• user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('ข้อคิดที่ได้จากเรื่อง', 'node/51570', '', '3.145.153.86', 0, '58fbfa32f69be37391cc1dfa48984e58', 130, 1716694188) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:046e2c6e80ecd93c7dbfc8ca5f3cd813' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p>\n<a href=\"/node/43169\">Home</a>              <a href=\"/node/50232\">  เนื้อเรื่องย่อ</a>                  <a href=\"/node/50243\">ชื่อกัณฑ์</a>                    <a href=\"/node/50259\"> กัณฑ์ที่1</a>                     <a href=\"/node/50268\">กัณฑ์ที่2</a>       \n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/50281\">กัณฑ์ที่3</a>             <a href=\"/node/50286\"> กัณฑ์ที่4</a>                    <a href=\"/node/50291\">กัณฑ์ที่5</a>                    <a href=\"/node/50297\">กัณฑ์ที่6</a>                <a href=\"/node/50312\">     กัณฑ์ที่7</a>\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/50322\">กัณฑ์ที่8</a>              <a href=\"/node/50333\">กัณฑ์ที่9</a>                    <a href=\"/node/50331\">กัณฑ์ที่10</a>                  <a href=\"/node/50344\">กัณฑ์ที่11</a>                   กัณฑ์ที่12\n</p>\n<p>\n<a href=\"/node/50354\">กัณฑ์ที่13</a>       <a href=\"/node/50361\">       รูปภาพ</a>                     <a href=\"/node/50366\">ประวัติผู้แต่ง</a>                <a href=\"/node/50368\">ผู้จัดทำ</a>                      <a href=\"/node/50376\">แหล่งที่มา</a>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\"></span>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<span style=\"color: #ff0000\">12.กัณฑ์ฉกษัตริย์</span>\n</p>\n<p style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" width=\"250\" src=\"/files/u20336/kan1212.jpg\" height=\"362\" />\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p class=\"namo-list\">\n<span style=\"color: #008000\">กัณฑ์ที่ 12 ฉกษัตริย์ มี 36 พระคาถา</span>\n</p>\n<p style=\"text-indent: 30px\" class=\"namo-list\">\nเมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัย ทรงดำเนินทัพไปตามระยะทางไม่เร่งร้อนทรงอาศัยพระชาลีกุมารนำทางมาโดยลำดับเป็นเวลา 1 เดือน 23 วันก็ถึงเขาวงกตใกล้อาศรมพระเวสสันดร แล้วโปรดให้หยุดพักอยู่ในที่ใกล้สระโบกขรณีมุจลินทร์ให้บ่ายหน้ารถกลับพระนครสีพี ด้วยสุดที่หมายปลายทางแล้ว เสียทหารทั้ง 4 เหล่าโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท สะเทือนสะท้อนลั่นป่าพระหิมพานต์ พระเวสสันดรทรงสดับเสียงทวยทหารบันลือลั่นเช่นนั้นก็ทรงตกพระทัย คิดไปว่าชะรอยจะเป็นอริราชข้าศึก ยกมาตีพระนครสีพีได้แล้วก็รีบเดินทัพมุ่งมาจับพระองค์ไปประหารพระชนม์ชีพ ตรัสชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูทหารบนภูเขา แม้อย่างนั้นแล้ว ก็ทรงแน่นพระทัยว่าเป็นข้าศึกใหญ่อยู่ ถึงกับทรงพระ-กันแสงกับพระนางมัทรีว่า ถึงวาระของพระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์ครั้งนี้แล้ว\n</p>\n<p style=\"text-indent: 30px\" class=\"namo-list\">\nไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงให้พ้นได้เพราะเวรกรรมแต่ปางก่อน ส่วนพระนางมัทรีไม่มีเห็นร่วมด้วย เห็นไปว่าเป็นกองทัพของพระราชบิดายกมารับกลับพระนครจึงมีหน้าตาเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส ทูลพระเวสสันดรว่า กองทัพที่ยกมาหาใช่เป็นอริราชศัตรูติดตามมาจับไม่ชะรอยจะเป็นทัพของสมเด็จพระราชบิดา ยกมารับกลับพระนครเป็นแน่สมดังกระแสพระดำริที่ทรงคิดไว้แล้ว และสมกับพรที่ท้าวสักกอมรินทร์ทรงประทานไว้ด้วย เพราะทวยทหารที่ยกมาแต่งเครื่องเป็นมงคล  ไม่ใช่ลักษณะออกศึก ขอพระองค์อย่าได้กินแหนงแคลงพระทัยเลย พระเวสสันดรกลับได้สติ เพ่งพิจารณาทหารตามคำทูลของพระนางมัทรี ก็ทรงเห็นสอดคล้องด้วยมีความปิติโสมนัส ชวนพระนางมัทรีเสด็จลงจากภูเขามาประทับนั่งที่หน้าพระอาศรม ทำพระทัยให้มั่นคง มิใช้ความยินดีดานใจให้ฟูจนลิงโลดออกมาทางกาย วาจา ให้เสียภูมิปราชญ์คอยต้อนรับพระราชบิดาด้วยพระอาการปกติก่อนเสด็จเข้าไปพบพระเวสสันดร พระเจ้ากรุงสันชัยทรงสั่งกับพระนางเจ้าผุสดีว่าเราทั้งหมด ไม่ควรจะด่วยเข้าไปพบพระเวสสันดรพร้อมกันคราวเดียว ควรจะเข้าไปเป็น 3 คราว คือคราวแรกพี่เข้าไป คราวที่สองให้ผุสดีไป คราวหลังใช้ชาลีกันกัณหาเข้าไป เมื่อเข้าไปเป็นระยะเช่นนี้ จะช่วยผ่อนความเศร้าโศกให้เบาบางได้ ครั้นตรัสแล้วก็เสด็จดำเนินไปที่พระอาศรมพร้อมด้วยราชบริพารด้วยอาการสงบ เมื่อพระเวสสันดรและพระนางมัทรี ได้ทอดพระเนตรเห็นก็พากันลุกออกมาต้อนรับ ทูลเชิญให้เสด็จเข้าประทับที่พระศรมถวายบังคมแทบพระบาทเบื้องต้นได้ทูลถามถึงทุกข์ส่วนพระองค์ ต่อนั้นก็ถามถึงพระโอรสทั้งสองก่อนใครหมดแล้วจึงได้ถามถึงพระนางผุสดีพระราชมารดาถัดไปจึงถามถึงชาวพระนครสีพี\n</p>\n<p style=\"text-indent: 30px\" class=\"namo-list\">\nพระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสบอกแล้ว ได้ตรัสถามถึงทุกข์สุขพระเวสสันดร และพระนางมัทรี ครั้งทรงทราบถึงความยากลำบากยากแค้นที่พระโอรสทั้งสองเล่าถวายก็ทรงพระกันแสงด้วยความสงสาร ต่อนั้นพระนางเจ้า\n</p>\n<p style=\"text-indent: 30px\" class=\"namo-list\">\nผุสดีก็เสด็จเข้าไปและต่อไปสองกุมารก็เสด็จเข้าไปยังอาศรมเมื่อได้ปะกันแล้วกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ได้รับความดีใจและความเสียใจ อย่างรุนแรงได้ทรงกันแสงสุดจะประมาณตลอดทั้งทวยทหารและเสวกามาตย์ ที่มาประชุมในที่นั้น สามารถทำพนาวันให้บันลือสนั่นทั่วหิมวันตประเทศ ท้าวสักกะเทเวศรจึงทรงบันดาล ให้ฝนตกลงมาประพรม ให้ชื่นบานพระทัย ยังกษัตริย์ทั้งหกและมหาชนทั้งหลายให้สร่างโศก เพราะอัญญมัญญวิปโยกดังพรรณนามา\n</p>\n<p style=\"text-indent: 30px\" class=\"namo-list\">\nต่อมามหาอำมาตย์ราชปุโรหิต จึงได้พร้อมกันทูลอัญเชิญให้ พระเวสสันดรทรงลาผนวชเสด็จไปครองราชย์สมบัติในพระนครสีพี ซึ่งทวยราษฎร์ ทั้งมวลมีความยินดีพร้อมกัน ถวาย ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ปกครองราชอาณาจักรสืบไป\n</p>\n', created = 1716694198, expire = 1716780598, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:046e2c6e80ecd93c7dbfc8ca5f3cd813' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

กัณฑ์ที่12

Home                เนื้อเรื่องย่อ                  ชื่อกัณฑ์                     กัณฑ์ที่1                     กัณฑ์ที่2       

กัณฑ์ที่3              กัณฑ์ที่4                    กัณฑ์ที่5                    กัณฑ์ที่6                     กัณฑ์ที่7

กัณฑ์ที่8              กัณฑ์ที่9                    กัณฑ์ที่10                  กัณฑ์ที่11                   กัณฑ์ที่12

กัณฑ์ที่13              รูปภาพ                     ประวัติผู้แต่ง                ผู้จัดทำ                      แหล่งที่มา

12.กัณฑ์ฉกษัตริย์

 

กัณฑ์ที่ 12 ฉกษัตริย์ มี 36 พระคาถา

เมื่อพระเจ้ากรุงสัญชัย ทรงดำเนินทัพไปตามระยะทางไม่เร่งร้อนทรงอาศัยพระชาลีกุมารนำทางมาโดยลำดับเป็นเวลา 1 เดือน 23 วันก็ถึงเขาวงกตใกล้อาศรมพระเวสสันดร แล้วโปรดให้หยุดพักอยู่ในที่ใกล้สระโบกขรณีมุจลินทร์ให้บ่ายหน้ารถกลับพระนครสีพี ด้วยสุดที่หมายปลายทางแล้ว เสียทหารทั้ง 4 เหล่าโห่ร้องกึกก้องกัมปนาท สะเทือนสะท้อนลั่นป่าพระหิมพานต์ พระเวสสันดรทรงสดับเสียงทวยทหารบันลือลั่นเช่นนั้นก็ทรงตกพระทัย คิดไปว่าชะรอยจะเป็นอริราชข้าศึก ยกมาตีพระนครสีพีได้แล้วก็รีบเดินทัพมุ่งมาจับพระองค์ไปประหารพระชนม์ชีพ ตรัสชวนพระนางมัทรีขึ้นไปแอบดูทหารบนภูเขา แม้อย่างนั้นแล้ว ก็ทรงแน่นพระทัยว่าเป็นข้าศึกใหญ่อยู่ ถึงกับทรงพระ-กันแสงกับพระนางมัทรีว่า ถึงวาระของพระองค์จะต้องสิ้นพระชนม์ครั้งนี้แล้ว

ไม่มีวิธีหลีกเลี่ยงให้พ้นได้เพราะเวรกรรมแต่ปางก่อน ส่วนพระนางมัทรีไม่มีเห็นร่วมด้วย เห็นไปว่าเป็นกองทัพของพระราชบิดายกมารับกลับพระนครจึงมีหน้าตาเบิกบานยิ้มแย้มแจ่มใส ทูลพระเวสสันดรว่า กองทัพที่ยกมาหาใช่เป็นอริราชศัตรูติดตามมาจับไม่ชะรอยจะเป็นทัพของสมเด็จพระราชบิดา ยกมารับกลับพระนครเป็นแน่สมดังกระแสพระดำริที่ทรงคิดไว้แล้ว และสมกับพรที่ท้าวสักกอมรินทร์ทรงประทานไว้ด้วย เพราะทวยทหารที่ยกมาแต่งเครื่องเป็นมงคล  ไม่ใช่ลักษณะออกศึก ขอพระองค์อย่าได้กินแหนงแคลงพระทัยเลย พระเวสสันดรกลับได้สติ เพ่งพิจารณาทหารตามคำทูลของพระนางมัทรี ก็ทรงเห็นสอดคล้องด้วยมีความปิติโสมนัส ชวนพระนางมัทรีเสด็จลงจากภูเขามาประทับนั่งที่หน้าพระอาศรม ทำพระทัยให้มั่นคง มิใช้ความยินดีดานใจให้ฟูจนลิงโลดออกมาทางกาย วาจา ให้เสียภูมิปราชญ์คอยต้อนรับพระราชบิดาด้วยพระอาการปกติก่อนเสด็จเข้าไปพบพระเวสสันดร พระเจ้ากรุงสันชัยทรงสั่งกับพระนางเจ้าผุสดีว่าเราทั้งหมด ไม่ควรจะด่วยเข้าไปพบพระเวสสันดรพร้อมกันคราวเดียว ควรจะเข้าไปเป็น 3 คราว คือคราวแรกพี่เข้าไป คราวที่สองให้ผุสดีไป คราวหลังใช้ชาลีกันกัณหาเข้าไป เมื่อเข้าไปเป็นระยะเช่นนี้ จะช่วยผ่อนความเศร้าโศกให้เบาบางได้ ครั้นตรัสแล้วก็เสด็จดำเนินไปที่พระอาศรมพร้อมด้วยราชบริพารด้วยอาการสงบ เมื่อพระเวสสันดรและพระนางมัทรี ได้ทอดพระเนตรเห็นก็พากันลุกออกมาต้อนรับ ทูลเชิญให้เสด็จเข้าประทับที่พระศรมถวายบังคมแทบพระบาทเบื้องต้นได้ทูลถามถึงทุกข์ส่วนพระองค์ ต่อนั้นก็ถามถึงพระโอรสทั้งสองก่อนใครหมดแล้วจึงได้ถามถึงพระนางผุสดีพระราชมารดาถัดไปจึงถามถึงชาวพระนครสีพี

พระเจ้ากรุงสัญชัยตรัสบอกแล้ว ได้ตรัสถามถึงทุกข์สุขพระเวสสันดร และพระนางมัทรี ครั้งทรงทราบถึงความยากลำบากยากแค้นที่พระโอรสทั้งสองเล่าถวายก็ทรงพระกันแสงด้วยความสงสาร ต่อนั้นพระนางเจ้า

ผุสดีก็เสด็จเข้าไปและต่อไปสองกุมารก็เสด็จเข้าไปยังอาศรมเมื่อได้ปะกันแล้วกษัตริย์ทั้งหกพระองค์ได้รับความดีใจและความเสียใจ อย่างรุนแรงได้ทรงกันแสงสุดจะประมาณตลอดทั้งทวยทหารและเสวกามาตย์ ที่มาประชุมในที่นั้น สามารถทำพนาวันให้บันลือสนั่นทั่วหิมวันตประเทศ ท้าวสักกะเทเวศรจึงทรงบันดาล ให้ฝนตกลงมาประพรม ให้ชื่นบานพระทัย ยังกษัตริย์ทั้งหกและมหาชนทั้งหลายให้สร่างโศก เพราะอัญญมัญญวิปโยกดังพรรณนามา

ต่อมามหาอำมาตย์ราชปุโรหิต จึงได้พร้อมกันทูลอัญเชิญให้ พระเวสสันดรทรงลาผนวชเสด็จไปครองราชย์สมบัติในพระนครสีพี ซึ่งทวยราษฎร์ ทั้งมวลมีความยินดีพร้อมกัน ถวาย ให้พระองค์เป็นกษัตริย์ปกครองราชอาณาจักรสืบไป

สร้างโดย: 
น.ส.อรอุมา โหมดนอก ม.6/1 เลขที่ 26

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 269 คน กำลังออนไลน์