายุยืนประมาณ 10 - 20 ปี</p>\n<p>ที่มาของข้อมูล <a href=\"http://www.moohin.com/animals/mammals-83.shtml\" title=\"http://www.moohin.com/animals/mammals-83.shtml\">http://www.moohin.com/animals/mammals-83.shtml</a></p>\n<p>\n</p>\n<!--pagebreak--><!--pagebreak--><p></p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n', created = 1714463144, expire = 1714549544, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:c5477da356ed93c001b2cf73f425f03f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

ไดโคโตมัสคีย์

รูปภาพของ msw6632

 ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous)

คือ เครื่องมือในการแบ่งกลุ่มย่อยสิ่งมีชีวิต โดยเปรียบเทียบความแตกต่างทีละคู่ของโครงสร้างลักษณะหนึ่งหรือหลายลักษณะ การแบ่งสิ่งมีชีวิตทีละ2 กลุ่มทำให้พิจารณาได้ง่าย ไม่สับสน และสิ่งมีชีวิตแต่ละกลุ่มจะมีไดโคโตมัสคีย์ที่เหมาะสมเฉพาะ ใช้แยกกลุ่มย่อยของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆ

ที่มาของข้อมูล http://dit.dru.ac.th/biology/taxonomy.html

ไดโคโตมัสคีย์ (dichotomous)

1.ก.มีปีก............................................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)
1.ข.ไม่มีปีก.......................................................ดูข้อ 2

2.ก.มีเขี้ยวยาวแหลมโง้งงอน............................หมูป่า (Sus scrofa)


2.ข.มีเขี้ยวไม่ยาวแหลมโง้งงอน........................ดูข้อ 3

3.ก.เป็นสัตว์ปกที่ใหญ่ที่สุด..............................แรดขาว(Ceratotherium simum)
3.ข.ไม่เป็นสัตว์บก............................................ดูข้อ 4

4.ก.มีโหนกบนหลัง 2 โหนก............................อูฐแบกเทรียน (Camelus bactrianus)
4.ข.มีโหนกบนหลัง 1 โหนก.............................ดูข้อ 5

5.ก.มีขนสีเทา.....................................................หมีโคอาลา(Phascolarctos cinereus)
5.ข.มีขนสีดำ......................................................ดูข้อ 6

6.ก.ใช้จมูกขุดอาหาร..........................................หมูป่า (Sus scrofa)
6.ข.ใช้เท้าขุดอาหาร...........................................ดูข้อ 7

7.ก.มีขนเป็นแผง................................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)
7.ข.มีขนเป็นเส้น.................................................ดูข้อ 8

8.ก.มีนอ...............................................................แรดขาว(Ceratotherium simum)
8.ข.ไม่มีนอ..........................................................ดูข้อ 9

9.ก.ขนมีสีขาว ชมพู แดง.....................................นกฟลามิงโก (Phoenicopterus rubber)
9.ข.มีขนสีน้ำตาล ดำ............................................ดูข้อ 10

10.ก.มีขนยาวเป็นแผงบนสันคอ..........................หมูป่า (Sus scrofa)
10.ข.มีขนยาวเป็นแผงบนหลัง.............................หมูป่า (Sus scrofa)

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 356 คน กำลังออนไลน์