.=. รัฐบาลสมัยนิกสัน .=.
![](/files/u19014/vietnam_war.jpg)
รัฐบาลสมัยนิกสัน
จอห์สันได้เปิดโต๊ะเจรจากับพวกเวียดนามอย่างลับ ๆในฤดูใบผลิตปี 1968 ที่กรุงปารีส และในไม่ช้าก็ประกาศว่าสหรัฐฯและเวียดนามกำลังตกลงเพื่อเจรจาการยุติสงครามที่ราคาแสนแพงนี้ ถึงแม้ว่าจะมีความสำเร็จที่กรุงปารีสแต่ พรรคเดโมเครตไม่สามารถชิงตำแหน่งประธานาธิบดีจากผู้ท้าชิงพรรครีพับริกันได้ด้วยเขาประกาศว่าเขามีแผนลับในการยุติสงคราม
แผนลับของนิกสัน ผลปรากฏว่าเป็นการยืมมาจากแผนของลินดอน จอห์นสันเมื่อปีที่แล้ว ประธานาธิบดีคนใหม่ยังคงดำเนินการแผนที่เรียกว่า "การทำให้เป็นเวียดนาม" (Vietnamization) ชื่อน่าเกลียดที่บอกเป็นนัยว่าชาวเวียดนามไม่ได้กำลังต่อสู้และตายในป่าทึบของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลยุทธนี้คือการนำทหารอเมริกันกลับบ้านและเพิ่มการโจมตีทางอากาศยังเวียดนามเหนือและพึ่งพิงกับการโจมตีภาคพื้นดินของกองทัพเวียดนามใต้มากขึ้น
ในช่วงเวลานี้ สหรัฐฯยังพบกับการขยายสงครามไปยังเพื่อนบ้านคือลาวและกัมพูชาในขณะที่ทำเนียบขาวพยายามอย่างสิ้นหวังในการทำลายที่พักพิงและเส้นทางลำเลียงเสบียง ของพวกคอมมิวนิสต์ การโจมตีทางอากาศอย่างหนักหน่วงในกัมพูชาปลายเมษายน 1970 ทำให้เกิดการประท้วงอย่างรุนแรงในมหาวิทยาลัยต่างๆ ทั่วอเมริกา ที่มหาวิทยาลัยเคนท์สเตทในโอไฮโอ นักศึกษาสี่คนถูกฆ่าโดยกองกำลังรักษาประเทศผู้ถูกระดมพลมารักษาความเรียบร้อยในมหาวิทยาลัยภายหลังจากมีการประท้วงนิกสันหลายวัน ก่อให้เกิดความตกตะลึงไปทั่วประเทศเมื่อนักศึกษาที่มหาวิทยาแจ๊กสันสเต็ทที่มิสซิสซิปปีก็ถูกยิงและเสียชีวิตเหมือนกันด้วยเรื่องการเมืองแบบนี้ ผู้เป็นแม่คนหนึ่งถึงกลับร่ำไห้"พวกเขาฆ่าลูกๆของพวกเราที่เวียดนามและยังตามมาฆ่าที่บ้านอีก"
![](/files/u19014/Clipkl_3.jpg)
กระนั้นการทำสงครามทางอากาศที่ขยายไปทั่วก็ไม่สามารถสะกัดกั้นพวกคอมมิวนิสต์ได้แถมยังทำให้มีการเจรจาที่กรุงปารีสยากเย็นขึ้นไปอีก แผนการทำให้เป็นเวียดนามของนิกสันทำให้เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในประเทศเบาลง แต่การพึ่งพิงกับการทิ้งระเบิดที่ดำเนินไปเรื่อย ๆ ของเขาทำให้พลเมืองอเมริกันเดือดดาล ต้นฤดูใบไม้ร่วงปี 1972 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เฮนรี่ คิสซิงเจอร์และตัวแทนของเวียดนามเหนือก็ได้ร่างแผนสันติภาพสำเร็จ กรุงวอชิงตันและกรุงฮานอยก็สันนิฐานว่าเวียดนามใต้จะยอมข้อตกลงที่ถูกเขียนในกรุงปารีสโดยปริยาย แต่ ผู้นำคนใหม่ในเวียดนามใต้คือประธานาบดีเหงียน วัน เทียน และรองประธานาธิบดี เหงียน เกา กีย์ปฏิเสธร่างสันติภาพและต้องการไม่ให้มีการประชุมใด ๆ ทั้งสิ้น เอ็นเอลเอฟเองก็ปฏิเสธร่างในบางส่วน สงครามกลับเข้มข้นขึ้นเมื่อรัฐบาลนิกสันได้สั่งให้มีการทิ้งระเบิดอย่างหนักหน่วงเหนือเป้าหมายในเมืองใหญ่ ๆของเวียดนามเหนือเช่นกรุงฮานอยและกรุงไฮฟง การโจมตีซึ่งบัดนี้เป็นที่รู้จักกันว่า "การทิ้งระเบิดคริสต์มาส"ทำให้ชุมชนนานาชาติประณามและกดดันให้รัฐบาลนิกสันต้องพิจารณากลยุทธและการเจรจาอีกครั้ง
![](/files/u19014/Cjlp_3.jpg)