พระราชกรณียกิจที่สำคัญของรัชกาลที่ ๒
พระราชกรณียกิจที่สำคัญของรัชกาลที่ ๒
สิ่งที่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเริ่มทำเร่งด่วนครั้งแรกคือ การรวบรวมผู้คนที่กระจัดกระจายกันอยู่ตั้งแต่ครั้งกรุงแตก
ให้อยู่ตั้งมั่นเพื่อความเป็นปึกแผ่นของประเทศ โดยออกพระราชกำหนดสักเลข และทำทะเบียนราษฎรอย่างจริงจัง
และได้ทรงผ่อนผันการเข้ารับราชการของพลเรือนชายให้เหลือเพียงปีละ 3 เดือน
(คือเข้ารับราชการ 1 เดือน แล้วกลับไปพักประกอบอาชีพส่วนตัวอีก 3 เดือน )
อกจากนี้ยังได้ทรงออกกฎหมายฉบับสำคัญอีกฉบับหนึ่งเรียกว่า พระราชกำหนดเรื่องห้าม สูบฝิ่น ขายฝิ่น
พร้อมทรงกำหนดบทลงโทษแก่ผู้ที่ฝ่าฝืนไว้ด้วย ทำให้ประเทศไทยในช่วงเวลานั้นไม่เกิดสงครามฝิ่นเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ
การทำนุบำรุงบ้านเมือง พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงเตรียมพร้อมในด้านการป้องกันอริราชศัตรู
โปรดเกล้าฯ ให้สร้างเมืองและป้อมปราการต่าง ๆ ขึ้นเพื่อให้เป็นเมืองหน้าด่านคอยป้องกันข้าศึกศัตรูที่จะยกเข้ามา
ทางทะเลที่เมืองสมุทรปราการและที่ปากลัด
การศาสนา พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ได้ทรงฟื้นฟูพระบวรพุทธศาสนาอย่างแข็งขัน
เช่น ให้ดำเนินการสร้างวัดสุทัศน์เทพวราราม และวัดพระพุทธบาทที่จังหวัดสระบุรีที่ได้สร้างค้างไว้ตั้งแต่สมัย
พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และโปรดให้สร้างวัดใหม่เพิ่มเติมขึ้นอีกคือ วัดชัยพฤกษมาลา วัดโมฬีโลกยาราม
วัดหงสาราม รวมทั้งการบูรณะปฎิสังขรณ์วัดอรุณราชวราราม โดยทำการสร้างพระอุโบสถ และพระวิหารขึ้นใหม่
เพื่อให้เป็นพระอารามหลวงประจำรัชกาลของพระองค์ และเนื่องจากในรัชกาลนี้ มีช้างเผือกมาสู่พระบารมีถึง 3 เชือก
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย จึงทรงมีพระราชดำริให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขธงชาติไท จากที่เคยใช้ธงสีแดงทั้งผืนมา
ตังแต่รัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ให้เป็นรูปช้างสีขาวอยู่ในวงจักรติดอยู่ตรงกลางผืนธงที่มีพื้นแดง ซึ่งได้ใช้ธงในรูปลักษณ์นี้
เป็นธงชาติไทยสืบต่อเรื่อยมาจนถึงในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ทรงมีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม
73 พระองค์ เสด็จอยู่ในราชสมบัติเป็นเวลา 14 ปีเศษ ก็ทรงพระประชวรด้วยพิษไข้ พระองค์ประชวรอยู่ได้เพียง 3 วัน ก็เสด็จสวรรคต
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม พุทธศักราช 2367 ขณะมีพระชนมายุได้ 58 พรรษา