อารยธรรมกรีก
สภาพภูมิศาสตร์กับการสร้างอารยธรรม
อารยธรรมกรีกกำเนิดในประเทศกรีซ ซึ่งตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ปลายสุดของทวีปยุโรป เป็นตำแหน่งที่มาบรรจบกันของทวีปยุโรป เอเชีย และแอฟริกา ทำให้กรีกโบราณได้รับอิทธิพลจากอียิปต์และเอเชีย กรีกมีพื้นที่รายน้อย พื้นที่ส่วนใหญ่เป็นภูเขาและหมู่เกาะในทะเลอีเจียน ประชาชนอาศัยอยู่ตามหมู่บ้านในบริเวณที่ราบเล็ก ๆ ในหุบเขาที่ห้อมล้อมด้วยภูเขาสูง เป็นอุปสรรคในการติดต่อระหว่างชุมชน สภาพภูมิศาสตร์เช่นนี้แบ่งแยกชุมชนต่าง ๆ ออกจากกัน แต่ละแห่งปกครองเป็นอิสระต่อกัน มีความผูกพันเฉพาะท้องที่ของตน และพัฒนาวิถีชีวิตของตนเอง คนในแต่ละท้องที่ถือเป็นกลุ่งเดียวกัน แต่บางกลุ่มก็ไม่ยุ่งกัน บางครั้งก็นำไปสู่การต่อสู้เพื่อแย่งชิงผลประโยชน์ในการดำรงชีวิต สภาพภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นภุเขา มีป่าหนาแน่น มีที่ราบน้อยและพื้นดินขาดความอุดมสมบูรณ์ ทำให้กรีกไม่สามารถพึ่งพาเกษตรกรรมในการดำรงชีวิตได้อย่างเต็มที่ ชาวกรีกส่วนใหญ่จะหันไปพึ่งทะเล จากลักษณะภูมิประเทศคล้ายแหลมยื่นลงไปในทะเล ทำให้กรีกมีชายฝั่งทะเลที่ยาวความเว้าแหว่งของชายฝั่งทะเลเป็นที่กำบังคลื่นลมได้ดีกลายเป็นท่าเรือ ชาวกรีกจำนวนมากที่อาศัยอยู่ตามเกาะได้ล่องเรือออกสู่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนไปติดต่อค้าขายกับดินแดนภายนอก กรีกในยุคต่าง ๆ สามารถแบ่งออกได้ดังนี้ 1) อารยธรรมไมนวน ( ประมาณ 2800 – 2100 ปีก่อนคริสต์ศักราช ) เป็นอารยธรรมยุคแรกของกรีกอยู่ที่เกาะครีตในทะเลอีเจียน สันนิษฐานว่าเกาะครีตรับอารยธรรมหลายอย่างจากอียิปต์ บริเวณเกาะครีตมีซากพระราชวังขนาดใหญ่ที่คนอสซัส ห้องต่าง ๆ ตกแต่งอย่างสวยงาม มีการวาดภาพธรรมชาติและการกีฬาไว้ที่ฝาผนัง นอกจากนี้ยังพบรูปแกะสลักขนาดเล็ทำจากงาช้าง อัญมณี แผ่นดินเผาจารึกตัวอักษรและอักษรภาพ แสดงถึงความรุ่งเรืองของวัฒนธรรม การล่มสลายของเกาะครีตมีแนวคิดคือ เกิดจากการประทุของภูเขาไฟที่ทำลายเมือง และการรุกรานของพวกไมซีเนียนจกแผ่นดินใหญ่ 2) อารยธรรมไมซีเนียน ( ประมาณ 1600 – 1000 ) พวกไมซีเนียนเป็นนักรบผู้นำกลุ่มต่าง ๆ ปกครองอย่ในพระราชวังขนาดใหญ่ที่อยู่บนเขาล้อมรอบด้วยกำแพงหินขนาดใหญ่ซึ่งอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปกครองแบบนครรัฐ ในเวลาต่อมาเรื่องราวการสู้รบของพวกไมซีเนียนที่ทำลายมืองทรอย ปรากฎอยู่ในมหากาพย์อีเลียด และโอดีสซี ของมหากวีโฮเมอร์ที่มีชื่อเสียงของกรีก3) ยุคมืด ( 1100 – 750 ปีก่อนคริสต์ศักราช ) หลังจากการล่มสลายของพวกไมซีเนียน กรีกเข้าสยุคตกต่ำ ความเป็นอยู่ของประชากรเสื่อมลง ประชากรไม่รู้หนังสือนักประวัติศาสตร์จึงเรียกช่วงนี้ว่ายุคมืด 4) ยุคคลาสสิก ( 750 – 500 ปีก่อนคริสต์ศักราช ) กรีกมีการปกครองแบบนครรัฐ ตั้งกระจัดกระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั้งฝั่งตะวันตกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ชายฝั่งทางใต้ของอิตาลี ทางใต้ของฝรังเศส และอีกหลายพื้นที่ นครรัฐที่สำคัฐมีบทบาทมากในประวัตืศาสตร?รีกโบราณ คือ นครรัฐเอเธนส์และนครรัฐสปาร์ตา ชาวกรีกเรียกขานรัฐว่า โพลิส (Polish) รวมถึงใช้เรียกสถานที่ที่เป็นศูนย์กลางกิจกรรมทางการเมือง ศาสนา และสังคมของโพลิส ซึ่งเรียกว่า อโครโพลิส ส่วนใหญ่อยู่บนภูเขาที่สูงที่สุดของเมือง การปกครองแบบโพลิส หมายถึง ทั้งระดับนคร เมือง และหมู่บ้าน ในระดับนครรัฐ แต่ละแห่งจะเป็นอิสระต่อกันและมีรูปแบบการปกครองที่หลากหลาย ประชากรในแต่ละโพลิสมีหลากหลาย มากน้อยแตกต่างกัน มีความจงรักภักดีและผูกพันเฉพาะรัฐของตน บางครั้งร่วมมือกันทำสงความกับศัตรูจากภายนอก เมื่อสงครามสงบก็แยกกันอยู่ตามเดิม หลังจากการทำสงครามกับเปอร์เซีย นครรัฐกรีกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ นครรัฐเอเธนส์กับนครรัฐสปาร์ตา และนครรัฐอื่น ๆ ความมั่นคงของเอเธนส์กับที่ดินที่ขาดแคลนของสปาร์ตา ทำให้สปาร์ตาทำสงครามกับเอเธนส์ เรียกว่า สงครามเพโลพอนนีเชียน ส่งผลให้กรีกอ่อนและเปิดโอกาสให้นครรัฐมาซิโดเนียของพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชขยายอำนาจเข้ามายังกรีกได้โดยง่าย ยุคนี้เรียกว่า ยุคเฮเลนิสติก มรดกทางอารยธรรมกรีก- ความเชื่อทางศาสนา ชาวกรีกนับถือเทพเจ้าหลายองค์และส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับธรรมชาติ เช่น เทพเจ้าแห่งทะเล ดวงอาทิตย์ เทพเจ้าที่ได้รับการยกย่องสูงสุดคือ เทพเจ้าซีอุส ชาวกรีกมีความคิดว่าเทพเจ้ามีความเป็นมนุษย์ มีอารมณ์ต่าง ๆ เหมือนกับมนุษย์ แต่มีฤทธิ์เหนือกว่า จึงปั้นรูปปั้นเทพเจ้าให้สวยงาม มีความเป็นหนุ่มสาว สถาปัตยกรรมและประติมากรรม-สถาปัตยกรรมของชาวกรีก คือ วิหารที่สร้างเพื่อบูชาเทพเจ้า วิหารสำคัญ คือ วิหารพาร์เธเนอที่เอเธนส์ สร้างขึ้นเพื่ออุทิศแด่เทพีอะธีนาผู้ปกป้องเอเธนส์ เป็นอาคารหินอ่อนขนาดใหญ่ มีเสาหินเรียงรายจำนวนมาก-ด้านประติกรรม ชาวกรีกนิยมปั้นและแกะสลักรูปปั้นเทพเจ้า เทพธิดาเหมือนมนุษย์ทั้งแสดงสีหน้า ท่าทาง มีกล้ามเนื้อ และแกะสลักหินอ่อนเป็นเสื้อผ้าที่ดูพลิ้วไหวเป็นธรรมชาติ อักษรศาสตร์ มหากาพย์อีเลียดและโอดัสซีของโฮเมอร์ ได้รับการยกย่องในด้านการประพันธ์ ทั้งภาษาที่ใช้ การวางโครงเรื่อง การดำเนินเรื่อง ถือเป็นแม่แบบวรรณกรรมของกรีกรวมทั้งยังใช้ศึกษาเรื่องราวทางประวัติศาสตร์กรีกยุคต้น รวทั้งยังมีนิทานอีสปที่ให้ข้อคิดและเป็นนิทานอมตะเฮโรโดตุส นักประวัติศาสตร์กรีกที่มีชื่อเสียงก็ไดรับการยกย่องให้เป็นบิดาแห่งประวัติศาสตร์ของโลกตะวันตก
ความเจริญทางปรัชญาและแนวคิด นักปราชญาสำคัญ เช่น โสคราตีส เน้นให้มีการตั้งคำถามและหาคำตอบในสิ่งต่าง ๆ เน้นความเป็นเหตุเป็นผล เพลโต นันเรื่องการค้นหาความจริง เรื่องการวิเคราะห์และจำแนกสิ่งต่าง ๆ บนพื้นฐานของการวิจัยและสำรวจ
ที่มา หนังสือประวัติศาสตร์สากล ม.4 - ม.6 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551
จัดทำโดย น.ส.นัตยา มณีกัญญ์ ม.6/1 เลขที่ 8 โรงเรียนศีลาจารพิพัฒน์
เข้ามาตรวจให้ด้วยนะค่ะ