.~. สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม .~.
สหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม
เหตุการณ์การรบในปี 1917 นั้นได้พิสูจน์ถึงชัยชนะของฝ่ายพันธมิตรได้เป็นอย่างดี และสงครามก็ใกล้จะยุติลง แต่ก็ยังไม่เห็นผลของสงครามจนกระทั่งปลายปี 1918 ผลจากการปิดล้อมของกองทัพเรืออังกฤษนั้นทำให้เกิดผลกระทบใหญ่หลวงต่อเยอรมนี เยอรมนีได้โต้ตอบด้วยการออกปฏิบัติการเรือดำน้ำแบบไม่จำกัดขอบเขตเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1917 โดยมีเป้าหมายเดียวกัน นั่นคือ การกำจัดเสบียงของฝ่ายตรงกันข้าม ระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนกรกฎาคม เรือรบอังกฤษถูกยิงจมไปคิดเป็นปริมาณเฉลี่ยกว่า 500,000 ตันต่อเดือน โดยความสูญเสียที่สูงที่สุดในเดือนเมษายน (กว่า 800,000 ตัน) หลังจากเดือนกรกฎาคม ระบบขบวนเรือคุ้มกันก็เริ่มได้ผล ทำให้เรือดำน้ำเยอรมันปฏิบัติการได้ยากขึ้น ระหว่างนั้น อุตสาหกรรมของเยอรมนีก็หยุดชะงักไป
ชัยชนะของฝ่ายมหาอำนาจกลางที่ยุทธการแห่งคาร์ปาเร็ตโตได้ส่งผลให้ฝ่ายพันธมิตรต้องมีการจัดตั้งสภาสูงสุดฝ่ายพันธมิตรขึ้น ตามผลของการประชุมราเพลโลเพื่อให้มีการวางแผนร่วมกันของผู้บัญชาการฝ่ายพันธมิตร ซึ่งก่อนหน้านั้น กองทัพอังกฤษและกองทัพฝรั่งเศสต่างก็แยกกันวางแผนของตนต่างหาก
ทหารเยอรมันเดินทัพผ่านที่มั่นฝ่ายอังกฤษ ซึ่งถูกยึดได้ระหว่างการรุกฤดูใบไม้ร่วง ปี 1918
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/6/6f/Bundesarchiv_Bild_183-R29407%2C_Westfront%2C_Stellungskrieg.jpg
ในเดือนธันวาคม ฝ่ายมหาอำนาจกลางได้ลงนามในสนธิสัญญาพักรบกับรัสเซีย ทำให้ฝ่ายมหาอำนาจกลางดึงทหารจำนวนมากมารบทางด้านตะวันตกเมื่อกองทัพเยอรมันและกองทัพอเมริกันที่เข้ามาใหม่มาเผชิญหน้ากันในแนวรบด้านตะวันตก จะเป็นการตัดสินผลของสงคราม ฝ่ายมหาอำนาจกลางรู้ดีว่าตนไม่สามารถเอาชนะการรบยืดเยื้อได้ แต่สามารถรอคอยเวลาสำหรับการรุกอย่างรวดเร็วได้ นอกเหนือจากนั้น ผู้นำฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางต่างก็หวั่นเกรงต่อความไม่สงบของสังคมและการปฏิวัติที่มีมากขึ้นในทวีปยุโรป เพราะฉะนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงต้องการชัยชนะขั้นเด็ดขาดอย่างรวดเร็วเหมือนกันทั้งสองฝ่าย
ในเดือนธันวาคม ฝ่ายมหาอำนาจกลางได้ลงนามในสนธิสัญญาพักรบกับรัสเซีย ทำให้ฝ่ายมหาอำนาจกลางดึงทหารจำนวนมากมารบทางด้านตะวันตกเมื่อกองทัพเยอรมันและกองทัพอเมริกันที่เข้ามาใหม่มาเผชิญหน้ากันในแนวรบด้านตะวันตก จะเป็นการตัดสินผลของสงคราม ฝ่ายมหาอำนาจกลางรู้ดีว่าตนไม่สามารถเอาชนะการรบยืดเยื้อได้ แต่สามารถรอคอยเวลาสำหรับการรุกอย่างรวดเร็วได้ นอกเหนือจากนั้น ผู้นำฝ่ายพันธมิตรและฝ่ายมหาอำนาจกลางต่างก็หวั่นเกรงต่อความไม่สงบของสังคมและการปฏิวัติที่มีมากขึ้นในทวีปยุโรป เพราะฉะนั้น ทั้งสองฝ่ายจึงต้องการชัยชนะขั้นเด็ดขาดอย่างรวดเร็วเหมือนกันทั้งสองฝ่าย
ประธานาธิบดีวิลสันปราศรัยต่อสภาคองเกรสเกี่ยวกับการตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับเยอรมนี เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 1917
สหรัฐอเมริกา ซึ่งเคยปฏิบัติตามลัทธิแยกตัวอยู่โดดเดี่ยว เพื่อหลีกเลี่ยงการเผชิญหน้ากับความขัดแย้งระหว่างประเทศและรักษาสันติภาพ เป็นผลให้เกิดความตึงเครียดในสหราชอาณาจักร เมื่อเรืออูเยอรมันจมเรือลูซิทาเนียของอังกฤษในปี 1915 ซึ่งมีชาวอเมริกันอยู่บนเรือ 128 คน ประธานาธิบดีวิลสันได้สาบานว่า "สหรัฐอเมริกามีทิฐิมากเกินกว่าจะสู้" และต้องการให้เยอรมนียกเลิกการโจมตีเรือพลเรือน ซึ่งเยอรมนีก็ยอมตาม แต่วิลสันก็ไม่สามารถที่จะประนีประนอมได้ เขาได้เตือนว่าสหรัฐอเมริกาจะไม่ทนต่อการใช้เรือดำน้ำโดยไม่จำกัด วิลสันได้รับแรงกดดันมาจากธีโอเดอร์ รูสเวลต์ผู้ซึ่งเรียกการกะทำของเยอรมนีว่าเป็นโจรสลัด ความต้องการของวิลสันที่จะได้นั่งเก้าอี้ในการเจรจาสันติภาพหลังสงครามเองก็เป็นส่วนสำคัญ ส่วนเลขาธิการแห่งรัฐ วิลเลียม เจนนิ่งส์ ไบรอันได้ลาออกเพื่อประท้วงต่อนโยบายผู้ค้าสงครามของวิลสัน ส่วนชาติอื่นที่ต้องการดึงสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม รวมถึงข้อสงสัยที่ว่าเยอรมนีจะเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการวางระเบิดนครต่าง ๆ ในสหรัฐอเมริกา
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/d/d4/Over_there_Louis_Fancher.jpg
เมื่อถึงเดือนมกราคม 1917 หลังจากแรงกดดันของกองทัพเรือที่มีต่อจักรพรรดิไกเซอร์ ทำให้การใช้เรือดำน้ำแบบไม่จำกัดเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง หน่วยถอดรหัสของราชนาวีอังกฤษ ที่เรียกว่า ห้อง 40 สามารถแกะรหัสลับทางการทูตของเยอรมนีได้ ที่เป็นที่รู้จักกันในภายหลังว่า โทรเลขซิมเมอร์แมนน์ ถูกส่งมาจากเบอร์ลินไปยังเม็กซิโกโดยเชิญชวนให้เม็กซิโกเข้าเป็นพันธมิตรกับเยอรมนีและต่อต้านสหรัฐอเมริกา ซึ่งข้อความดังกล่าวได้เสนอว่า หากสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม เม็กซิโกก็ควรจะประกาศสงครามกับสหรัฐอเมริกาและประกาศตัวเป็นพันธมิตรกับญี่ปุ่น เนื่องจากการกระทำดังกล่าวน่าจะเป็นการดึงไม่ให้สหรัฐอเมริกาเข้ากับฝ่ายพันธมิตรและส่งทหารเข้าสู่ภาคพื้นยุโรป และให้เวลากับเรืออูเยอรมันที่จะทำลายเรือของอังกฤษและเสบียงจำนวนมาก และเยอรมนีเสนอให้เม็กซิโกได้ดินแดนมลรัฐเท็กซัสมลรัฐนิวเม็กซิโกและมลรัฐแอริโซนาของสหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นการตอบแทน
กองทัพพันธมิตรหลบภัยในสนามเพลาะระหว่างยุทธการแห่งแม่น้ำซอมม์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม1917
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/thumb/f/f5/Royal_Irish_Rifles_ration_party_Somme_July_1916.jpg
หลังจากที่อังกฤษได้เปิดเผยข้อมูลดังกล่าวให้แก่สหรัฐอเมริกาแล้ว ประธานาธิบดีวิลสัน ผู้ซึ่งชนะการเลือกตั้งครั้งใหม่ และความพยายามที่จะป้องกันตัวเองในการเข้าไปพัวพันกับสงคราม เขาได้รีบเปิดเผยข้อความในโทรเลขนั้นแก่สาธารณชนเพื่อที่จะหาเสียงสนับสนุนการนำสหรัฐอเมริกาเข้าสู่สงคราม เขาเคยประกาศว่าจะวางตัวเป็นกลาง ขณะที่มีการส่งยุทธสัมภาระให้แก่อังกฤษและให้การสนับสนุนการปิดล้อมทางทะเลแก่เยอรมนีอย่างลับ ๆและวางทุ่นระเบิดในเขตน่านน้ำสากล และป้องกันไม่ให้เรือส่งอาหารส่งให้แก่เยอรมนี ภายหลังจากที่เรืออูเยอรมันจมเรือพาณิชย์อเมริกันไปเจ็ดลำ และมีการตีพิมพ์ข้อความในโทรเลขซิมเมอร์แมนน์ วิลสันก็ได้เรียกร้องให้มีการประกาศสงครามกับเยอรมนี ซึ่งสภาคองเกรสก็ได้ประกาศสงครามเมื่อวันที่ 6 เมษายน 1917
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเข้าสู่สงครามโดยอยู่ข้างเดียวกับฝ่ายพันธมิตร แต่ไม่เคยเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการของฝ่ายพันธมิตรเลย โดยเรียกตัวเองว่าเป็น "อำนาจผู้ให้ความช่วยเหลือ" สหรัฐอเมริกามีกองทัพเพียงเล็กน้อย แต่กระนั้น ก็คิดเป็นจำนวนกว่าสี่ล้านนาย และภายในฤดูร้อน 1918 ก็มีการส่งทหารใหม่กว่า 10,000 นายไปยังฝรั่งเศสทุกวัน ทางด้านฝ่ายเยอรมนีก็ประมาทสหรัฐอเมริกามากเกินไป เพราะเชื่อว่าการส่งกำลังพลมายังทวีปยุโรปต้องใช้เวลาหลายเดือน ซึ่งเมื่อถึงเวลานั้น เรืออูของตนจะสามารถหยุดยั้งกองทัพอเมริกันเอาไว้ได้
http://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/4/4a/African_American_Soldiers.jpg