การทำรัฐประหาร

            ในช่วงฤดูร้อนปี 1963 ด้วยความสำเร็จของเอ็นเอลเอฟและความล้มเหลวของตัวเอง    (ความจริงต้องบอกด้วยว่ายังเกิดจากความฉ้อฉลของตัวรัฐบาลอีกด้วย -ผู้แปล)    รัฐบาลของเดียมกำลังอยู่ในสภาวะใกล้ล่มจม น้ องชายของเดียมคือ โง ดินห์ นู  ได้โจมตีเจดีย์ตามที่ต่าง ๆของศาสนาพุทธในเวียดนามใต้ โดยอ้างว่าเป็นแหล่งส่องสุมของพวกคอมมิวนิสต์ที่ทำลายเสถียรภาพของรัฐบาล ผลลัพธ์ก็คือการประท้วงอย่างหนักหน่วงบนท้องถนนของกรุงไซง่อนและพระภิกษุรูปหนึ่งได้ทำการเผาตัวเองจนมรณะภาพ ภ าพถ่ายพระที่จมอยู่ในกองเพลิงได้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลกและนำความอับอายอย่างมากมายมาสู่กรุงวอชิงตัน ปลายเดือนกันยายน การประท้วงของชาวพุทธได้ทำให้เวียดนามใต้แทบจะแตกเป็นเสี่ยงๆ  จนรัฐบาลของเคนนาดี้ต้องสนับสนุนให้กลุ่มนายพลทำรัฐประหาร  ในปี 1963 นายพล นายพลของเดียมเองหลายนายในกองกำลังของสาธารณรัฐเวียดนาม (เออาร์วีเอ็น)ก็ได้ติดต่อกับสถานทูตของสหรัฐฯในกรุงไซง่อนในการวางแผนโค่นเดียม เมื่อกรุงวอชิงตันขยิบตาให้ ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 1963 เดียมและและน้องชายก็ถูกจับกุมและถูกสังหาร แต่สามอาทิตย์หลังจากนั้น ประธานาธิบดีเคนนาดี้ก็ถูกลอบสังหารบนถนนในเมืองดัลลัส

               ในช่วงเวลาที่ทั้งเคนนาดี้และเดียมถูกสังหาร    มีที่ปรึกษาทางทหารของอเมริกาถึงหนึ่งหมื่นหกพันคนในเวียดนาม รัฐบาลของเคนนาดี้ได้จัดการให้มีการทำสงครามโดยปราศจากการส่งทหารจำนวนมากเข้าไป     อย่างไรก็ตามปัญหาทางการเมืองที่เรื้องรังในกรุงไซง่อนได้ทำให้ประธานาธิบดีคนใหม่คือลินดอน เบนส์ จอห์นสันเชื่อว่าปฏิบัติการที่ก้าวร้าวกว่าเดิมเป็นสิ่งเจำเป็น หรือบางที จอห์นสันนั้นมีใจฝักใฝ่ไปทางการส่งกำลังทหารหรือบางทีเหตุการณ์ในเวียดนามได้บีบให้ประธานาธิบดีต้องเข้าไปมีบทบาทมากขึ้น       แต่แล้วหลังจากที่เกิดเหตุการณ์การโจมตีของกลุ่มบุคคลที่สงสัยว่าเป็นคอมมิวนิสต์ต่อเรือรบของสหรัฐฯสองลำในอ่าวตังเกี๋ย    รัฐบาลของจอห์นสันได้ร้องขอรัฐสภาให้ประธานาธิบดีมีอำนาจในการสั่งการณ์สงครามครั้งใหญ่