ประเทศไทยกับเทคโนโลยีชีวภาพ
สำหรับหน้านี้ เราก็จะมาพูดถึงเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทยของเรากันบ้าง
อย่างที่เราทุกคนทราบกันดีอยู่แล้วว่า ประเทศไทยเป็นแผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์เหมาะแก่การเพาะปลูก ดังนั้นเทคโนโลยีชีวภาพจึงมีบทบาทอย่างมากในการเกษตรกรรม เช่น การปลูกถ่ายเนื้อเยื่อพืช การตัดแต่งพันธุกรรมของพืช โดยในการนำเทคโนโลยีชีวภาพมาใช้นั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำพืชดัดตัดแต่งยีนเข้ามาในประเทศ ต้องมีการควบคุมภายใต้ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.๒๕๐๗ และประกาศเพิ่มเติมของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เรื่อง การประกาศให้พืชตัดแต่งยีน ๔๐ ชนิดเป็นสิ่งต้องห้าม ดังนั้น หากมีผู้ประสงค์จะนำเข้าพืชตัดแต่งยีนเข้ามาทดลองในประเทศไทยจะต้องได้รับอนุญาตจากอธิบดีกรมวิชาการ-เกษตร โดยต้องผ่านกระบวนการของทางราชการ ทั้งนี้ การนำพืชตัดแต่งยีนเข้ามาทดลอง มีวัตถุประสงค์เพื่อพิสูจน์ว่าการปลูกพืชตัดแต่งยีนดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตอื่นหรือสิ่งแวดล้อม และมีความปลอดภัยเมื่อนำมาใช้เป็นอาหาร
สถาบันที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชีวภาพในประเทศไทย
ส่วนราชการ
๑. ศูนย์พันธุ์วิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC)
มีภารกิจในการสร้างพลวัตรทางเทคโนโลยีชีวภาพ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันทางเทคโนโลยีเพื่อการผลิตของประเทศ และพัฒนาความเป็นอยู่ รวมทั้งสิ่งแวดล้อมของประชาชนชาวไทยให้มีคุณภาพชีวิตดีขึ้น
ประเทศไทยได้จัดตั้งศูนย์พันธุ์วิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ (BIOTEC) ขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๒๖ เพื่อสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีของหน่วยงานในภาครัฐและเอกชน และดำเนินการวิจัยและพัฒนาอันจะเป็นประโยชน์ต่อวงการแพทย์ เกษตร อาหาร และสิ่งแวดล้อม
ผลงานวิจัยที่ได้มีการคิดค้นหรือทำประโยชน์ในเมืองไทย อาทิเช่น
๑. การพัฒนาพันธุ์พืชและผลิตผลจากพืช ได้แก่ การปรับปรุงพันธุ์มะเขือเทศ พริก ถั่วฝักยาวให้ต้านทานต่อศัตรูพืชด้วยเทคนิคการตัดต่อยีน การปรับปรุงและขยายพันธุ์พืชที่เหมาะกับเกษตรกรที่สูง เช่น สตรอเบอรี่ มันฝรั่ง
๒. การพัฒนาชนบทและเกษตรกรรายย่อย ได้แก่ การผลิตไหลสตรอเบอรี่สำหรับปลูกในภาคเหนือและอีสาน การใช้จุลินทรีย์ควบคุมโรคในแปลงปลูกมะเขือเทศ ขิง สตรอเบอรี่
๓. การเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ได้แก่ การขยายและปรับปรุงพันธุ์ กล้วย กล้วยไม้ ไผ่ ไม้ดอกไม้ประดับ หญ้าแฝก
๔. การพัฒนาปุ๋ยชีวภาพ ได้แก่ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก จุลินทรีย์ตรึงไนโตรเจน และปุ๋ยสาหร่าย
๕. การพัฒนาเทคโนโลยีลายพิมพ์ดีเอ็นเอ ได้แก่ การตรวจการปลอมปนข้าวหอมมะลิ การตรวจพันธุ์ปลาทูน่า
๖. การพัฒนาพันธุ์สัตว์และการตรวจวินิจฉัยโรคสัตว์ ได้แก่ การตรวจหาไวรัสสาเหตุโรคหัวเหลืองและจุดขาวจุดแดงในกุ้งกุลาดำ
๗. การวิจัยและพัฒนาทางการแพทย์ ได้แก่ การตรวจวินิจฉัยโรคไข้เลือดออก โรคทางเดินอาหาร การพัฒนาวิธีตรวจหาสารต่อต้านมาเลเรีย วัณโรคจากพืชและจุลินทรีย์ การพัฒนาการเลี้ยงเซลล์มนุษย์และสัตว์
๒. ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ
กระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อม โดยคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ได้แต่งตั้ง คณะอนุกรรมการอนุสัญญาว่าด้วยความหลากหลายทางชีวภาพ ขึ้น เพื่อทำหน้าที่พิจารณาการให้สัตยาบัน (Ratification) ต่ออนุสัญญาฯ และพิจารณามาตรการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพอย่างเหมาะสม คณะอนุกรรมการฯ ได้ตั้งคณะทำงานยกร่าง ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพ คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบในหลักการร่างระเบียบฯ เมื่อวันที่ ๒๐ มกราคม ๒๕๔๑ และในที่สุดได้รับการประกาศใช้เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม ๒๕๔๓ ในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีฯ นั้น ได้กำหนดให้มี คณะกรรมการการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพแห่งชาติ (กอช.) และมอบหมายให้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) จัดตั้ง "ศูนย์ความหลากหลายทางชีวภาพ" เพื่อทำหน้าที่เป็นสำนักงานเลขานุการให้กับ กอช. ในการประสานงานบริหารจัดการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพของไทย เพื่อรองรับการดำเนินงานในอนาคต ที่ประเทศไทยจะเข้าร่วมเป็นภาคีอนุสัญญาฯ นอกจากนี้ กระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ได้พิจารณาขยายขอบเขตภารกิจของ องค์กรประสานงานการอนุรักษ์และใช้ประโยชน์ความหลากหลายทางชีวภาพให้สามารถดำเนินงานได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยรวมถึงงานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพด้วย
องค์การระหว่างประเทศ
United Nations Environment Programme
มีภารกิจในการประสานความร่วมมือระหว่างนานาชาติเพื่อการปรับปรุงคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมเพื่ออนาคตของมนุษยชาติ
องค์การเอกชน
๑. องค์กรความหลากหลายทางชีวภาพและภูมิปัญญาไทย หรือ เครือข่ายสิทธิภูมิปัญญาไทย (BIOTHAI)
เป็นการรวมตัวขององค์กรพัฒนาเอกชน องค์กรประชาชน นักวิชาการและข้าราชการที่เห็นความสำคัญเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งนี้โดยเริ่มต้นกิจกรรมการรณรงค์และให้การศึกษาแก่สาธารณะเกี่ยวกับประเด็นความหลากหลายทางชีวภาพในสังคมไทยมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๘ เป็นต้นมา การดำเนินกิจกรรมของไบโอไทยได้รับการสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินการประมาณร้อยละ ๕๐ จากรัฐบาล เช่น จาก สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกิจกรรมที่เกี่ยวกับการวิจัย และการจัดประชุมทางวิชาการ
๒. องค์การสันติภาพเขียว
จัดตั้งขึ้นเพื่อต่อต้านการทำลายสิ่งแวดล้อมโดยไม่ใช้วิธีการรุนแรง ดำเนินการได้โดยการ เงินบริจาคจากผู้ที่รักสิ่งแวดล้อม และปฏิเสธที่จะรับเงินช่วยเหลือจากรัฐบาลและภาคเอกชน