ญี่ปุ่น
ที่มารูปภาพ : http://www.dozojapan.com/images/japan/tokyo/dai_akhihabara_shinjuku.jpg
ที่มารูปภาพ : http://www.dozojapan.com/images/japan/tokyo/shinjuku_04.jpg
สถานีรถไฟชินจูกุ เป็นสถานีที่พลุกพล่านที่สุดในโลก ซึ่งสถานีชินจูกุสภาพความเป็นจริงนั้นสับสนอลหม่านด้วยผู้คนเฉียดวันละ 3,000,000 คนยืนเบียดเสียดกัน และเป็นสถานที่ซึ่งทดสอบความทรหดของนักเดินทางได้อย่างดี ชินจูกุเป็นสถานีรถไฟสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งบนเกาะญี่ปุ่น เป็นจุดเปลี่ยนต่อรถไฟทั้งสายในโตเกียวและวิ่งสู่ภูมิภาคต่างๆ รวมทั้งรถไฟใต้ดินด้วย บริเวณ สถานีมีร้านขายสินค้าร้านอาหารเนืองแน่นดังเช่นสถานีใหญ่ในเมืองส่วนมากของ ญี่ปุ่น ทั้งร้านค้าที่ตั้งอยู่บนดินและใต้ดิน เรียงรายซิกแซกวกวน ทั้งยังมีวกวน ทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าใหญ่ 4 ถ้าเดินชมห้างสรรพสินค้าทั้ง 4 แห่งแล้วยังไม่จุใจ โปรดตรงไปยังประตูสถานีด้านตะวันออกสู่ชินจูกุโดริ ที่นั่นจะมีห้างสรรพสินค้าตลอดจนร้านค้าที่มีเวลาเปิดตามปกติจำนวนมากกว่า อีกทั้งคับ คั่งด้วยผู้คน ด้านตะวันออกของสถานีชินจูกุเป็นย่านที่เหมาะสำหรับการเดินเที่ยวเตร็ดเตร่ ได้อย่างจุใจเป็นเวลานานๆ ทว่าหลายคนที่ต้องการยิ่งกว่าการเดินเล่นเรื่อยเปื่อยก็จะเดินไปแถวย่านคาบู กิโจ
ถ้าต้องการชมภูมิทัศน์ที่ดูโออ่าสง่างามกว่านี้ ก็เดินมาตามยาซุคุนิดดริซึ่งอยู่ใต้ทางรถไฟ เพื่อไปยังด้านตะวันตกของชินจูกุ เดินเรื่อยมาจนถึงตึกแฝดสูงเสียดฟ้าอันเป็นที่ตั้งของ ที่ทำการรัฐบาลกรุงโตเกียว ซึ่งมีการออกแบบและก่อสร้างในช่วงเศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มเข้าสู่ภาวะฟองสบู่ เมื่อช่วงทศวรรษ 1980 รูปลักษณ์ของมันราวกับจะประกาศว่าปัจจุบันโตเกียวคือมหานครอันยิ่งใหญ่ที่ สุดแห่งหนึ่งในโลก
ที่มารูปภาพ : http://www.student.chula.ac.th/~49370861/images/imperial.jpg
ที่มารูปภาพ : http://www.student.chula.ac.th/~49370861/images/imperial%202.jpg
พระราชวังอิมพีเรียล พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับของพระจักรพรรดิและพระราชวงศ์ อาณาบริเวณหลายแห่งในพระราชวังจึงมิได้เปิดให้เข้าชม แต่บางส่วนจะเปิดให้เข้าชมได้ในช่วงวันหยุดพิเศษ ตัวปราสาทสร้างตามรูปแบบในสมัยเอโดะ ล้อมรอบด้วยคูน้ำและกำแพงหิน ทางเข้าหลักจะเป็นสะพานคู่หรือเรียกว่า นิจูบาชิ (Nijubashi) ที่สร้างได้อย่างสวยสง่างาม แต่ไม่เปิดให้บุคคลทั่วไปผ่าน ยกเว้นในช่วงปีใหม่และวันเฉลิมพระชนมพรรษาของสมเด็จพระจักรพรรดิที่จะเปิดให้พสกนิกร(บางคน)ข้ามมารับพระราชทานพรใกล้ๆที่ประทับ ทางด้านตะวันออกจะมีสวนดอกไม้ (Higashi Gyoen) ซึ่งจัดไว้อย่างสวยงามเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เข้ามาพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดเวลา และเข้าไปยังเขตพระราชฐานได้ 3 ประตู จากทั้งหมด 8 ประตู คือ โอเตมง(Ote-mon), ฮิรากาวะมง(Hirakawa-mon) และคิตะฮาเนบาชิมง(Kitahanebashi-mon) ตัวพระตำหนักเป็นอาคารคอนกรีตทรงเตี้ยกว้างสร้างด้วยหินแกรนิตและบะซอลต์จากภูเขาไฟ คลุมด้วยหลังคาสีเขียว สร้างเสร็จในปี 1970 แทนพระตำหนักไม้หลังเดิมที่ถูกระเบิดในช่วงสงครามโลกในปี 1945
ที่มารูปภาพ : http://www.student.chula.ac.th/~49370861/images/harajuku.jpg
ที่มารูปภาพ : http://www.student.chula.ac.th/~49370861/images/ha6.jpg
ฮาราจูกุ (Harajooku) เป็นแหล่งรวมแฟชั่นทันสมัย เมื่อเดินเข้ามาบน Takeshita street ถนนช็อบปิ้งสุดฮิตของฮาราจูกุ จะพบกับวัยรุ่นที่แต่งตัวด้วยชุดอันร้อนแรงบวกกับสีสันอันเจิดจ้า นับว่าเป็นเอกลักษณ์ของที่นี่ ที่วัยรุ่นจะนิยมแต่งตัวแรงๆ เพื่อมาประชันกัน คล้ายๆ กับสยามสแควร์บ้านเรา ซึ่งนักท่องเที่ยวที่มาที่นี้จะนิยมถ่ายรูปกับวัยรุ่นที่แต่งตัวแรงๆ เพื่อเก็บไว้เป็นที่ระลึกว่า ครั้งหนึ่งได้มาเหยียบมาฮาราจูกุแล้ว หากใครมาแล้ว ไม่พบวัยรุ่นที่แต่งตัวแรงๆ ก็เหมือนมาไม่ถึงฮาราจูกุ