เมื่อต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เมื่อต้องเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
เป็นที่สังเกตได้ชัดว่ากระแสตื่นตัวเรื่องการรักษาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน สังคมได้ให้ความสำคัญกับกิจกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น “สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม” จึงเป็นอีกทางเลือกของผู้บริโภค
สินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม คือผลิตภัณฑ์ที่มีการจัดการทรัพยากรการผลิตให้ที่มุ่งเน้นการประหยัดพลังงาน และรักษาสิ่งแวดล้อม โดยใช้กระบวนการทางเทคโนโลยีสะอาด อีกทั้งที่ระหว่างการใช้งานจะต้องลดการปล่อยของเสียและมลพิษ รวมทั้งเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และที่สำคัญคือการให้ผู้ผลิต ต้องรองรับการเก็บขยะอิเล็กทรอนิกส์และต้องรับผิดชอบในการรับคืนซากของผลิตภัณฑ์ที่ไม่ใช้งานแล้ว เพื่อรีไซเคิลหรือกำจัดอย่างปลอดภัย
และเป็นที่น่ายินดีว่า หลายประเทศทั่วโลกได้ตื่นตัวที่จะรับมือกับปัญหาขยะอิเล็กทรอนิกส์จริงจังขึ้น เห็นได้จากการออกกฎระเบียบและมาตรการต่างๆ ที่หวังจะให้ขยะอิเล็กทรอนิกส์ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของมนุษย์ลดลง
กลุ่มสหภาพยุโรป ได้มีการออกกฎระเบียบและมาตรการ เช่น WEEE (Waste Electrical and Electronic Equipment Directive) รวมทั้ง RoHS (Restriction of Hazardous Substances Directive) ซึ่งเป็นระเบียบว่าด้วยเศษซากผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และระเบียบว่าด้วยการกำจัดการใช้สารที่เป็นสารอันตรายบางประเภท โดยที่ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ที่สามารถวางจำหน่ายในตลาดของประเทศในกลุ่มอียูได้จะต้องมีกระบวนการผลิตที่ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้มีมาตรการกำจัดขยะเหล่านี้อย่างถูกวิธี โดยในอนาคต WEEE มีเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ผลิตคำนึงถึงตลอดช่วงของวงจรชีวิตการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และไปจนถึงเมื่อหมดสภาพการใช้งาน เพื่อให้การออกแบผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านของสิ่งแวดล้อม
ในอนาคต WEEE มีเป้าหมายที่ต้องการให้ผู้ผลิตคำนึงถึงตลอดช่วงของวงจรชีวิตการใช้งานของผลิตภัณฑ์ และไปจนถึงเมื่อหมดสภาพการใช้งาน เพื่อให้การออกแบผลิตภัณฑ์มีประสิทธิภาพมากขึ้นในด้านของสิ่งแวดล้อม
ประเทศในเอเชีย หลายประเทศมีการออกกฎหมายและมาตรการต่างๆเพื่อรองรับขยะอิเล็กทรอนิกส์ขึ้น มีการศึกษาถึงแนวทางที่จะสรรหามาตรการที่เหมาะสม รวมทั้งการกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
สำหรับประเทศไทย หนึ่งในประเทศที่เป็นปลายทางของขยะอิเล็กทรอนิกส์ เมื่อวันพุธที่ 9พฤษภาคม 2550 มีการขอเสนอญัตติให้สภานิติบัญญัติแห่งชาติพิจารณาปัญหามลพิษ จากขยะและของเสียอันตรายการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ
แผนร่างกฎหมายที่จะใช้ควบคุมประเด็นปัญหาของขยะอิเล็กทรอนิกส์ของไทยอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของ กรมควบคุมมลพิษ(คพ.) และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้ทำการร่างแผนยุทธศาสตร์การจัดการของเสียและขยะอิเล็กทรอนิกส์และนำส่งให้คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติพิจารณา แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีการประกาศบังคับใช้แต่อย่างใด สำหรับเนื้อหาใน พรบ. การดูแลซากผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แนวทางการควบคุมที่ต้นทาง โดยการเรียกเก็บค่าธรรมเนียม ภาษี จากผู้นำเข้าสินค้าและผู้ผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศ แล้วนำเงินไปบริหารจัดการ การควบคุมที่ปลายทาง จะสนับสนุนให้เกิดโรงแยกขยะแบบครบวงจรจากแหล่งกำเนิดและพื้นที่ต่างๆ ในประเทศ
คงต้องลุ้นและเอาใจช่วยให้ พรบ.การดูแลซากผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ ถือกำเนิดขึ้นในประเทศไทยไวๆ เพราะนั้นหมายถึงอนาคตที่ดีของสิ่งแวดล้อม ดีกว่ารอมาตราหรือการได้รับประโยชน์จากกฎหมายขยะอิเล็กทรอนิกส์จากต่างประเทศอย่างเดียว