.~. ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1 .~.
สาเหตุของการสิ้นสุดสงคราม
ฝ่ายประเทศมหาอำนาจกลาง ที่เป็นพันธมิตรกับประเทศเยอรมนี มักประสบความพ่ายแพ้ ส่งผลกระทบต่อแนวรบเยอรมนี เยอรมนีจึงอ่อนล้า และเกิดการจลาจลทั่วประเทศ
วันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 K.ไกเซอร์ วิลเลียมที่ 2 ลี้ภัยไปอยู่ฮอลแลนด์
วันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 เยอรมนีจึงยอมยุติสงครามเพื่อขอเจรจาทำสนธิสัญญาสงบศึกกับฝ่ายพันธมิตร
ชัยชนะของฝ่ายพันธมิตร
ฝ่ายพันธมิตรได้โจมตีโต้กลับ ซึ่งเป็นที่รู้จักกันว่า การรุกร้อยวัน เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 1918 ในยุทธการแห่งอเมนส์ กองทัพพันธมิตรสามารถรุกเข้าไปในแนวรบเยอรมันได้ 12 กิโลเมตรในเวลาเพียง 7 ชั่วโมง นายพลอิริค ลูเดนดอร์ฟได้กล่าวถึงวันนี้ว่าเป็น "วันอันมืดมนของกองทัพเยอรมัน"
กองทัพฝ่ายพันธมิตรนำโดยกองทัพผสมออสเตรเลีย-แคนาดาที่อเมนส์ และสนับสนุนการเดินทัพของกองทัพอังกฤษไปทางทิศเหนือ และกองทัพฝรั่งเศสไปทางทิศใต้ ขณะที่การต้านทานของฝ่ายเยอรมันที่มีต่อแนวรบกองทัพอังกฤษที่สี่ที่อเมนส์ หลังจากที่กองทัพอังกฤษสามารถรุกเข้าไปได้ 23 กิโลเมตร และสามารถยุติการรบลงได้ ส่วนกองทัพฝรั่งเศสที่สามได้ขยายแนวรบที่อเมนส์ในวันที่ 10 สิงหาคม ขณะที่อยู่ทางปีกขวาของกองทัพฝรั่งเศสที่หนึ่ง และสามารถรุกเข้าไปได้ 6 กิโลเมตร เข้าปลดปล่อยเมืองลาร์ชิญี ในการรบที่ดำเนินต่อไปจนกระทั่งถึงวันที่ 16 สิงหาคม ส่วนทางตอนใต้ นายพลมานแชงได้นำกองทัพฝรั่งเศสที่สิบมุ่งหน้าไปยังเมืองชัวสซอนส์ในวันที่ 20 สิงหาคม และสามารถจับทหารข้าศึกเป็นเชลยได้กว่าแปดพันคน ปืนใหญ่สองร้อยกระบอกและที่ราบสูงแอเนอ ซึ่งเป็นการกดดันทหารเยอรมันซึ่งประจำอยู่ทางตอนเหนือของเวสเลอ ซึ่งเป็น "วันอันมืดมน" อีกวันหนึ่งที่นายพลลูเดนดอร์ฟได้กล่าวถึง
ขณะที่กองทัพอังกฤษที่สามภายใต้การบัญชาการของนายพลบีนง พบว่าแนวรบของข้าศึกเปราะบางลงเนื่องจากมีการถอนกำลังออกไป จึงได้โจมตีด้วยรถถัง 200 คันไปยังเมืองบาโปม และในยุทธการแห่งอัลเบิร์ต กองทัพดังกล่าวได้รับคำสั่งเฉพาะว่า "ทำลายแนวรบของข้าศึก เพื่อที่จะโอบหลังแนวรบของศัตรู ณ เวลานี้" (ซึ่งตั้งอยู่ตรงข้ามกับกองทัพอังกฤษที่สี่ที่เมืองอเมนส์) ผู้บัญชาการทหารฝ่ายพันธมิตรพบว่าการโจมตีทางจุดต้านทานของศัตรูทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต และเห็นว่าควรจะผ่านจุดเหล่านี้ไป จากนั้นจึงมีการโจมตีอย่างรวดเร็วเพื่อชิงความได้เปรียบจากการโจมตีที่ประสบความสำเร็จ และยกเลิกกาโจมตีหากพบว่าความเร็วในการรุกลดลงจากเดิมแล้ว
ผลของสงครามโลกครั้งที่ 1
1. การสถาปนาองค์การสันนิบาตชาติแต่มีจุดอ่อนในการรักษาสันติภาพเพราะรัสเซียถอนตัวและสหรัฐอเมริกาไม่เข้าเป็นสมาชิก ทั้งยังไม่มีกองทหารรักษาสันติภาพด้วย
2. เกิดสนธิสัญญาสันติภาพที่ประเทศผู้ชนะร่างขึ้นมี 5 ฉบับ
- สนธิสัญญาแวร์ซายส์ทำกับเยอรมนี เยอรมนีต้องเสียค่าปฏิกรรมสงครามจำนวนมหาศาลและเสียดินแดนหลายแห่ง ทำให้เกิดวิกฤติเศรษฐกิจทั่วโลก ราคาสินค้าตกต่ำ ในเยอรมนีไม่สามารถใช้หนี้สงครามได้และมองสนธิสัญญานี้ว่าไม่เป็นธรรม จนฮิตเลอร์นำมาประณามเมื่อเริ่มมีอำนาจ
- สนธิสัญญาแซงต์ แยร์แมงทำกับออสเตรีย
- สนธิสัญญาเนยยี ทำกับบัลแกเรีย
-สนธิสัญญาตริอานองทำกับฮังการี
-สนธิสัญญาแซฟส์ทำกับตุรกีต่อมาเกิดการปฏิวัติในตุรกีจึงมีการทำสนธิสัญญาใหม่เรียกว่าสนธิสัญญาโล-ซานน์
3. ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น และความยากจนต่อเนื่องจากก่อนสงคราม นำไปสู่การที่เลนิน ปฏิวัติเปลี่ยนประเทศรัสเซียเป็นคอมมิวนิสต์ในช่วงปลายสงครามโลกครั้งที่ 1
4. ในยุโรป มีรูปแบบของรัฐเผด็จการแบบเบ็ดเสร็จ ระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 1 ได้แก่รัสเซีย เลนินปฏิวัตินำระบบคอม มิวนิสต์มาปกครองรัสเซียใน ค.ศ. 1917 และในค.ศ. 1924 -1953 สตาลินได้ใช้ระบบเผด็จการที่เน้นการปราบศัตรูทางการเมืองและการผูกขาดอำนาจด้วยความรุนแรงมากขึ้น ส่วนในเยอรมนี ฮิตเลอร์ได้เป็นผู้นำ ใช้ระบบเผด็จการโดยอำนาจพรรคนาซี ตั้งแต่ ค.ศ.1933 และในอิตาลี มุสโสลินีได้ตั้งพรรคฟาสซิสต์ขึ้นในเวลาต่อมา
5. เกิดประเทศใหม่ 7 ประเทศเนื่องมาจากการแยกดินแดนได้แก่ ฮังการี ยูโกสลาเวีย โปแลนด์ เชคโกสโลวาเกีย ลิทัวเนีย แลตเวีย แอสโตเนีย