.=. มติอ่าวตังเกี๋ย .=.
![](/files/u19014/vietnam_war.jpg)
มติอ่าวตังเกี๋ย
วันที่ 2 สิงหาคม 1964 เพื่อเป็นการโต้ตอบต่อความพยายามในการก่อวินาศกรรมของอเมริกาและเวียดนามใต้บริเวณพื้นที่ชายฝั่ง เวียดนามเหนือได้โจมตีเรือรบของอเมริกาบริเวณอ่าวตังเกี๋ย การโจมตีครั้งที่สองก็เกิดขึ้นในวันที่4 ถึงแม้หวอ เงวียน ย๊าป และผู้นำทางทหารของเวียดนามเหนือ รวมไปถึงรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯคือ โรเบิร์ต เอส แม็คนามาร่า จะสรุปก่อนหน้านี้ว่าจะไม่มีการโจมตีครั้งที่สองก็ตาม รัฐบาลของจอห์นสันก็ได้ใช้การโจมตีในวันที่สี่นี้ในการขอมติของรัฐสภาในการให้อำนาจอย่างเต็มที่ต่อประธานาบดี มติซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า"มติอ่าวตังเกี๋ย"ได้ผ่านทั้งสภาล่างและสภาวุฒิสมาชิกโดยมีเสียงคัดค้านเพียงสองเสียง ( นั้นคือวุฒิสมาชิกมอร์สจากโอเรกอนและเกรนนิ่งจากอลาสก้า ) มตินั้นได้ให้มีการโจมตีทางอากาศอย่างจำกัดเพื่อเป็นการตอบโต้เวียดนามเหนือ
![](/files/u19014/Clip_2_0.jpg)
(ภาพเรือรบกำลังโจมตีเวียดนามเหนือในปฏิบัติการอ่าวตังเกี๋ยในนิตยสารไลฟ์)
ภาระกิจการทิ้งระเบิดซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า "ปฏิบัติการสายฟ้าฟาด"และการนำกองกำลังสหรัฐฯเข้ามาในปี 1965 ทำให้พรรคคอมมิวนิสต์ต้องประเมินยุทธวิธีในสงครามเสียใหม่ ในช่วงปี 1960 จนไปถึงปลายปี 1964 พรรคเชื่อว่าตนสามารถรบเอาชนะเวียดนามใต้ได้ใน"ช่วงเวลาเพียงสั้นๆ " การพยากรณ์แบบมองโลกในแง่ดีจนเกินไปนี้ ตั้งอยู่บนสถานการณ์สงครามที่มีพื้นที่จำกัดในเวียดนามใต้และไม่ได้นับการเข้ามาเกี่ยวข้องของกองทัพสหรัฐฯ อย่างไรก็ตามเมื่อพบกับศัตรูคนใหม่ พรรคก็เปลี่ยนเป็นสงครามแบบยืดเยื้อ ความคิดก็คือต้ องทำให้สหรัฐฯติดหล่มในสงครามที่ไม่สามารถเอาต่อสู้ได้และต้องสร้างเงื่อนไขที่ไม่เอื้อต่อชัยชนะของอเมริกา พรรคคอมมิวนิสต์เชื่อว่าตนจะสามารถเอาชนะในสงครามแบบยืดเยื้อเพราะสหรัฐฯนั้นไม่อาจมีกลยุทธที่ชัดเจน ดังนั้นเอือมละอาต่อสงครามและต้องการเจรจาสงครามศึก ดังนั้นการพยากรณ์ที่สอดคล้องกับความเป็นจริงของกรุงฮานอยในปี 1965 จึงขึ้นกับกลยุทธเช่นนี้