- งานเข้า จัดการให้แล้วเสร็จ ในวันที่ 9 ธ.ค. 2552 นะคะ ม.3/1

รูปภาพของ sasrungtip

- งานเข้า   จัดการให้แล้วเสร็จ ในวันที่ 9 ธ.ค. 2552 นะคะ   ม.3/1

ให้นักเรียนสืบค้นข้อมูล ขั้นตอนการจัดทำ.....ในสิ่งที่นักเรียนสนใจ โดยเข้าระบบ สร้างเนื้อหา บล็อก แล้วคัดลอกมาวาง อย่าลืมบอกที่มาข้อข้อมูลด้วย  แล้วส่ง node มาให้ครู ตรงแสดงความคิดว่า node ใด เช่น http://www.thaigoodview.com/node/48784

รูปภาพของ sas14045

สวัสดีค่ะคุณครู หนูอาจส่งงานช้านะค่ะเพราะไปงานแข่งวาดรูปกราฟฟิกส์มาค่ะ

นี้ค่ะงานที่จะส่งค่ะ

http://thaigoodview.com/node/48898

 

        ขอบคุณค่ะ

รูปภาพของ SAS14019

http://www.thaigoodview.com/node/53414 นี้ node ของพีรวิทย์ โฝดสูงเนิน เลขที่ 3 ม.3/1

รูปภาพของ sas14041

http://www.thaigoodview.com/node/53094

รูปภาพของ sas14040

สวัสดีค่ะ...คุงครูคนสวย...

คือ.งานอันที่แล้วไม่เอานะค่ะ..ยังไม่ทันได้จัดเลย..

http://www.horapa.com/images/stories/peacan_cake.jpg 

Mini Chocolate Peacan Cake

ส่วนผสม
เนยสด 150 กรัม
น้ำตาลทราย 230 กรัม
ช็อกโกแลตตุ๋น 150 กรัม
ไข่ไก่ 3 ฟอง
แป้งสาลีอเนกประสงค์ 150 กรัม
โกโก้ผง 30 กรัม
ผงฟู 1/2 ช้อนชา
พีแคนนัทอบสุกบดละเอียด 1/2 ถ้วย

วิธีทำ
1. ร่อนแป้งสาลี ผงฟูและโกโก้ผง เข้าด้วยกัน
2. ตีเนยสดกับน้ำตาลทรายด้วยความเร็วปานกลางจนขึ้นฟูเป็นสองเท่า ใส่ไข่ไก่ทีละฟองจนหมด ตี่อจนเข้ากันดี เติมช็อคโกแลตตุ๋นและแป้งที่ร่อนเตรียมไว้ ตะล่อมจนเข้ากัน
3. ผสมพีแคนนัทลงในเนื้อเค้ก เทลงถาดที่เนยขาวรองด้วยกระดาษไข นำเข้าอบอุณหภูมิ 350F ประมาณ 60 นาที พักขนมไว้จนเย็น
4. ตัดเค้กให้มีลักษณะเป็นวงกลม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 1 1/2 นิ้ว
5. ราดหน้าด้วยช็อคโกแลตกานาสจนทั่ว พักไว้จนแข็งตัว ตกแต่งด้วยพีแคนนัท

ส่วนผสมช็อคโกแลตนาส (ช็อคโกแลตตุ๋นสำหรับราดหน้าเค้ก)
ช็อคโกแลตสับ 200 กรัม
วิปปิ้งครีมสด 200 กรัม
เนยสด 50 กรัม

วิธีทำส่วนผสมช็อคโกแลตนาส (ช็อคโกแลตตุ๋นสำหรับราดหน้าเค้ก)
นำวิปปิ้งครีมตั้งไฟจนเดือด เทลงในช็อคโกแลตสับและเนยสดขณะร้อนๆ คนจนส่วนผสมละลายดี นำไปราดหน้าเค้กให้ทั่ว

ที่มา:http://www.horapa.com/content.php?Category=Bakery=468

 

พรกนก   พันธุ์ชาญ  เลขที่ 17 ม.3/1นะคะ

รูปภาพของ sas14105

การติดกระดุม

การติดกระดุม ในที่นี้จะกล่าวถึงวิธีติดกระดุม 2 ชนิดคือ

          กระดุมมีก้านคือกระดุมที่มีส่วนยื่นออกมาจากใต้เม็ดกระดุม เพื่อใช้เย็บติดกับเสื้อผ้า การติดกระดุมชนิดนี้ จะไม่มีเส้นด้ายเย็บปรากฏบนเม็ดกระดุม วิธีติดกระดุมมีก้านนิยมใช้เศษผ้ารองใต้ผ้า ให้ตรงตำแหน่ง ก้านต้องทำเครื่องหมาย ดึงด้ายเย็บจนตึง เพราะจะทำให้เสื้อย่น มีขั้นตอนการติดดังนี้
          1.วางกระดุมลงบนผ้าในตำแหน่งที่จะติดกระดุม สอดเข็มหมุดที่ห่วงก้านกระดุมเพื่อยึดไว้ชั่วคราว
          2. แทงเข็มขึ้นด้านบนสอดเข้าไปในห่วงกระดุม แทงเข็มลงให้ทะลุผ้าด้านล่าง ดึงด้ายให้ตึง เอาเข็มหมุดออก
          3.ทำแบบข้อ 2 ซ้ำประมาณ 3 – 4 ครั้ง พันก้านกระดุมด้วยด้าย 3 รอบ แทงเข็มลงใต้ชิ้นผ้าผูกปมให้แน่น ตัดด้ายออก

          กระดุมไม่มีก้าน คือกระดุมที่มีรู 2 รู หรือ 4 รู ปรากฏให้เห็นบนเม็ดกระดุม การเย็บกระดุมชนิดนี้ จะมองเห็นเส้นด้ายที่เย็บ วิธีการเย็บกระดุมไม่มีก้านถ้าเป็นกระดุม 2 รู ให้ขมวดปลายหนึ่งของด้ายเย็บให้เป็นปม ทำเช่นเดียวกับเย็บกระดุม 2 รู หรืออาจแทงเข็ม ให้เส้นด้ายด้านบนทแยงไขว้กันก็ได้ มีขั้นตอนการทำดังนี้
          1.กาเครื่องหมายตรงตำแหน่งที่ต้องการจะติดกระดุม
          2.ใช้ด้าย 2 ทบ ร้อยเข็ม เพื่อให้กระดุมแน่นหนาไม่หลุดลุ่ยง่าย ขมวดปลายด้ายทำปม ใช้เข็มแทงขึ้น ตรงบริเวณที่ทำเครื่องหมายไว้ถึงด้ายให้แน่น
          3.วางกระดุมลงตรงกลางแล้วสอดเข็มลอดรูกระดุม รั้งด้ายให้ตึง แทงขึ้นลงตามรูกระดุม กลับไป กลับมาหลายครั้งจนกระดุมแน่น
          4.สอดด้ายใต้กระดุมซ่อนปมอีกครั้งแล้วตัดด้ายออก

          กระดุมแป๊บ ทำด้วยโลหะผสม มีลักษณะต่างไปจากกระดุมธรรมดา คือประกอบด้วยฝาบน ซึ่งมีปุ่มนูนตรงกลาง และตัวรับซึ่งตรงกลางเป็นแอ่ง ต้องใช้คู่กันเสมอทำให้ประกบกันสนิท การติดกระดุมแป๊บ ถ้าเป็นผ้าบางควรจะมีผ้าชิ้นเล็ก ๆ รองข้างในตรงตำแหน่งที่เย็บกระดุมเพื่อความคงทน ส่วนใหญ่ใช้กับ เสื้อสตรีสำหรับยึดสาบเสื้อ หรือขอบแขนให้ติดกัน มีขั้นตอนการติดดังนี้
          1.วางกระดุมลงในตำแหน่งที่ต้องการ แป๊บตัวผู้วางบนสาบเสื้อชิ้นบน แป๊บตัวเมียวางบนสาบเสื้อชิ้นล่าง สนด้ายใส่เข็มขมวดปลายด้ายให้เป็นสองทบ
          2.แทงเข็มสอดขึ้นลงในรูกระดุมทีละรู รูละ 3 ครั้ง เมื่อจะเย็บรูต่อไปให้แทงเข็ม โดยซ่อนด้ายไว้ใต้ผ้า แล้วดึงเข็มขึ้น เมื่อเย็บครบ 4 รู้จึงผูกปมด้าย ทั้งแป๊บตัวผู้และตัวเมียมีวิธีการเย็บเหมือนกัน

ที่มา:http://th.88db.com/th/Knowledge/Knowledge_Detail.page/Home_Service/?kid=2561

สืบค้นโดย:เด็กชาย ทศพล ป้องสีดา ชั้นม.3/1 เลขที่ 6

รูปภาพของ sas14074

วัสดุ ในการทำ “ตุ๊กตาไม้ล้มลุก” หลัก ๆ ประกอบด้วย

  1. ไม้สนที่กลึงเป็นรูปทรงแล้ว
  2. เส้นเอ็น (ที่ใช้ในการตกปลา)
  3. สปริง
  4. ด้ายสี
  5. ไหมพรมสีต่าง ๆ
  6. สีสำหรับเพนท์
  7. แล็คเกอร์สำหรับเคลือบ

วิธีทำตุ๊กตาล้มลุก เริ่มจาก ร้อย รูปทรงไม้ที่ต้องการให้เป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ โดยร้อยเข้าไปในเส้นเอ็นให้เข้ารูป, นำเอ็นที่ร้อยเป็นรูปสัตว์มาเชื่อมกับฐานที่วางตัวสัตว์โดยผูกกับสปริงข้าง ใน ฐานด้านล่าง, ลงสีเพนท์ ตกแต่ง ให้สวยงามตามใจชอบ, เคลือบด้วยแล็คเกอร์อีกครั้ง แล้วตกแต่งด้วยไหมพรมและด้ายสีเพื่อความสวยงาม

วัสดุในการทำ “ตุ๊กตาไม้โยโย่” หลัก ๆ ประกอบด้วย

  1. ไม้สนที่กลึงเป็นรูปทรงแล้ว
  2. เชือกป่าน เชือกผ้า เชือกถัก
  3. ใบพัดตกแต่ง
  4. กาว
  5. ลวดสปริง
  6. สีสำหรับเพนท์
  7. แล็คเกอร์สำหรับเคลือบ

วิธีทำตุ๊กตาไม้โยโย่ เริ่มจาก นำท่อนไม้สนมากลึงให้เป็นรูปทรงต่าง ๆ (ทรงกลม ทรงรี ทรงเหลี่ยม), ไม้สนที่กลึงได้นั้นจะเป็นชิ้นส่วนของหัว ลำตัว มือ รองเท้า, เจาะรูที่ลำตัวสองด้าน ๆ ละ 2 รู เพื่ออัดกาว สอดเชือก ทำเป็นแขนและขา, นำชิ้นส่วนต่าง ๆ มาประกอบโดยทากาวเข้ารูปร่าง, เพนท์สีตามต้องการ, ทาแล็คเกอร์ทับเพื่อความเงางาม, เจาะรูที่หัวเพื่อร้อยสปริงให้ยืดหยุ่น และแขวนได้

ฉัตรธิดาอธิบายเพิ่มเติมว่า วิธีทำเริ่มจากการกลึงไม้ให้เป็นรูปทรงกลม ทรงรี แล้วนำชิ้นส่วนมาต่อกัน จากนั้นจะเจาะรูเพื่อสอดเชือกให้ดูเป็น แขนขา ซึ่งที่มีวัสดุเชือกเพิ่มขึ้นมาก็เพราะทำให้ตุ๊กตาดูอ่อนช้อยมากขึ้น ดูมีชีวิตชีวาขึ้น และมีสปริงแขวนให้ดูยืดหยุ่น โดยชิ้นส่วนต่อตัวหนึ่งก็จะมีไม้กลึง 3-5 ชิ้น คือส่วนเท้า มือ หัว ตัว คอ และเจาะรูทำสลักในการเชื่อมต่อกัน แล้วใช้กาวติด

“เราจะเน้น หนักไปที่เรื่องของการเพนท์ การลงสี สีนั้นจะใช้เป็นสีน้ำทาไม้ธรรมดาทั่วไป อุปกรณ์ก็จะหาได้ง่ายไม่ยุ่งยาก แต่จะมีรายละเอียดค่อนข้างเยอะ”

ตุ๊กตาไม้โยโย่ ล้มลุก

สำหรับ “ตุ๊กตาโยโย่” นั้น เป็นแบบใหม่ ทำขายเพราะสามารถสร้าง รอยยิ้มและเสียงหัวเราะได้เมื่อใครต่อใครพบเห็น ดูตลก น่ารักดี มันดูอิสระ เหมือนปลดปล่อย

ส่วน “ตุ๊กตาล้มลุก” จะมีเอ็นที่ใช้ตกปลา มาร้อยเป็นรูปร่างได้ และมีสปริงติดอยู่ที่ฐานข้างใต้ พอกดแล้วตุ๊กตามันก็จะล้มลง พอปล่อยสปริงด้านล่างก็จะยืดตรงตั้งขึ้นเหมือนเดิม

ตุ๊กตาไม้ล้มลุก และตุ๊กตาไม้โยโย่ มีประโยชน์ใช้สอยมากกว่าแค่ของเล่น ราคาก็ไม่แพงมาก เหมาะที่จะเป็นของฝาก ของขวัญ ของที่ระลึก ในเทศกาล หรือให้ในโอกาสพิเศษต่าง ๆ

 http://www.xn--l3c0abdc5b1cu9hrb6c.net/%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b9%8c/%e0%b8%95%e0%b8%b8%e0%b9%8a%e0%b8%81%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b9%84%e0%b8%a1%e0%b9%89%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b9%82%e0%b8%a2%e0%b9%88-%e0%b8%a5%e0%b9%89%e0%b8%a1%e0%b8%a5%e0%b8%b8%e0%b8%81/#more-220

เด็กหญิงกนกอร  พรมปิด  เลขที่30 ม.3/1

รูปภาพของ sas14038

สวัสดีตอนกลางคืนค่ะ^^

รูปภาพของ sas14034

วิธีการทำสบู่

มีวิธีทำสบู่มาบอก เผื่อคัยจะเอาไปทำงานหรือเอาไปลองทำดูก้อได้นะคับบบ

เป็นที่ทราบกันดีว่าสบู่ช่วยรักษาความสะอาดให้ร่างกาย และสิ่ง อื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี ความสะอาดช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโรค การทำสบู่ใช้เองภายในบ้านสามารถทำได้โดยอาศัยส่วนประกอบที่สำคัญคือ ไขมันและน้ำด่าง

 

 

วิธีการทำสบู่ มีอยู่ 2 วิธีคือ

 

 

วิธีที่ 1 ใช้น้ำด่างสำเร็จรูปในท้องตลาด หากสามารถหาซื้อน้ำด่าง สำเร็จรูปได้ง่ายในท้องตลาด

 

 

วิธีที่ 2 ใช้น้ำด่างจากการชะล้างขี้เถ้า วิธีนี้ได้แบบอย่างมาจากผู้อพยพไปตั้งถิ่นฐานในทวีปอเมริกาเหนือรุ่นแรก ๆ

 

 

ส่วนผสมของสบู่

 

 

1. ไขมันและน้ำมัน อาจเป็นไขมันสัตว์หรือน้ำมันพืชก็ได้ แต่น้ำมันจากแร่ธาตุใช้ไม่ได้ ไขมันสัตว์ เช่น ไขวัว กระบือ น้ำมันหมู ฯลฯ ไขมัน พืช เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก ข้าวโพด เมล็ดฝ้าย ถั่วเหลือง ถั่วลิสง และน้ำมันละหุ่ง ฯลฯ

 

 

2. น้ำด่าง น้ำด่างสำเร็จรูปที่ขายในท้องตลาดเรียกว่า โซดาไฟ หรือผลึกโซดา หรือผลึกโซเดียมไฮดรอกไซด์ ราคาถูกมีขายทั่วไป หรือน้ำ ด่างที่ได้จากการชะล้างขี้เถ้าเรียกว่า โพแทช

 

 

3. บอแร็กซ์ สารบอแร็กซ์นี้ไม่จำเป็นต้องใช้ก็ได้ แต่สารนี้ช่วยให้ สบู่มีสีสันสวยงามและทำให้เกิดฟองมาก มีจำหน่ายตามร้านขายยา หรือร้านขายของชำ มีชื่อเรียกว่า ผงกรอบ หรือผงนิ่ม ส่วนใหญ่บรรจุในถุง พลาสติก

 

 

4. น้ำหอม น้ำหอมก็ไม่จำเป็นต้องใช้เช่นกัน แต่ถ้าใช้จะทำให้สบู่ มีกลิ่นดีขึ้น ถ้าไขมันที่ใช้ทำสบู่นั้นเหม็นอับ ใช้น้ำมะนาวหรือน้ำมะกรูดผสม จะช่วยให้กลิ่นหอมยิ่งขึ้นและไม่เน่า

 

 

5. น้ำ น้ำที่ใช้ทำสบู่ได้ดีต้องเป็นน้ำอ่อน ถ้าเป็นน้ำกระด้างจะทำ ให้สบู่ไม่เกิดฟอง จึงขจัดความสกปรกไม่ได้ ควรทำให้น้ำนั้นหายกระด้าง เสียก่อน โดยเติมด่างประมาณ 1 ช้อนโต๊ะ (15 มิลลิลิตร) ต่อน้ำกระด้าง 1 แกลลอน (3.8 ลิตร) คนให้เข้ากัน ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 3-4 วัน จึงเท เอาส่วนบนออกมา ส่วนน้ำและตะกอนที่ก้นภาชนะเททิ้งไปได้ น้ำที่เหมาะ ในการทำสบู่มากที่สุดคือน้ำฝน

 

 

การทำสบู่จากน้ำด่างสำเร็จรูปในท้องตลาด
อุปกรณ์

 

 

- ถ้วย ถังหรือหม้อที่ทำด้วยเหล็กหรือหม้อดินก็ได้ แต่ อย่าใช้หม้ออะลูมิเนียม เพราะด่างจะกัด

 

 

- ถ้วยตวงที่ทำด้วยแก้วหรือกระเบื้องเคลือบ

 

 

- ช้อนกระเบื้องเคลือบหรือช้อนไม้ และใบพายหรือกิ่งไม้ ขนาดเล็กสำหรับคน

 

 

- แบบพิมพ์สบู่อาจจะทำด้วยแผ่นไม้หรือกระดาษแข็งก็ ได้ ขนาดของแบบพิมพ์จะใช้กว้างหรือยาวตามต้อง การ แต่ส่วนลึกควรจะเป็น 2-3 นิ้ว ดีที่สุด

 

 

- ผ้าฝ้ายหรือกระดาษมันสำหรับรองรับสบู่ในแบบพิมพ์ โดยตัดผ้าหรือกระดาษออกเป็น 2 ชิ้น ชิ้นหนึ่งกว้าง กว่าเล็กน้อย อีกชิ้นหนึ่งยาวกว่าแบบเล็กน้อย ใช้ สำหรับช่วยยกสบู่ออกจากแบบพิมพ์ง่ายขึ้น

อัตราส่วนของส่วนผสมที่ใช้ในการทำสบู่ได้ประมาณ 4 กิโลกรัม

 

 

น้ำมันหรือไขแข็งสะอาด

 

 

3 ลิตร หรือ 2.75 กก.

 

 

บอแร็กซ์

 

 

57 มิลลิลิตร (1/4 ถ้วย)

 

 

ผลึกโซดาหรือน้ำด่าง

 

 

370 กรัม

 

 

น้ำ

 

 

1.2 ลิตร

 

 

น้ำหอม (เลือกกลิ่นตามต้องการ)

 

 

1-4 ช้อนชา

 

 

ขั้นตอนในการทำสบู่

 

 

1. เตรียมไขมัน ถ้าไขมันไม่สะอาด ควรทำให้สะอาดเสียก่อน โดยเอาไปต้มกับน้ำในปริมาณที่เท่ากันในกาต้มน้ำ เมื่อเดือดแล้วเทส่วน ผสมผ่านผ้าบาง ๆ หรือตะแกรงสำหรับกรองลงในภาชนะที่เตรียมไว้ แล้วเติมน้ำเย็นลงไป 1 ส่วนต่อส่วนผสม 4 ส่วน ปล่อยทิ้งไว้ให้เย็นโดยไม่ ต้องคน ถ้าจะให้สะอาดยิ่งขึ้นควรใส่มันเทศที่หั่นเป็นแว่นลงไปก่อน ที่จะต้มส่วนผสม

 

 

2. เตรียมน้ำด่างผสม ทำได้โดย ตวงน้ำตามปริมาณที่ต้องการ แล้วค่อย ๆ เติมด่าง (ผลึก โซดา) ที่จะใช้ลงไปในน้ำ ไม่ควรเติมน้ำลงไปในด่าง เพราะจะเกิดความร้อน และกระเด็นทำให้เปรอะเปื้อนได้ แล้วปล่อยให้น้ำด่างผสมนี้เย็นลงจนปกติ

 

 

3. ค่อย ๆ เติมน้ำด่างผสมนี้ลงไปในไขมันที่ละลายแล้วในข้อ 1 ขณะที่เติมนี้ต้องคนส่วนผสมทั้งหมดนี้อย่างช้า ๆ และสม่ำเสมอในทิศทาง เดียวกัน จนกว่าส่วนผสมจะข้นตามปกติ ใช้เวลาประมาณ 30 นาที ช่วงนี้ เติมน้ำหอมที่เตรียมไว้ลงไปได้ หลังจากนั้นปล่อยไว้ 15-20 นาที จึงค่อย คนหนึ่งครั้ง ทิ้งไว้ 2-3 ชั่วโมง เมื่อส่วนผสมเหนียวดีแล้วจึงเทลงในแบบ พิมพ์ ซึ่งมีผ้าหรือกระดาษมันรองอยู่

 

 

4. หาฝาครอบแบบพิมพ์ แล้วทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ไม่ควรมีการ เคลื่อนย้ายหรือถูกกระทบกระเทือน สบู่จะยึดกันแน่นสามารถเอาออกจาก แบบพิมพ์ได้

 

 

5. เมื่อสบู่แข็งตัวดีแล้ว นำออกจากแบบพิมพ์ แล้วใช้เส้นลวดหรือ เส้นเชือกตัดสบู่ออกเป็นชิ้น ๆ ตามขนาดที่ต้องการ แล้วนำไปวางเรียงไว้ให้ อยู่ในลักษณะที่ลมพัดผ่านได้ทั่วถึงในบริเวณที่อุ่นและแห้ง ปล่อยไว้ 2-4 สัปดาห์ ก็นำไปใช้ได้

การทดสอบว่าสบู่จะดีหรือไม่

 

 

- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สีขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็นแผ่นโค้ง ๆ ได้

 

 

- ไม่มันหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใช้ลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก
การปรับปรุงสบู่ให้ดีขึ้น

 

 

ถ้าสบู่ที่ผ่านขั้นตอนตามเวลาที่ทำทุกช่วงแล้ว แต่ยังมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แข็งตัวหรือแยกกันอยู่ หรือไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้

 

 

- ตัดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมทั้งเทส่วนที่เป็นของเหลวที่เหลืออยู่ในแบบพิมพ์ลงไปด้วย

 

 

- นำไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปในส่วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถ้ายังไม่ได้เติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อยไว้ 2 อัน แล้วดำเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว

 

 

การทำสบู่จากน้ำด่างที่ได้จากขี้เถ้า

 

 

เริ่มต้นด้วยการทำน้ำด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า
อุปกรณ์

 

 

1. เครื่องมือสำหรับการชะล้างน้ำด่าง ประกอบด้วยก้อนหิน ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน

 

 

- แผ่นหินราบมีร่องน้ำให้ไหลได้

 

 

- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรูติดอยู่ก้นถัง

 

 

- ภาชนะรองน้ำด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะน้ำด่างจะกัด

 

 

- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง

 

 

- ขี้เถ้า 19 ลิตร ซึ่งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทำน้ำด่างได้ดีที่สุด สำหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทำให้สบู่แข็งตัวได้ดี

 

 

- น้ำอ่อนปริมาณ 7.6 ลิตร

 

 

2. วิธีการชะล้างขี้เถ้าทำน้ำด่าง

 

 

- ตั้งอุปกรณ์ดังแสดงในรูป โดยที่ก้นของถังทำเป็นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 กิ่ง เรียงเป็นแถว แล้วเอาฟางวางลงบนกิ่ง

 

 

- ใส่ขี้เถ้าลงในถัง แล้วเทน้ำอุ่นลงในถังเพื่อให้ขี้เถ้าเปียก และเหนียว เกลี่ยให้เกิดหลุมตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทน้ำส่วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ำซึมแล้วเติมน้ำอีก น้ำด่างสีน้ำตาลจะไหลลงสู่ส่วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. น้ำด่างที่ได้จะมีปริมาณ 1.8 ลิตร ถ้าน้ำด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรือมันฝรั่งใส่ลงไป ไข่หรือมัน จะลอยได้ หรือถ้าจุ่มขนไก่ลงไป น้ำด่างจะเกาะติดแต่ไม่กัดขนไก่ให้หลุด ถ้าน้ำด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรือเคี่ยวให้ข้นด้วยการต้ม

 

 

- ส่วนการทำสบู่ในขั้นต่อไปนั้นดำเนินการเช่นเดียวกันกับ วิธีแรก

 

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำด่าง

 

 

น้ำด่างนี้เป็นพิษเพราะกัดผิวหนังและทำให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรีบล้างทันทีด้วยน้ำเปล่า แล้วล้างด้วย น้ำส้มอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ถ้ากลืนน้ำด่างลงไป ให้รีบดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควรเก็บน้ำด่างให้พ้นมือเด็ก

 

 


หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่สนใจนะคับ

 

 

 

การทดสอบว่าสบู่จะดีหรือไม่

 

 

- สบู่ที่ดีควรจะแข็ง สีขาว สะอาด กลิ่นดีและไม่มีรส สามารถขูด เนื้อสบู่ออกเป็นแผ่นโค้ง ๆ ได้

 

 

- ไม่มันหรือลื่นจนเกินไป เมื่อใช้ลิ้นแตะดูไม่หยาบหรือสาก
การปรับปรุงสบู่ให้ดีขึ้น

 

 

ถ้าสบู่ที่ผ่านขั้นตอนตามเวลาที่ทำทุกช่วงแล้ว แต่ยังมีส่วนผสมบาง ส่วนไม่แข็งตัวหรือแยกกันอยู่ หรือไม่ดีเพราะสาเหตุใดก็ตาม อาจแก้ไขให้ดี ขึ้นดังนี้

 

 

- ตัดสบู่ออกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ใส่ลงในหม้อที่มีน้ำบรรจุอยู่ 2.8 ลิตร พร้อมทั้งเทส่วนที่เป็นของเหลวที่เหลืออยู่ในแบบพิมพ์ลงไปด้วย

 

 

- นำไปต้มนานประมาณ10 นาที อาจเติมน้ำมะนาวหรือน้ำมัน อื่น ๆ ที่มีกลิ่นหอมลงไปในส่วนผสมประมาณ 2 ช้อนชา (ถ้ายังไม่ได้เติม)ต่อจากนั้นจึงเทส่วนผสมลงในแบบพิมพ์ใหม่อีกครั้งหนึ่ง ปล่อยไว้ 2 อัน แล้วดำเนินการตามที่กล่าวมาแล้ว

 

 

การทำสบู่จากน้ำด่างที่ได้จากขี้เถ้า

 

 

เริ่มต้นด้วยการทำน้ำด่างขึ้นเองจากขี้เถ้า
อุปกรณ์

 

 

1. เครื่องมือสำหรับการชะล้างน้ำด่าง ประกอบด้วยก้อนหิน ขนาดย่อม ๆ หลายก้อน

 

 

- แผ่นหินราบมีร่องน้ำให้ไหลได้

 

 

- ถังไม้ขนาดจุ 19 ลิตร มีรูเล็ก ๆ หลายรูติดอยู่ก้นถัง

 

 

- ภาชนะรองน้ำด่าง ไม่ควรใช้ภาชนะที่ทำด้วยอะลูมิเนียม เพราะน้ำด่างจะกัด

 

 

- กิ่งไม้เล็ก ๆ และฟาง

 

 

- ขี้เถ้า 19 ลิตร ซึ่งได้จากการเผาไหม้ทุกชนิด ขี้เถ้าจาก ไม้เนื้อแข็งจะใช้ทำน้ำด่างได้ดีที่สุด สำหรับชนบทแถบ ชายทะเล ขี้เถ้าจากการเผาสาหร่ายทะเลใช้ได้ดีมาก เพราะมีธาตุโซเดียมทำให้สบู่แข็งตัวได้ดี

 

 

- น้ำอ่อนปริมาณ 7.6 ลิตร

 

 

2. วิธีการชะล้างขี้เถ้าทำน้ำด่าง

 

 

- ตั้งอุปกรณ์ดังแสดงในรูป โดยที่ก้นของถังทำเป็นที่กรอง ขี้เถ้า ใช้กิ่งไม้ไข้วกัน 2 กิ่ง เรียงเป็นแถว แล้วเอาฟางวางลงบนกิ่ง

 

 

- ใส่ขี้เถ้าลงในถัง แล้วเทน้ำอุ่นลงในถังเพื่อให้ขี้เถ้าเปียก และเหนียว เกลี่ยให้เกิดหลุมตรงกลาง แล้วค่อย ๆ เทน้ำส่วนที่เหลือลงใน หลุมนั้น ปล่อยให้น้ำซึมแล้วเติมน้ำอีก น้ำด่างสีน้ำตาลจะไหลลงสู่ส่วนล่าง ของถัง นานประมาณ 1 ชม. น้ำด่างที่ได้จะมีปริมาณ 1.8 ลิตร ถ้าน้ำด่างที่ มีความเข้มข้นดีแล้ว ทดสอบได้โดยเอาไข่ไก่หรือมันฝรั่งใส่ลงไป ไข่หรือมัน จะลอยได้ หรือถ้าจุ่มขนไก่ลงไป น้ำด่างจะเกาะติดแต่ไม่กัดขนไก่ให้หลุด ถ้าน้ำด่างอ่อนไป ควรเทกลับคืนถังอีกครั้ง หรือเคี่ยวให้ข้นด้วยการต้ม

 

 

- ส่วนการทำสบู่ในขั้นต่อไปนั้นดำเนินการเช่นเดียวกันกับ วิธีแรก

 

 

ข้อควรระวังในการใช้น้ำด่าง

 

 

น้ำด่างนี้เป็นพิษเพราะกัดผิวหนังและทำให้เกิดแผลร้ายแรงได้ ฉะนั้น ไม่ควรให้ถูกผิวหนัง ถ้าถูกต้องรีบล้างทันทีด้วยน้ำเปล่า แล้วล้างด้วย น้ำส้มอีกครั้งหนึ่ง

 

 

ถ้ากลืนน้ำด่างลงไป ให้รีบดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาวหรือมะกรูดตามลงไป ให้มาก ๆ แล้วรีบไปพบแพทย์ ดังนั้นควรเก็บน้ำด่างให้พ้นมือเด็ก

 

 


ที่มา...http://dek-d.com/board/view.php?id=603522

รูปภาพของ sas14037

sas14037

การทำเทียนหอมกันยุง

วัสดุที่เราใช้ในการทำเทียน

  1. พาราฟินแวกซ์ มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58?c - 62?c
  2. โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2–10 เปอร์เซนต์
  3. สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน 1/2 กก.
  4. ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก
  5. ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น
  6. สีผสมเทียน
  7. น้ำมันตะไคร้หอม

เรื่องของวัสดุในการทำเทียนหอมกันยุงผมได้แจงรายละเอียดไว้เผื่อสำหรับในการทำเทียนแบบสวยงามด้วยเลย จึงดูค่อนข้างจะมีส่วนประกอบมาก ลองทำดูก็แล้วกันครับมีไอเดียอะไรในเรื่องของรูปแบบหน้าตาก็ดัดแปลงได้ไม่ผิดกติกา วัสดุหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนโดยเฉพาะร้านใหญ่ๆจะมีขายส่วนอุปกรณ์หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป บางรายการเช่นแบบพิมพ์ขนมรูปต่างๆมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนม

วิธีทำ

  1. นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว
  2. ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม
  3. ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก.
  4. หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรืออาจหยอดใส่ถ้วยแก้วเล็กๆก็ได้
  5. นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย

ที่มา...http://www.รายได้เสริม.net/%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%99%e0%b8%9b%e0%b8%a3%e0%b8%b0%e0%b8%94%e0%b8%b4%e0%b8%a9%e0%b8%90%e0%b9%8c/%e0%b8%81%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b8%97%e0%b8%b3%e0%b9%80%e0%b8%97%e0%b8%b5%e0%b8%a2%e0%b8%99%e0%b8%ab%e0%b8%ad%e0%b8%a1%e0%b8%81%e0%b8%b1%e0%b8%99%e0%b8%a2%e0%b8%b8%e0%b8%87/#more-71

 

 

รูปภาพของ sas14076

ข้อมูลจากwww.blonggang.comนะค่ะ

อันที่ส่งอันแรกไม่ต้องอ่านนะค่ะส่งผิด

ไม่ทันอ่านว่าเป็นการจัดทำในสิ่งที่นักเรียนสนใจ

อ่านแต่สิ่งที่นักเรียนสนใจอย่างเดียว555+

การทำกรอบรูปเองนี้นอกจากจะเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ นำเศษวัสดุเหลือใช้มาใช้ให้เกิดประโยชน์ ยังช่วยขจัดปัญหาที่น่ารำคาญของกรอบรูปที่ทำจากแก้วด้วย คือ กรอบรูปมันมักจะตกมาแล้วแตกใช่มั้ยละครับ แต่กรอบรูปของผมไม่มีแตกไม่มีหักครับ ทำตกได้ทุกเมื่อเลย

<>

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1.ลังกระดาษ
2.โบร์ชัว หรือแผ่นพับโฆษณาที่ไม่ได้ใช้แล้ว
3.กระดาษใส(ในที่นี้ผมใช้ปกหนังสือ)
4.คัตเตอร์
5.กรรไกร
6.สกอตเทปใส
7.รูปภาพสำหรับตกแต่งกรอบรูป(ผมใช้ตัวการ์ฟิลด์นะ)
8.ไม้ทรรท้ด

ขั้นตอนวิธีการทำ

1.นำลังกระดาษมาตัดให้ได้ขนาด 16.5 x 11 เซนติเมตร จำนวน 2 แผ่น โดยแผ่นนึงจะใช้ทำเป็นกรอบด้านหลัง ส่วนอีกแ่ผ่นจะใช้ทำเป็นกรอบด้านนอก

2.นำกระดาษแผ่นหนึ่งที่ตัดได้มาเขียนสี่เหลี่ยมผืนผ้ารูปที่สองด้านใน โดยอยู่ลึกเข้าไปด้านละครึ่งนิ้ว

3.ตัดกระดาษรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้วาดเอาไว้ออก จะได้กระดาษสำหรับทำเป็นกรอบรูปด้านนอก

4.นำลังกระดาษสำหรับทำกรอบรูปด้านนอกที่ได้ตัดไว้ มาแบ่งครึ่งตามแนวขวาง อย่างละเท่าๆักัน (นำมาแยกออกจากกันเพื่อให้ใส่กระดาษใสได้)

5.นำแผ่นโบร์ชัว หรือแผ่นพับโฆษณา ล้อมทับกระดาษสำหรับใช้ทำเป็นกรอบด้านหลัง ใช้สกอตเทบใสปิดทับให้แน่น

6.ทำเช่นเดียวกันกับแผ่นลังกระดาษสองแผ่นที่เหลือ โดยเวลาตัดแผ่นพับสำหรับล้อมให้ทำตามรูป

โดยตัดกระดาษตามแนวเส้นสีแดง พับทบมุม ตัดส่วนที่เกินออก

7.ตัดกระดาษใส ขนาด 16.5 x 11 cm. นำไปแปะกับแผ่นลังกระดาษสำหรับทำกรอบด้านนอกแผ่นหนึ่ง จากนั้นนำกระดาษสำหรับทำลังกระดาษด้านนอกทั้งสอนแผ่นมาติดเข้าด้วยกัน ยึดด้วยสกอตเทปใส

8.ตัดแผ่นพับ สำหรับนำมาหุ้มลังกระดาษทั้งสองส่วน(กรอบด้านหลัง และ กรอบด้านนอก) โดยตัดกระดาษดังนี้

 

9.นำลังกระดาษทั้งสองส่วนมาทับเข้าด้วยกัน จากนั้นนำแผ่นพับที่ตัดได้มาหุ้มแผ่นลังกระดาษทั้งสอง โดยเหลือส่วนด้านซ้ายไว้สำหรับใส่รูป พับแผ่นกระดาษเข้ามุมให้เรียบร้อย ยึดด้วยสกอตเทปใส

10.ตัดส่วนด้านซ้ายสำหรับใส่รูปเป็นครึุ่งวงกลมบริเวณตรงกลาง สำหรับให้นิ้วแหย่เข้าไปได้

11.สำหรับการสร้างฐานรองสำหรับกรอบรูป ให้ตัดลังกระดาษเป็นรูปสี่เหลี่ยผืนผ้า ขนาด 13.5 x 7 cm

12.ตัดแผ่นพับมาหุ้มลังกระดาษสำหรับฐานรองกรอบรูป

13.นำฐานรองกรอบรูปที่ได้มาติดกับตัวกรอบรูป ยึดกันด้วยสกอตเทปใส

14.นำรูปภาพสำหรับตกแต่งมาติดกับกรอบรูป เป็นอันเสร็จสิ้น

 

 

 

 

หลังจากที่เราทำความรู้จักกับอุปกรณ์ในการทำตุ๊กตาถักไหมพรมมาพอแล้วนะคะ เราก็จะมาเรียนรู้กระบวนการทำตุ๊กตาถักไหมพรมต่อค่ะ  ภาค 2 นี้เป็นการเรียนรู้โค้ดและวิธีถักตุ๊กตาไหมพรมค่ะ การอ่านโค้ดและวิธีถักนั้นก็ไม่ยากอย่างที่คิดเหมือนกันต้องลองฝึกหัดทำบ่อยๆนะคะจะได้ชินและคุ้นเคยมากขึ้น ขอย้ำต้องฝึกลองทำไปด้วยดูไปด้วยค่ะ ถึงจะเข้าใจมากขึ้น เพื่อไม่ให้เสียเวลาเราไปดูกันดีกว่าว่ามีโค้ดอะไรบ้าง

การถักโซ่ เป็นพื้นฐานการถักโครเชต์ค่ะ

การถัก x เป็นการเพิ่มชิ้นงานให้สูงขึ้น

การถัก v  คือการเพิ่มห่วงโดยทำ x 2 รอบในห่วงโซ่เดียวกัน

การถัก A คือการลดห่วง โดยทำ 2 ห่วงโซ่ ให้เหลือ 1 ห่วงโซ่ (ทำ 2X ให้เป็น 1X)

     โดยส่วนใหญ่การทำตุ๊กตาถักนั้นจะเริ่มจากการทำก้นหอยก่อนค่ะ การทำก้นหอยมีวิธีดังนี้

1  นำเส้นไหมมาพันนิ้ว แล้วดึงให้เป็นห่วงตามรูปจากนั้นก็นำเข็มโครเชต์สอดเข้าไปภายในห่วง(รู) แล้วก็ควักเอาเส้นไหมออกมาได้ 1 ห่วง แล้วก็ดึงไหมพรมออกมาอีกครั้ง แต่ลอดออกห่วงที่เราดึงออกมาครั้งแรก ตามรูปค่ะ

2. ทำโซ่ 1 ห่วง แล้วใช้เข็มดึงไหมออกมาตรงรูห่วงโซ่  จากนั้นเราก็ใช้เข็มควักเข้าไปในไหมห่วงใหญ่แล้วดึงไหมออกมา ได้ห่วงเล็กแล้วก็ควักไหมสอดเข้ามาในห่วงทั้ง 2 ค่ะ อธิบายลำบากจัง ก็เหมือนทำ x ค่ะแต่เราจะสอดเข้าไปในห่วงใหญ่เท่านั้นเอง ถ้าผังลายให้ทำ 6x ก็ต้องทำ x 6 ครั้ง โดยสอดเข้าไปในห่วงใหญ่ห่วงเดียวค่ะ ไปดูรูปดีกว่า อาจจะเข้าใจมากกว่า

 3. จากนั้นเราจะต้องปิดงานค่ะ การปิดงานนั้นเราจะสอดเข็มเข้าไปในห่วงโซ่ที่เราทำไว้ (จำได้ไหมค่ะว่าเราถักโซ่ขึ้นมาก่อน 1 ห่วง ก่อนที่จะเริ่มทำ x อ่ะค่ะ) แล้วก็ดึงไหมออกมาโดยลอดห่วงโซ่ และลอดห่วงที่เราทำ x เอาไว้ ดูตามรูป น่าจะเข้าใจมากกว่านะค่ะ 

 

      เค้กช็อกโกแลต
ส่วนผสม
แป้งเค็ก 330 กรัม
แป้งซอฟท์เค้ก 20 กรัม
ผงโกโก้ 50 กรัม
ผงโซดาฯ 1/2 ชต.
น้ำตาลไอซิ่ง 500 กรัม
เนยสด 450 กรัม
EC-25 25 กรัม
ไข่ไก่ 9 ฟอง
นมข้นจืด 100 กรัม
ทำเค้กปอนด์ได้ 5 อันครับ
วิธีทำ
1.ร่อนแป้งเค้ก+แป้งซอฟท์เค้ก+โซดาฯ แล้วนำไปเคล้ากับผงโกโก้ให้เข้ากัน แล้วนำไปร่อนต่อ อีก 2 ครั้ง
เพื่อไม่ให้ผงโกโก้เป็นเม็ดทานแล้วไม่อร่อย
2.ตีเนย+EC-25+นำตาลไอซิ่ง จนขึ้นฟู
3.หยุดเครื่องใส่นม +ไข่+แป้ง ตีด้วยความเร็วต่ำเดี๊ยวแป้งฟุ้งพอเข้ากัน ปรับความเร็วตีจนส่วนผสมเข้ากันเป็นเนื่อเดี๊ยวกัน พอเข้ากันเปลี่ยนเป็นความเร็วต่ำสุดเพื่อตัดฟองอากาศ
4.ตักใส่แม่พิมพ์เค็กปอนด์ที่รองกระดาษไขและทาเนย ได้ประมาณ 5 อันประมาณอันละ 450 กรัม
5.นำอบไฟประมาณ 400 ฟ ประมาณ 45 นาที หรือจนสุก

http://www.horapa.com/webboard/show.php?Category=&No=3192

น.ส. สัญญา  ปิจนันทร์  ม.3/1  เลขที่26

รูปภาพของ sas14140

ทีนี้ เริ่มต้นที่ 41 ห่วงนะคะ

แถวที่ 1 ถัก k3 p3 k6 p1 k6 p3 k6 p1 k6 p3 k3

p3 ตรงนี้ เป็นตรงกลางของผังลายนะคะ

แถวที่ 2 ถักสลับกับแถวที่ 1 เจอ k ถัก k เจอ P ถัก P
ก็จะเป็น ถัก p3 k3 p6 k1 p6 k3 p6 k1 p6 k3 p3

แถวที่ 3 หรือแถวคี่ จะถักเหมือนแถวที่ 1
แถวที่ 4 หรือแถวคู่ จะถักเหมือนแถวที่ 2

พอถึงแถวที่ 6 จะเริ่มขึ้นลายเป็นแถวแรกค่ะ ให้ถัก k3 p3 เป็นขอบลาย แล้วเอาไม้พักห่วง เอาดินสอ ปากกาก็ได้ หากไม่มี พัก 3ห่วงไว้ด้านล่าง แล้วถัก k3 ห่วง เสร็จแล้วย้อนมาถัก k3 อันที่พักห่วงไว้ด้านล่าง ต่อไป p1 แล้วก็พัก 3ห่วงไว้ด้านบน แล้วถัก k3 ห่วงต่อไป เสร็จแล้วย้อนมาถัก k3 อันที่พักห่วงไว้ด้านบน (เสร็จเปียชุดที่ 1 ) ต่อไป p3ถึงตรงกลางแล้วค่ะ แล้วเริ่มถักเปียชุดที่ 2 ด้วย พัก 3ห่วงไว้ด้านล่าง แล้วถัก k3 ห่วง เสร็จแล้วย้อนมาถัก k3 อันที่พักห่วงไว้ด้านล่าง ต่อไป p1 แล้วก็พัก 3ห่วงไว้ด้านบน แล้วถัก k3 ห่วงต่อไป เสร็จแล้วย้อนมาถัก k3 อันที่พักห่วงไว้ด้านบน (เสร็จเปียชุดที่ 2 ) แล้วจบด้วยk3 p3

รูปพักห่วงไว้ด้านล่าง

รูปพักห่วงไว้ด้านบน

แล้วแถวที่ 7-9 (3 แถว) ก็ถักแบบแถวที่ 1-3
แถวที่ 10 ถักแบบแถวที่ 6 เป็นลายเปีย ซึ่งทำลายทุกๆ4 แถว จนได้ความยาว ตามต้องการ ก็จบ ได้ผ้าพันคอลายเปียหัวใจคู่

แล้วทำต่อไปเรื่อยๆแบบแถวที่ 1 จนถึงแถวที่ 6 จนได้ความยาวตามชอบใจ ก็สิ้นสุดการทำได้เลยนะคะ

 

ผืนที่ทำเสร็จแล้ว เป้นสีขาวค่ะ แต่ลืมถ่ายรุปเอาไว้ เลยมาลองทำสาธิตดูเป็นสีฟ้านะคะ เดี๋ยวจะสงสัยว่าทำสีฟ้า ทำไมตอนเสร็จกลายเป็นสีขาวได้ 555

เด็กหญิง วิรัชฎากร นาคชาวนา  เลขที่42  ม.3/1

รูปภาพของ sas14028

   

 

 

 

 

 

1

 การทำเทียนหอม

หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้สำหรับละลายเทียนเพื่อความสะดวก เพราะตัวหม้อจะมีระบบตัดไฟเมื่อน้ำเทียนเดือด เมื่อเทียนแข็งตัวและเราต้องการให้เทียนหลอมละลายอีกเราก็กดปุ่มอีกครั้ง

2

หม้อสองชั้นสำหรับตุ๋นเทียน ชั้นล่างเป็นหม้อใบใหญ่กว่าสำหรับใส่น้ำ ใบบนสำหรับใส่เทียนเป็นหม้อใบเล็กกว่ามีด้ามจับ ถ้าใช้หม้อชั้นเดียวเนื้อเทียนจะถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนเกินไปและไม่สะดวกแก่การทำงาน

3

ถาดขนมสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ ควรเป็นแบบที่ทำจากอลูมิเนียมจะได้ทนความร้อนได้ดี

4

ช้อน สำหรับตักเทียน

5

แม่พิมพ์ สำหรับยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ

6

เหล็กคีบ ใช้หนีบภาชนะร้อนๆจะได้ไม่ร้อนมือ

7

กาละมังสเตนเลสใบเล็ก

8

ทัพพีกลมสำหรับตักน้ำเทียน

9

กรรไกรสำหรับตัดแต่งเทียน

10

แม่พิมพ์ สำหรัยยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ กรณีที่ต้องการทำรูปแบบต่างๆให้ดูสวยงาม

11

เหล็กแหลม สำหรับปักไส้เทียน

         วัสดุที่เราใช้ในการทำเทียน

1 พาราฟินแวกซ์  มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58°c - 62°c
2

โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2--10 เปอร์เซนต์

3 สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน 1/2 กก.
4 ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก
5 ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น
6 สีผสมเทียน 
7 น้ำมันตะไคร้หอม

               เรื่องของวัสดุในการทำเทียนหอมกันยุงผมได้แจงรายละเอียดไว้เผื่อสำหรับในการทำเทียนแบบสวยงามด้วยเลย จึงดูค่อนข้างจะมีส่วนประกอบมาก ลองทำดูก็แล้วกันครับมีไอเดียอะไรในเรื่องของรูปแบบหน้าตาก็ดัดแปลงได้ไม่ผิดกติกา วัสดุหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนโดยเฉพาะร้านใหญ่ๆจะมีขายส่วนอุปกรณ์หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป บางรายการเช่นแบบพิมพ์ขนมรูปต่างๆมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนม

วิธีทำ

1 นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว
2 ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม
3 ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก.
4 หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรืออาจหยอดใส่ถ้วยแก้วเล็กๆก็ได้
5 นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย

http://www.archeep.com/ 

น.ส. กัญจนพร  จันตา  ม.3/1  เลขที่ 9

รูปภาพของ sas14030

การทำคุกกี้อัลมอลล์

คุกกี้อัลมอนด์

ส่วนผสม

อัลมอนด์เพสท์หรือเนยถั่วลิสง 1/2ถ้วย
มาการีนหรือเนย 1/2ถ้วย
แป้งสาลี 1 1/2ถ้วย
น้ำตาลป่น 1/2ถ้วย
ผิวสมขูดฝอย 1/2ช้อนชา
ไข่ 1ฟอง
ผงฟู 1/4ช้อนชา
เม็ดอัลมอนด์ขาวอบสำหรับแต่งหน้าหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์ผ่าซีก 1/2ช้อนชา
ไข่ขาว 1ฟอง
น้ำ 2ช้อนชา

วิธีทำ

1.ผสมอัลมอนด์เพสท์หรือเนยถั่วลิสงเข้ากับเนย โดยวิธีคนเนยให้นุ่ม ใส่อัลมอนด์เพสท์หรือเนยถั่วลิสง คนให้เข้ากัน ใส่น้ำตาล คนให้เข้ากัน ใส่ไข่ คนให้ทั่ว

2.ใส่ผิวสม ผงฟู คนให้ทั่ว ใส่แป้งทีละน้อย คนตะล่อมให้เข้ากัน

3.แบ่งแป้งเป็นสองส่วน คลึงเป็นแท่งกลมยาว 7 นิ้ว ห่อด้วยพลาสติกให้สนิทแช่เย็น 1 วัน หรือจนแข็งตัว

4.ใช้มีดคมๆตัดเป็นก้อนหนา 1/8 นิ้ว วางเรียงลงในถาดที่ทาน้ำมัน ผสมไข่เข้ากับน้ำเข้าด้วยกัน ทาลงข้างบนแป้ง วางอัลมอนด์อบเป็นซีกหรือเม็ดมะม่วงหิมพานต์เป็นซีกลงข้างบน กดให้ติด อบไฟ 350 องศาf ประมาณ 7-10 นาที หรือจนขนมสุก เอาออกจากเตา แวะขนมออกจากถาดวางบนตะแกรง ปล่อยให้เย็นเก้บใส่กล่องได้ประมาณ 96 ชิ้น

ที่มา  http://www.skn.ac.th/skl/project1/kuki49/k07.htm

สืบค้นโดย  เด็กหญิงกัญญาพัชร   กองมงคล  เลขที่ 11  ม.3/1

รูปภาพของ sas14040

การทำดอกทิวลิป

 

การถักนิตติ้งเบื้องต้น - 1

1. การดูผังลายของญี่ปุ่น สิ่งที่ต้องจำจนขึ้นใจคือ
1.
(ก) ผังลายเขียน ล ทุกแถว ต้องถัก ล แถว ข แถว ลายเปียเป็นด้านหน้า(STOCKINET)
1.
(ข) ผังลายเขียน ข ทุกแถว ต้องถัก ข แถว ล แถว ลายด้านหลังลายเปียเป็นด้านหน้า ด้านขึ้น (STOCKINET BACK SIDE)
1.
(ค) ผังลายเขียน ล แถว ข แถว ต้องถัก ล ทุกแถว ด้านลง (GARTER)
1.
เมื่อจำลักษณะผังลาย ได้แม่นยำแล้วจะทำให้ดูลายง่ายขึ้น

2. สิ่งสำคัญมากคือหาขนาดห่วงมาตรฐานของคุณเอง แม้ว่าใช้ไหม, ขนาดของไม้ทุกอย่างตามที่ผังลายระบุแต่การถักแน่นหรือหลวม
1.
ของคุณอาจทำให้ห่วงเปลี่ยนไป การหาห่วง มาตรฐาน
1.
ให้ถักลายที่ต้องการถักขนาด 15 X 15 ซม. พักไว้ 1-2 วัน หรือรีดโดยใช้ผ้าหมาดๆ ทับเพื่อให้เส้นไหมอยู่ตัวเสียก่อนแล้วจึงวัดดูว่า
1.
10 ซม. = กี่ห่วง X กี่แถว ขนาดห่วงมาตรฐานนี้จะระบุไว้ในลายเพื่อประโยชน์ในการคำนวณ การลดหรือเพิ่ม ข้าง เสื้อ แขน คอ ฯลฯ

 


3. ตัวเลขสีเข้ม (ตัวหน้า) เป็นเซ็นติเมตรเสมอ ส่วนตัวเลขหลังคือจำนวนห่วงหรือ
3. แถวผังลายบางอันบ่งเฉพาะเซ็นติเมตร
4. ก่อนขึ้นห่วงให้ดูลูกศร ถ้ามีเส้นขีดกลางมีลูกศรขึ้นและลง ___ หมายถึง การขึ้น
3. ต้นห่วง ด้วยการเขี่ยห่วงจากสันโซ่ (ที่ถักด้วยเข็มโครเชท์)หลังจากเขี่ยห่วงถักลาย
3. ได้เลยเมื่อถักเสื้อเสร็จทั้งสองชิ้นต่อข้างและไหล่แล้วจึงเลาะโซ่ออก ถักลายเอวจบลง
3. ด้วยการเย็บห่วง
5. การเริ่มห่วงย่อมทำได้ในหลายลักษณะ ซึ่งอาจเลือกใช้ตามถนัดและความเหมาะสม
3. เช่นเดียวกับการจับไม้นิตมีทั้งให้ไหมผ่านทางนิ้วมือขวาและซ้าย

 

6. ตัวเลขที่กำกับไว้แสดงการลดหรือเพิ่มห่วง ดูจากล่างขึ้นไปหาบนตามลายที่ถัก
3. เลขตัวหน้า คือ ทุกแถวที่
3. ตัวกลาง คือ จำนวนห่วงที่ต้องลดหรือเพิ่ม
3. เลขตัวหลัง คือ จำนวนครั้งที่ต้องถัก 3.
3. เช่น 4
3. 3 - 1 - 1
3. 2 - 1 - 2
3. 2 - 2 - 2
3. 2 - 3 - 1
3. แถวที่ - ห่วงที่ต้องลด (เพิ่ม) - จำนวนครั้ง
3. หมายถึง แถวที่ 2 ปลด 3 ห่วง (หรือพักไว้ไม่ต้องถัก) 1 ครั้ง = 2 - 3 - 1
3. " 4 ร2
3. " 6 ร2 = 2 - 2 - 2
3. " 8 ร1
3. " 10 ร1
3. " 13 ร1 = 3 - 1 - 1
3. และถักตรงขึ้นไป 4 แถว
3. ตัวเลขหลังตัวอักษรหมายถึงจำนวนครั้งที่ต้องถัก เช่น ล 5 หมายถึง ถักลง 5 ครั้งด้วยกัน
3. การปลดห่วงมีอยู่ 2 ลักษณะ คือ
3. (ก) การปลดเพื่อถักลายต่อไป ให้ถ่ายห่วงจากไม้นิตซ้ายมือไปยังไม้นิตขวามือ แล้วถักตามลายระบุไว้
3. (ข) การปลดเพื่อสิ้นสุดงานถัก ให้ถ่ายห่วงจากไม้นิตซ้ายมือไปยังไม้นิตขวามือ 1 ห่วง ถัก ล 1 เขี่ยห่วงที่พักไว้คร่อมห่วง ล 1เขี่ยห่วงแรก
3. (ข) ทางขวามือคร่อมห่วงที่สอง เป็นการจบงานถัก

7. ถ้าเป็นการถักแบบญี่ปุ่น ช่วงคอซึ่งต้องปลดห่วงกว้าง 10 กว่าห่วงไม่ใช้การปลดห่วง แต่เก็บห่วงไว้ในเข็มกลัดเก็บห่วง พักไว้เวลาถักสาบ
3. คอถักได้เลย ถ้าไหล่ตรงให้พักไว้เช่นเดียวกัน
8. การลดมากกว่า 2 ห่วง มักใช้การปลดห่วง การเพิ่มก็เช่นเดียวกัน ถ้าเพิ่มมากกว่า 2 ห่วง ใช้วิธีเกียวกับการเริ่มต้นห่วง หารเพิ่ม 2 ห่วง มัก
3. ใช้วิธี ล1 ข1 ในห่วงเดียวกัน หรือตามที่ลายระบุไว้
9. การใช้ไม้นิตวงกลม และถักรอบวงจะถักตามผังลายเลยโดยไม่ต้องถักกลับกับแถวหน้า เช่น ลายเอว ล1 ข1ในแถวแรกถ้าใช้ไม้นิตธรรมดา
3. ต้องถัก ข1 ล1 ในแถวที่สอง แต่ถ้าใช้ไม้นิตวงกลมจะถัก ล1 ข1 ในแถวที่สองซึ่งเหมือนกับแถวแรก
10. เวลาซักงานถักห้ามบิด หรือขยี้ ให้เพียงแต่ขยำเบาๆ ล้างน้ำสะอาดให้หมดผงซักฟอก น้ำสุดท้ายใส่น้ำส้มสายชูเล็กน้อย เพื่อให้สีไหม
3. งดงามตามเดิม ปูลงบนผ้าเช็ดตัวม้วนซับน้ำออก จากนั้นตากในแสงแดดรำไรโดยการวางราบกับพื้น ห้าม แขวนงานถักโดยเด็ดขาด

 


การจับไม้นิตผ่านมือซ้าย

การจับไหมผ่านมือขวา


ที่มา  http://www.emon.212cafe.com/archive/2008-01-14/1

พรกนก  พันธุ์ชาญ  เลขที่ 17  ม.3/1

 ที่มา  http://www.dek-d.com/board/view.php?id=1094862

รูปภาพของ SAS14019
โคมไฟจากกะลามะพร้าว 1


วัสดุที่ใช้ เครื่องมือและอุปกรณ์
1. กะลามะพร้าว 1. เลื่อยฉลุ
2. หลอดไฟ สายไฟ ปลั๊กไฟ 2. สว่านเจาะ
3. เทปพันสายไฟ 3. กระดาษทรายหยาบ
4. ไม้อัดเหลือใช้ คอโคมไฟไม่ใช้แล้ว 4. กระดาษทรายละเอียด
5. เครื่องยิงกาว 5. ดินสอ / วงเวียน
6. สีไม้โอ๊ก


ขั้นตอนในการทำ
1. นำกะลามะพร้าวลูกที่ 1 ปลอกเปลือกให้หมด เจาะรูด้านล่าง 1 รูขนาดเส้นผ่าศูนย์
กลาง 1 ซ. ม วาดลวดลายเป็นหยดน้ำ 3 หยดขนาดใหญ่แล้วขัดกะลาให้เป็นมันเงา
และทาสีไม้โอ๊กให้เรียบร้อย
2. นำกะลาลูกที่ 2 ตัดครึ่งลูกทำเป็นฐาน เจาะรูตรงกลางขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซ.ม
และเจาะรูด้านข้างกะลาเพื่อติดสายไฟ และขัดมันให้เรียบร้อยทาด้วยสีไม้โอ๊ก
3. นำชิ้นส่วนกะลาทั้ง 2 ส่วน ติดเข้าด้วยกันให้สนิทด้วยการยิงและนำสายไฟติด
ปลั๊กไฟเข้าที่กลางฐานกะลาและสอดสายไฟเข้าด้านข้างของกะลาที่เจาะรูไว้เข้าทำ
เป็นฐาน
4. นำหลอดไฟติดเข้ากับหลอดไฟให้ถูกต้องแล้วตรวจสอบให้เรียบร้อย

โดย เด๊กชายพีรวิทย์ โฝดสูงเนิน เลขที่  3  ม.3/1

รูปภาพของ sas14038

 

ตุ๊กตาจากไหมพรมรูปร่างสัตว์ ,รูปหัวใจ,และรวมทั้งพวกขนมและผลไม้ต่าง ๆ ที่จะ นำมาเสนอและแนะนำให้ทำกันเล่น ๆ วิธีนี้ น่ารักมากนะคะ ด้านในเราได้สอดใส่ ฟองน้ำเข้าไปด้วย ดังนั้นจึงนุ่มนิ่มและเบามือ เหมาะสำหรับที่จะนำไปทำให้เด็กเล็ก ๆ เล่นได้อีกด้วยว่าไหมเอ่ย....วิธีทำนั้นก็ง่ายมากอีกเสียด้วยนะ ลองมาฟังดูสิคะ
แรกเลยเราจะมาลองทำ ไหมพรม " รูปหัวใจ" กันก่อนเป็นหลักนะคะ.... สิ่งที่จำเป็นที่จะต้องใช้เป็นหลักก็คือ
...1...ไหมพรมยาวประมาณ 5 ซ.ม. (จะต้องเป็นไหมพรมที่ทำมาจากขนสัตว์ 100เปอร์เซ็นเท่านั้น ที่เป็นทำมา จากไยสังเคราะห์นั้นใช้ไม่ได้ผลกับวิธีนี้ค่ะ )
...2..เมื่อได้ไหมพรมแล้ว ในเส้นของไหมพรม ตามปกติจะต้องมีพันกัน เป็นเกรียวอยู่ประมาณ 3 เส้นใช่ไหมค่ะ ตรงนี้เราจะต้องนำเอาไหมพรมนั้นมาแยก เส้นออกให้เป็นเส้น ๆ จะใช้ดึงออกมาอย่างที่เห็นในรูปที่ 3 ก็ได้ค่ะ
การแยกเส้นด้ายของไหมพรมที่ทำได้อย่างง่าย ๆ ตามที่เราได้คิดค้นมาในข้อ 2... ที่จะแสดงให้เห็นกันต่อไปนี้ เราได้นำหลอดของครีมที่ใช้ทามือแบบมีฝาปิดมาใช้ เป็นเครื่องทุ่นแรงในการแยกเส้นของไหมพรมให้ทำได้อย่างที่เรียกว่าง่ายขึ้นมาอีก หน่อย...คือ 1...(ดูตามรูปนะคะ) ให้นำปลายของเส้นไหมพรมวางไปบนฝา,ปิดฝา แล้วจับห้อยลงสู่ด้านด้านล่าง ( อย่างที่เห็นในรูป )
วิธีแยกเส้นของไหมพรมด้วยวิธีนี้ของเรา เส้นของไหมพรมจะไม่พันกันให้เป็นที่น่ารำคาญ เลยสักนิด(อันนี้คือเคล็ดการแยกเส้นของไหมพรมเท่านั้นค่ะ )
...3..เมื่อแยกเส้นของไหมพรมให้เป็นเส้นเดียวได้แล้ว ก็ให้นำเส้นของไหมพรมนั้น มาดึงให้ขาดออกจากกันเป็นเส้นเล็ก ๆ ( ดูในรูปที่แสดงให้เห็นในรูปที่ 2 )คือดึงแบบกระตุก แรง ๆ
ดึงให้ขาดเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วกองรวมกันเอาไว้จนหมดเส้นของไหมพรมที่แยกทิ้งเอาไว้ทั้งหมด 3 เส้น จากนั้นขั้นต่อมาในขั้นที่..4...ให้นำฟองน้ำที่ใช้ล้างจาน-ชามหรือแก้วต่าง ๆ ( อย่างชนิดที่เห็นในรูป ) ให้ลอกด้านบนที่เป็นสะก๊อตไบร้( ไม่รู้ว่าเขียนถูกหรือปล่าวนะ อิ อิ ) ออกทิ้ง อย่างที่แสดงในรูปที่3นะคะ
ขั้นที่5....นำฟองน้ำมาตัดด้วยกรรไกรให้เป็นรูปร่างของหัวใจ แล้ววางลงไปบนตรงกลางของเส้นไหมพรม (ทำตามรูปที่ 3 ที่แสดงให้เห็นนะคะ )

 

เมื่อไหมพรมชุ่มน้ำสบู่ดีแล้วก็ยกขึ้นมา แล้วใช้มือถูไป-ถูมาเรื่อย ๆ ( ตามรูปที่2 ) ถูไปจนให้เนื้อของ ไหมพรมนั้นเกาะตัวกันจนเป็นเนื้อเดียวกัน
น้ำที่ละลายสบู่จะมีคุณสมบัติ์พิเศษในการช่วยเข้าไปละลายเล้นของไหมพรม ที่ทำมาจากขนสัตว์ 100 เปอร์เซ็น ให้เกาะตัวติดกันหรือเชื่อมโยงกันให้จนเป็นเหมือนกับเนื้อผ้าหรือเนื้อ เดียวกันเลยที่เดียว...ว่ามาว่าอย่างนั้นค่ะ
มีเทคนิคที่จะสอนนิดหน่อยว่า ตรงที่ป็นส่วนเว้า,ส่วนโค้งตามจุดต่าง ๆ นั้น ด้วยรูปร่างต่าง ๆ ที่อยากจะทำนั้นมีหลายรูปแบบใช่ไหมค่ะ...ตรงนี้เราแนะนำให้ใช้นิ้วของเรานั้นกดฝนถู ไปมาแรง ๆตามส่วนเว้าต่าง ๆ เราก็จะได้ลักษณะตามที่ต้องการแล้วหละ... ขั้นสุดท้ายก็นำไปล้างน้ำสบู่ที่เกาะติดออกให้สะอาด แล้วนำไปตากให้แห้งเท่านั้นเอง
เมื่อตากจนแห้งดีแล้ว.....ดูสิคะ น่ารักมากเลยใช่ไหมจับกดจับบีบดูก็นุ่มมือนุ่มนิ่ม เพราะทำมาจากขนสัตว์ แท้100 เปอร์เซ็นเสียด้วย...คิดว่าคงเหมาะมากเลยที่จะนำไปสอนนักเรียนและเป็นของขวัญของเด็ก ๆ ด้วยนะคะ

นางสาวปานวาด  อิ้มทับ  เลขที่16 ชั้นม.3/1

credit:http://www.kroobannok.com/blog/9072

รูปภาพของ sas14029

 TropicanaBiscuit.jpg image by chaolinz

ส่วนผสม
1.เม็ดมะม่วงหิมพานต์แตก    200  g.
2.เนยเค็ม                           300   g.
3.น้ำตาลทราย                    180   g.
4.แป้งตราว่าว                     370   g. 
5.วานิลา                              1   ชช.
อุปกรณ์
1. เตาอบ
2. เครื่องตีไข่หรือเครื่องผสม
3. ตาชั่ง
4. ช้อนชา -> ตวงวานิลา 
5. ช้อนส้อม -> กดคุ้กกี้
6. กระดาษปรู๊ฟ -> ปูรองถาด
7. ถาดใส่ขนมอบ
8. ตะแกรงร่อนแป้ง
9. พายพลาสติก
วิธีทำ
1. เอาเม็ดมะม่วงฯ เข้าอบในตู้อบ  ไฟแรงปานกลาง  250  องศาเซลเซียส
2. นำเนยออกมาไว้นอกตู้เย็น ให้คลายเย็นประมาณ 5 นาที ไม่วางเนยไว้นอกตู้เย็นจนเหลว
    จะทำให้ตีไม่ขึ้น
3. ร่อนแป้ง 1  ครั้ง
4. นำเม็ดมะม่วงออกจากตู้อบเมื่อได้กลิ่นหอม จะมีสีเหลืองอ่อน แล้วให้ปั่นละเอียด
    ด้วยเครื่องปั่นหรือตำให้ละเอียด
4. ตัดเนยให้เป็นชิ้นเล็ก ใส่ในชามตีแล้วตีเนยด้วยตะกร้อ  จนเนยแตกเหลวประมาณ  2  นาที
5. ใส่น้ำตาลทีเดียวหมด  ตีให้เข้ากับเนยให้น้ำตาลพอละลาย ใส่วานิลาแล้วตี Speedเร็ว
   ต่อจนเนยออกสีขาวเหลืองฟูขึ้น ประมาณ  4  นาที
6. ผสมแป้งและถั่วเข้าด้วยกันอย่างเบามือ  แล้วใส่ลงชามตีครั้งเดียวหมด   ตะล่อมด้วยตะกร้อ
   ให้แป้งคลุกกับเนยให้ทั่ว ตีแบบช้า สัก 5 วินาทีพอ ห้ามนาน  แล้วใช้พายตะล่อมให้เข้ากันเบาๆ
    อีกนิดหน่อยไม่เกินสิบครั้ง  ถ้าผสมในขั้นตอนนี้นานเกินไปจะทำให้คุ้กกี้แข็ง ไม่ร่วน
7. ปั้นคุ้กกี้เป็นลูกกลมๆ  เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ  2  ซม. ลงบนกระดาษปรู้ฟที่วางในถาดอบ 
    (ใช้เวลาประมาณ 30 นาที)
8. เตรียมเตาอบไว้ก่อนโดยให้มีความร้อนประมาณ  200  องศาเซลเซียส
9. ใช้ช้อนซ่อมกดคุ้กกี้ให้แบน  โดยกดลงไปตรงๆ ทีเดียวไม่ต้องโยกคลึงจะทำให้คุ้กกี้แน่น
10. เอาถาดคุ้กกี้เข้าอบประมาณ  40  นาที  โดยนาทีที่ประมาณ 30  ให้กลับถาดเพื่อให้ความร้อน
      กระจายทั่วกัน
11. ดูว่าอบได้ที่หรือไม่ให้ดูด้านใต้ของคุ้กกี้  ถ้ามีสีเหลืองออกเข้มเล็กน้อยก้นแฉะเล็กน้อยแสดงว่า
      ใช้ได้แล้ว  ใช้ที่แซะแล้ววางไว้บนตะแกรงให้แห้งดี

 

ที่มา  
http://www.arunsawat.com/board/index.php?topic=753.0

 

สืบค้นโดย ด.ญ.กัญญาณัฐ  เชียงทา ม.3/1  เลขที่ 10

รูปภาพของ sas14085

ที่มา>> การทำ
วัตถุดิบ-ส่วนผสมตามสูตรก็มี ถั่วเขียวเลาะเปลือก 1/2 กก. ต่อหัวกะทิ 2 ถ้วยตวง และน้ำตาลทราย 1/2 กก. ส่วนวัสดุที่ใช้ก็ได้แก่... กระทะทองเหลือง, ไม้พาย, เตาแก๊ส, ตะเกียบ, ไม้จิ้มฟัน, สีผสมอาหาร, จานสี, น้ำสะอาด, พู่กัน, อ่างน้ำ, กะละมัง, เครื่องบดไฟฟ้า หรือครก, ลังถึง, ผ้าขาวบาง

>> ขั้นตอนการทำ “ลูกชุบ”
เริ่มจากเลือกถั่วเมล็ดเสีย กรวด หิน ออกให้หมด ล้างน้ำ 1 ครั้ง แล้วแช่ทิ้งไว้ 3-4 ชั่วโมง ล้างอีกครั้ง แล้วนำไปนึ่งให้สุก บดหรือโขลกให้ละเอียด แล้วจึงนำถั่วที่บดแล้วใส่ลงไปในกระทะทองเหลือง

นำน้ำตาลทรายและกะทิมาต้มด้วยไฟอ่อนให้ส่วนผสมละลายเข้ากันดี ต้องคนตลอดเวลาไม่ให้กะทิเป็นลูก

นำถั่วบดยกขึ้นตั้งไฟปานกลาง ค่อย ๆ ทยอยใส่น้ำกะทิลงกวนทีละน้อยจนหมด การกวนให้กวนไปในทางเดียวกัน เพื่อให้ถั่วเหนียว กวนถั่วไปเรื่อย ๆ จนถั่วกวนเริ่มแห้ง ควรหรี่ไฟให้อ่อนลง เมื่อแห้งจนจับเป็นก้อน และล่อนจากกระทะสักครู่ใหญ่ ๆ จึงยกลงจากเตา พักไว้ให้คลายร้อน นวดจนเนียน

“หากชอบกลิ่นควันเทียน ก็ให้นำถั่วกวนที่ได้ไปอบควันเทียนไว้สัก 3-5 ชั่วโมง”

เสร็จแล้วนำมาปั้นเป็นรูปผัก ผลไม้ หรือสัตว์ ตามชอบได้เลย

>> การปั้น
แบ่งถั่วตามขนาดที่จะปั้น ระหว่างที่ปั้นควรคลุมถั่วด้วยผ้าขาวบางชุบน้ำบิดหมาด ๆ เพื่อกันไม่ให้ถั่วแห้ง ปั้นเสร็จก็เสียบกับไม้จิ้มฟันปลายแหลม ระบายสีให้ใกล้เคียงกับของจริง

“การลงสีอย่าพยายามลงสีฉูดฉาด ให้ลงสีอ่อน ๆ เลียนแบบธรรมชาติ”

ระบายสีเสร็จก็เสียบไว้กับโฟม ทิ้งให้สีแห้ง จากนั้นก็นำไปชุบ “น้ำวุ้น”

>> วิธีทำ “น้ำวุ้น”
ใช้วุ้นผง 5 ช้อนโต๊ะ ต่อน้ำ 5 ถ้วยตวง น้ำตาลนิดหน่อยเพื่อความวาว นำส่วนผสมใส่หม้อคนให้เข้ากัน แล้วยกขึ้นตั้งไฟกลาง ๆ หมั่นคนจนวุ้นใสเหนียว ยกลงทิ้งไว้สักครู่จะมีฟองสีขาวลอยขึ้น ให้ช้อนฟองทิ้ง

นำถั่วที่ปั้นและระบายสีแล้วชุบกับส่วนผสมวุ้น 1 ครั้ง ปักบนโฟมให้แห้ง แล้วจึงชุบครั้งที่ 2 และ 3 ทิ้งไว้ให้แห้ง เมื่อวุ้นแข็งตัวดีแล้วจึงถอดออกจากไม้จิ้ม ใช้กรรไกรตัดส่วนที่ไม่ต้องการทิ้ง ตกแต่งด้วยใบแก้วให้สวยงาม

>> การขาย
ทางบ้านลูกชุบจะคิดราคาเป็นชุด ๆ ซึ่งแต่ละชุดจะแตกต่างกันไปตามปริมาณและบรรจุภัณฑ์ มีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นตะกร้าหวาย ถาดเงิน ถาดทอง ถาดหวาย กล่องพลาสติก เข่งไม้ไผ่ ถาดประดิษฐ์ใบตอง ฯลฯ โดยจะมีราคาตั้งแต่ 60-3,000 บาท แล้วแต่ว่าลูกค้าต้องการแบบไหน ขนาดเท่าไหร่

ใครสนใจอยากจะสั่งซื้อหรือลองชิม “ลูกชุบ” ของ อ.สุปราณี ร้านบ้านลูกชุบ ติดต่อไปได้ที่ เลขที่ 33 ซอย 50 ถนนจรัญสนิทวงศ์ กรุงเทพฯ 10700 โทร. 0-2424-8606

“ลูกชุบ” ลูกเล็ก ๆ ก็ทำเงินก้อนโตได้

ที่มาข้อมูลโดย ธัญญา กันอิน เลขที่34 3/1

รูปภาพของ sas14033

sas14033

 

การทำน้ำองุ่น


ส่วนผสม
1.องุ่นสด 1 กิโลกรัม
2.น้ำตาลทราย 300 กรัม
3.น้ำเปล่า 100 กรัม
4.เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.นำน้ำตาลทราย น้ำเปล่า เกลือ ตั้งไฟคนจนละลาย ยกลงทิ้งไว้ให้เย็น

2.ล้างองุ่นผึ่งไว้ให้สะเด็ดน้ำ และนำองุ่นมาปอกเปลือก เอาเมล็ดออกให้เหลือแต่เนื้อองุ่น

3.นำเนื้อองุ่นไปปั่นให้ละเอียด แล้วจึงนำมากรองเอาแต่น้ำองุ่น

4.นำน้ำเชื่อมกับน้ำองุ่นมาผสมรวมกันคนให้เข้ากัน พร้อมสำหรับดื่มได้ทันที

การทำน้ำองุ่น

ที่มาhttp://lifestyle.kingsolder.com/food/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%B8%E0%B9%88%E0%B8%99-fruit-juice_230.asp?no=2

ส่วนผสม
1.เนื้อแอปเปิล 3 ถ้วยตวง
2.น้ำเปล่า 6 ถ้วยตวง
3.น้ำตาลทราย 1 ถ้วยตวง
4.เกลือป่น 1 ช้อนชา

วิธีทำ
1.ล้างแอปเปิลให้สะอาด หั่นให้เป็นชิ้นๆ

2.นำเนื้อแอปเปิลผสมน้ำ ต้มให้เดือด พอเนื้อแอปเปิลเปื่อย
ก็นำไปปั่นให้ละเอียด

3.ผสมน้ำตาลทราย เกลือ คนให้ละลาย นำไปต้มอีกครั้งพอเดือดก็ยกลง
พักไว้ให้เย็น จัดเสิร์ฟพร้อมน้ำแข็ง

http://lifestyle.kingsolder.com/food/%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B3%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B9%81%E0%B8%AD%E0%B8%9B%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%A5-(%E0%B8%AA%E0%B8%B9%E0%B8%95%E0%B8%A31)-fruit-juice_221.asp?no=3

นางสาวนุชนาถ  คำเที่ยง เลขที่35 ม.3/1

รูปภาพของ sas14032

วิธีการถักไหมพรมด้วยมือ

เคยได้ยินมานาน วันนี้ไปเปิดเจอ(ของชาวบ้าน) เลยเอามาแปะไว้ เผื่อจะมีประโยชน์สำหรับคนอยากลองทำ

รูปภาพของ sas14032

เลขที่ 12 ม.3/1

ที่มาhttp://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=leenal99&month=02-2008&date=29&group=1&gblog=1

 

 

รูปภาพของ sas14076

ใบความรู้       

                                                        เรื่อง  บอกวิธีการสร้างเสริมสุขภาพทางกายได้
การสร้างเสริมสุขภาพ  หมายถึง กระบวนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดสุขภาพกายแข็งแรง  เจริญเติบโตปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
การส่งเสริมสุขภาพหรือการสร้างเสริมสุขภาพ  เป็นกระบวนการที่มีลักษณะดังนี้
        1. เน้นกิจกรรมพลายลักษณะที่มุงสร้างสมรรถนะของการสร้างสุขภาพดีควบคุมปัจจัยเสี่ยง  และเป็นกระบวนการที่มุ่งดำเนินการกันทั้งบุคคลและสังคม
        2.        เน้นกระบวนการส่งเสริมให้ประชาชนเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมดูแลและพัฒนาสุขภาพของตนเอง
หลักการส่งเสริมสุขภาพ  
          การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  อย่ายึดติดกับความสะดวกสบายมากเกินไป  พักผ่อนให้เพียงพอและฝึกการปฏิบัติทางจิตเพื่อลดความตึงเครียด เป็นต้น        
       วิธีการสร้างเสริมสุขภาพของตนเองสามรถปฏิบัติได้ดังนี้
        1.        รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทาสงโภชนาการหลากหลายไม่ซ้ำซาก  โดยเฉพาะผักผลไม้ควรมีทุกมื้อ
        2.        ออกกำลังสม่ำเสมอ  ทำจิตใจให้เบิกบาน  จะช่วยคลายความเครียดและป้องกันภาวะเสี่ยงเกิดโรคเกี่ยวกับข้อต่อ        
        กระดูก และโรคหัวใจ  รวมทั้งระบบการไหลเวียนของโลหิต
        3.        ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือการนวดเพื่อสุขภาพเพื่อผ่อนคลายความเครียด
        4.        ละเว้นสารเสพติดทุกชนิดที่จะบั่นทอนสุขภาพ
        5.        หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
        6.        ตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเป็นการดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ดีมาก
        วิธีการลดความเสี่ยงทางสุขภาพ  ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
        1.        ผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติโรคควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค        2.        รักษาความสะอาดของใช้ต่างๆ
        3.        ไม่คุลกคลีกับผู้ป่วย  4.        ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบ      5.        ออกกำลังสม่ำเสมอ
        6.        ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร หลังจากถ่ายอุจจาระ  7.        ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวสุขภาพ
        8.        ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย        9.        ทำลายเชื้อโรคให้ถูกวิธี  กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
        10.        การควบคุมสุขาภิบาล  อาหาร  น้ำดื่ม  และน้ำนม        11.        จัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ
        12.        ให้ความรู้อุบัติเหตุและการป้องกัน        13.        การจัดความปลอดภัยในทุกรูปแบบ
        14.        ออกกฎหมายบังคับเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
        การประเมินสุขภาพส่วนบุคคลของตนเองจะเป็นแนวทางในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพให้มีสุขภาพดีที่ยั่งยืนตลอดไป  การประเมินสุขภาพส่วนบุคคลประกอบด้วยรายละเอียดต่อไปนี้
1.        ความสะอาดส่วนบุคคล    2.        การกินอาหารที่มีประโยชน     3.        การพักผ่อนให้เพียงพอ
4.        การวางท่าทางที่ถูกต้อง    5.        การออกกำลังกายพอสมควร     6.        การรู้จักรักษาความสะอาดของบ้านเรือนของตน
7.        การทำจิตใจให้ผ่องใส      8.        การรู้จักป้องกันอุบัติเหตุ          9.        การควบคุมและหาทางป้องกันโรคติดต่อ
10.        การตรวจสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ  11.        การสวมเสื้อผ้าและใช้ของใช้ที่สะอาด  และจัดเก็บให้เป็นระเบียบ
12.        การมีความรู้เกี่ยวกับการที่จะรักษาสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรง
รูปภาพของ sas14076

ใบความรู้       

                                                        เรื่อง  บอกวิธีการสร้างเสริมสุขภาพทางกายได้
การสร้างเสริมสุขภาพ  หมายถึง กระบวนการปฏิบัติเพื่อให้เกิดสุขภาพกายแข็งแรง  เจริญเติบโตปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ  และสามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างปกติสุข
การส่งเสริมสุขภาพหรือการสร้างเสริมสุขภาพ  เป็นกระบวนการที่มีลักษณะดังนี้
        1. เน้นกิจกรรมพลายลักษณะที่มุงสร้างสมรรถนะของการสร้างสุขภาพดีควบคุมปัจจัยเสี่ยง  และเป็นกระบวนการที่มุ่งดำเนินการกันทั้งบุคคลและสังคม
        2.        เน้นกระบวนการส่งเสริมให้ประชาชนเพิ่มสมรรถนะในการควบคุมดูแลและพัฒนาสุขภาพของตนเอง
หลักการส่งเสริมสุขภาพ  
          การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ  อย่ายึดติดกับความสะดวกสบายมากเกินไป  พักผ่อนให้เพียงพอและฝึกการปฏิบัติทางจิตเพื่อลดความตึงเครียด เป็นต้น        
       วิธีการสร้างเสริมสุขภาพของตนเองสามรถปฏิบัติได้ดังนี้
        1.        รับประทานอาหารที่มีคุณค่าทาสงโภชนาการหลากหลายไม่ซ้ำซาก  โดยเฉพาะผักผลไม้ควรมีทุกมื้อ
        2.        ออกกำลังสม่ำเสมอ  ทำจิตใจให้เบิกบาน  จะช่วยคลายความเครียดและป้องกันภาวะเสี่ยงเกิดโรคเกี่ยวกับข้อต่อ        
        กระดูก และโรคหัวใจ  รวมทั้งระบบการไหลเวียนของโลหิต
        3.        ทำสมาธิ เล่นโยคะ หรือการนวดเพื่อสุขภาพเพื่อผ่อนคลายความเครียด
        4.        ละเว้นสารเสพติดทุกชนิดที่จะบั่นทอนสุขภาพ
        5.        หลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่จะก่อให้เกิดอุบัติเหตุ
        6.        ตรวจสุขภาพประจำปี ซึ่งเป็นการดูแลและส่งเสริมสุขภาพที่ดีมาก
        วิธีการลดความเสี่ยงทางสุขภาพ  ซึ่งสามารถทำได้ดังนี้
        1.        ผู้ที่อยู่ในภาวะเสี่ยงต่อการติโรคควรฉีดวัคซีนป้องกันโรค        2.        รักษาความสะอาดของใช้ต่างๆ
        3.        ไม่คุลกคลีกับผู้ป่วย  4.        ไม่รับประทานอาหารสุกๆดิบ      5.        ออกกำลังสม่ำเสมอ
        6.        ล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร หลังจากถ่ายอุจจาระ  7.        ติดตามข้อมูลข่าวสารเกี่ยวสุขภาพ
        8.        ไม่ใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย        9.        ทำลายเชื้อโรคให้ถูกวิธี  กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์เชื้อโรค
        10.        การควบคุมสุขาภิบาล  อาหาร  น้ำดื่ม  และน้ำนม        11.        จัดสิ่งแวดล้อมให้ถูกสุขลักษณะ
        12.        ให้ความรู้อุบัติเหตุและการป้องกัน        13.        การจัดความปลอดภัยในทุกรูปแบบ
        14.        ออกกฎหมายบังคับเพื่อให้เกิดความปลอดภัย
        การประเมินสุขภาพส่วนบุคคลของตนเองจะเป็นแนวทางในการพัฒนาพฤติกรรมสุขภาพให้มีสุขภาพดีที่ยั่งยืนตลอดไป  การประเมินสุขภาพส่วนบุคคลประกอบด้วยรายละเอียดต่อไปนี้
1.        ความสะอาดส่วนบุคคล    2.        การกินอาหารที่มีประโยชน     3.        การพักผ่อนให้เพียงพอ
4.        การวางท่าทางที่ถูกต้อง    5.        การออกกำลังกายพอสมควร     6.        การรู้จักรักษาความสะอาดของบ้านเรือนของตน
7.        การทำจิตใจให้ผ่องใส      8.        การรู้จักป้องกันอุบัติเหตุ          9.        การควบคุมและหาทางป้องกันโรคติดต่อ
10.        การตรวจสุขภาพร่างกายอย่างสม่ำเสมอ  11.        การสวมเสื้อผ้าและใช้ของใช้ที่สะอาด  และจัดเก็บให้เป็นระเบียบ
12.        การมีความรู้เกี่ยวกับการที่จะรักษาสุขภาพพลานามัยให้แข็งแรง
รูปภาพของ sas14049

เครดิต: http://www.94fmclub.net/modules/webboard/index.php?mode=showdetail&webboard_id=1431

 

สืบค้นโดย>>>น.ส.ศุวลักษณ์ แก้วนวล เลขที่ 24
ปล. มีแต่รูปน่ะค่ะ^^3*
รูปภาพของ sas14041

การถักโซ่ เป็นพื้นฐานการถักโครเชต์ค่ะ

การถัก x เป็นการเพิ่มชิ้นงานให้สูงขึ้น

การถัก v  คือการเพิ่มห่วงโดยทำ x 2 รอบในห่วงโซ่เดียวกัน

การถัก A คือการลดห่วง โดยทำ 2 ห่วงโซ่ ให้เหลือ 1 ห่วงโซ่ (ทำ 2X ให้เป็น 1X)

     โดยส่วนใหญ่การทำตุ๊กตาถักนั้นจะเริ่มจากการทำก้นหอยก่อนค่ะ การทำก้นหอยมีวิธีดังนี้

1  นำเส้นไหมมาพันนิ้ว แล้วดึงให้เป็นห่วงตามรูปจากนั้นก็นำเข็มโครเชต์สอดเข้าไปภายในห่วง(รู) แล้วก็ควักเอาเส้นไหมออกมาได้ 1 ห่วง แล้วก็ดึงไหมพรมออกมาอีกครั้ง แต่ลอดออกห่วงที่เราดึงออกมาครั้งแรก ตามรูปค่ะ

2. ทำโซ่ 1 ห่วง แล้วใช้เข็มดึงไหมออกมาตรงรูห่วงโซ่  จากนั้นเราก็ใช้เข็มควักเข้าไปในไหมห่วงใหญ่แล้วดึงไหมออกมา ได้ห่วงเล็กแล้วก็ควักไหมสอดเข้ามาในห่วงทั้ง 2 ค่ะ อธิบายลำบากจัง ก็เหมือนทำ x ค่ะแต่เราจะสอดเข้าไปในห่วงใหญ่เท่านั้นเอง ถ้าผังลายให้ทำ 6x ก็ต้องทำ x 6 ครั้ง โดยสอดเข้าไปในห่วงใหญ่ห่วงเดียวค่ะ ไปดูรูปดีกว่า อาจจะเข้าใจมากกว่า

 3. จากนั้นเราจะต้องปิดงานค่ะ การปิดงานนั้นเราจะสอดเข็มเข้าไปในห่วงโซ่ที่เราทำไว้ (จำได้ไหมค่ะว่าเราถักโซ่ขึ้นมาก่อน 1 ห่วง ก่อนที่จะเริ่มทำ x อ่ะค่ะ) แล้วก็ดึงไหมออกมาโดยลอดห่วงโซ่ และลอดห่วงที่เราทำ x เอาไว้ ดูตามรูป น่าจะเข้าใจมากกว่านะค่ะ 

รูปภาพของ sas14097

การทำเทียนหอมกันยุง

การทำเทียนหอมกันยุง

ใครชอบแต่งบ้านให้ได้ทั้งความสวยงามและได้ประโยชน์ด้วยละก็ นี่แหละ ใช่เลย เทียนหอมกันยุง เป็นงานหัตถกรรมที่มีความสวยงามสามารถตกแต่งได้ตามใจผู้ทำ สิ่งที่จะต้องเรียนรู้ก็เป็นเรื่องของวัสดุต่างๆที่นำมาใช้และเทคนิค วิธีทำ เมื่อทราบขั้นตอนต่างๆเหล่านี้เมื่อได้ลงมือทำไปบ้างแล้วที่นี้ล่ะ แบบเทียนสวยๆหอมๆจากใจคุณก็จะออกมาได้เอง ยังไงส่งภาพมาให้ดูกันบ้างนะครับ เรามาดูกันว่าจะต้องใช้อุปกรณ์อะไรบ้าง

  1. หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ใช้สำหรับละลายเทียนเพื่อความสะดวก เพราะตัวหม้อจะมีระบบตัดไฟเมื่อน้ำเทียนเดือด เมื่อเทียนแข็งตัวและเราต้องการให้เทียนหลอมละลายอีกเราก็กดปุ่มอีกครั้ง
  2. หม้อสองชั้นสำหรับตุ๋นเทียน ชั้นล่างเป็นหม้อใบใหญ่กว่าสำหรับใส่น้ำ ใบบนสำหรับใส่เทียนเป็นหม้อใบเล็กกว่ามีด้ามจับ ถ้าใช้หม้อชั้นเดียวเนื้อเทียนจะถูกความร้อนโดยตรงซึ่งร้อนเกินไปและไม่สะดวกแก่การทำงาน
  3. ถาดขนมสี่เหลี่ยมขนาดต่างๆ ควรเป็นแบบที่ทำจากอลูมิเนียมจะได้ทนความร้อนได้ดี
  4. ช้อน สำหรับตักเทียน
  5. แม่พิมพ์ สำหรับยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ
  6. เหล็กคีบ ใช้หนีบภาชนะร้อนๆจะได้ไม่ร้อนมือ
  7. กาละมังสเตนเลสใบเล็ก
  8. ทัพพีกลมสำหรับตักน้ำเทียน
  9. กรรไกรสำหรับตัดแต่งเทียน
  10. แม่พิมพ์ สำหรัยยอดเทียนให้เป็นรูปต่างๆ กรณีที่ต้องการทำรูปแบบต่างๆให้ดูสวยงาม
  11. เหล็กแหลม สำหรับปักไส้เทียน

วัสดุที่เราใช้ในการทำเทียน

  1. พาราฟินแวกซ์ มีลักษณะเป็นของแข็งใสมีทั้งแบบก้อนและเม็ด มีจุดหลอมเหลวที ่58?c - 62?c
  2. โพลีเอททีลีนแวกซ์ หรือที่นิยมเรียกกันติดปากว่า พีอี หรือโพลีเอสเตอร์ เอสเตอร์รีน มีลักษณะเป็นเกล็ด ช่วยทำให้เทียนจุดได้นานขึ้นปกติจะใช้ประมาณ 2–10 เปอร์เซนต์
  3. สเตียริคเอซิค ช่วยทำให้เทียนมีผิวลื่นแกะออกจากพิมพ์ง่าย มีทั้งแบบเป็นเกล็ดและเม็ดไข่ปลา ปกติจะใช้ 4 ช้อนโต๊ะต่อพาราฟิน 1/2 กก.
  4. ไมโครแวกซ์ ช่วยทำให้เทียนมีความเหนียวง่ายต่อการปั้นหรือแกะสลัก มีลักษณะเป็นแผ่นสีขาว ถ้าใช้แบบคุณภาพต่ำจะทำให้มีควันมาก
  5. ไส้เทียน มี 2 แบบคือแบบที่ฟอกแล้วจะมีสีขาวและแบบที่ยังไม่ได้ฟอกจะมีสีขาวขุ่น
  6. สีผสมเทียน
  7. น้ำมันตะไคร้หอม

เรื่องของวัสดุในการทำเทียนหอมกันยุงผมได้แจงรายละเอียดไว้เผื่อสำหรับในการทำเทียนแบบสวยงามด้วยเลย จึงดูค่อนข้างจะมีส่วนประกอบมาก ลองทำดูก็แล้วกันครับมีไอเดียอะไรในเรื่องของรูปแบบหน้าตาก็ดัดแปลงได้ไม่ผิดกติกา วัสดุหาซื้อได้ตามร้านเครื่องเขียนโดยเฉพาะร้านใหญ่ๆจะมีขายส่วนอุปกรณ์หาซื้อได้ตามซุปเปอร์มาเก็ตตามห้างสรรพสินค้าทั่วไป บางรายการเช่นแบบพิมพ์ขนมรูปต่างๆมีขายตามร้านขายอุปกรณ์ทำขนม

วิธีทำ

  1. นำแผ่นฟาราฟินแวกซ์หั่นเป็นท่อนๆใส่หม้อขึ้นตั้งความร้อนปานกลาง เคี้ยวไปจนละลายเป็นของเหลว
  2. ใสสีตามลงไปโดยใส่ทีละน้อยตามต้องการคนจนสีเนียนเข้ากันทั่วทั้งหม้อหากสีจืดไปค่อยเติมสีเพิ่ม
  3. ใส่หัวน้ำมันตะไคร้หอมประมาณ 3-4 หยดต่อเทียน 1/2 กก.
  4. หยอดเทียนใส่พิมพ์ รอจนแข็งตัวจึงแกะออกจากพิมพ์ ตกแต่งผิวด้วยมีดหรือกรรไกร หรืออาจหยอดใส่ถ้วยแก้วเล็กๆก็ได้
  5. นำมาตกแต่งด้วยริบบิ้นหรืออื่นๆเพื่อให้ดูสวย

การทำเทียนแบบนี้ก็เป็นงานศิลปะอย่างหนึ่งที่สร้างสรรได้ตามความคิดของผู้ทำ รูปแบบของหน้าตาที่ออกมาจะสวยอย่างไรก็คงคล้ายๆกับการแต่งหน้าเค้กที่ต้องอาศัยทักษะ การสังเกตุจดจำรูปแบบต่างๆที่เคยเห็นและนำมาประยุกต์หรืออาจออกแบบตามแนวความคิดที่จินตนาการขึ้นเอง

รูปภาพของ sas14112

เมื่อจับด้ายเป็นแล้ว เริ่มด้วยการ ถักโซ่

สัญลักษณ์ของ โซ่ ตามมาตรฐานสากลคือ

 

ที่มา  http://www.bloggang.com/viewdiary.php?id=addsiripun&month=05-2007&date=05&group=10&gblog=1

สืบค้นข้อมูลจาก นาย ปิยพนธ์  อูปคำ  เลขที่ 7  ม.3/1 

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 317 คน กำลังออนไลน์