คนที่ 6 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
นายกรัฐมนตรีคนที่ 6
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ภาพจาก : http://www.bloggang.com/data/bestsalt/picture/1139926054.jpg
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 13 : 17 กันยายน 2488 - 31 มกราคม 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 35 : 15 กุมภาพันธ์ 2518 - 13 มีนาคม 2518
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 37 : 20 เมษายน 2519 - 23 กันยายน 2519
สมัยที่ 4 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 38 : 25 กันยายน 2519 - 6 ตุลาคม 2519
ประวัติ
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2448 เวลา 04.00 น.
เป็นโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบกับหม่อมแดง (บุนนาค)
สมรสกับท่านผู้หญิงอุศนา ปราโมช
เริ่มศึกษาที่โรงเรียนราชินี โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ตามลำดับ
จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเทร้นท์ ประเทศอังกฤษ
ต่อจากนั้นที่วูซเตอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้รับปริญญาตรีด้านกฎหมาย เกียรตินิยมอันดับ 2
จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ลอนดอน
สอบไล่เนติบัณฑิตอังกฤษได้คะแนนยอดเยี่ยม ชั้น 1 จึงได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าแผ่นดินอังกฤษ
เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ได้ศึกษาวิชากฎหมายไทย จนกระทั่งได้รับ เนติบัณฑิตไทย และเข้าฝึกงานที่ศาลฎีกาเป็นเวลา 6 เดือน
จึงได้เป็นผู้พิพากษา ต่อมาย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้ช่วยกรรมการศาลฎีกาและผู้พิพากษาศาลอุทธรณ์ ตามลำดับ
ช่วงหลังของการรับราชการได้ย้ายไปกระทรวงการต่างประเทศ
และไดัรับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา
ในปี พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าสู่ประเทศไทย
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ประกาศนโยบายเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลในประเทศไทย
และได้รวบรวมคนไทยในต่างประเทศจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ
โดยปฏิบัติการติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร
เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ได้เดินทางกลับมารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2488
ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร
ซึ่งครั้งแรกอังกฤษได้ยื่นข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยเป็นเมืองในอาณัติของอังกฤษ
แต่หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ดำเนินการเจรจาให้ไทยได้ หลุดพ้นจากการเป็นเมืองในอาณัติได้
และจำเป็นต้องประกาศพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม
เพื่อลงโทษผู้นำหรือ หัวหน้ารัฐบาลที่ร่วมก่อให้เกิดสงครามและต้องเป็นฝ่ายปราชัย
ถ้าหากรัฐบาลไม่ตราพระราชบัญญัตินี้ ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะนำตัวผู้ต้องหาเป็นอาชญากรสงครามไปดำเนินคดีในต่างประเทศ
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หมุนเวียนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ครั้ง
ซึ่งครั้งสุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519
และพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ รน. ได้จัดตั้งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจ
หลังจากพ้นตำแหน่งแล้ว หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
และวางมือจากการเมือง ใช้ชีวิตสงบเงียบตลอดมา
และได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 รวมอายุได้ 92 ปีเศษ