เครื่องเรือน

เครื่องเรือนสามารถแบ่งออกได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้

1.เครื่องเรือนประเภทติดกับตัวอาคาร (Build-in Furniture) หมายถึง เครื่องเรือนที่ออกแบบมาเฉพาะสถานที่น้น หรือมุมนั้น ไม่สามารถยกย้ายไปที่อื่นได้ โดยมีเนื้อที่จำกัดขนาดอยู่ เช่น ออกแบบเครื่องเรือนห้องนอน มีตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ตู้ติดผนัง เป็นต้น

2.เครื่องเรือนประเภทลอยตัว (Floating Furniture) หมายถึง เครื่องเรือนที่ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก โดยไม่คำนึงถึงขนาดเนื้อที่ที่จัดวาง เป็นเครื่องเรือนที่สามารถเคลื่อนย้ายไปมาได้สะดวก เช่น โต๊ะ เก้าอี้ โซฟา เตียงนอน เป็นต้น

3.เครื่องเรื่องประเภทตกแต่ง (Decorative Furniture) หมายถึงเครื่องเรือนที่ใช้ประดับตกแต่ง บ้านเรือน อาคาร สำนักงาน เช่น ภาพวาด โคมไฟ พรม ผ้าม่าน เครื่องเซรามิค รูปปั้นเป็นต้น

การจัดวางเครื่องเรือน (Placement of Furniture) ควรคำนึงถึงพื้นที่การใช้งาน พื้นที่ว่าง มุมมองที่สวยงาม ปัญหาเรื่องพื้นที่แคบ ควรจัดวางเครื่องเรือนให้เหมาะสมกับสถานที่นั้น มีหลักการจัดวางดังนี้

1.การจัดวางให้มีประธาน (Principle Unit) หมายถึง การจัดวางให้มีจุดเด่น จุดรอง และองค์ปประกอบ ควรจัดวางเครื่องเรือนชิ้นใหญ่หรือที่มีรูปแบบพิเศษไว้ในที่เด่นสะดุดตา หรือในที่เหมาะสมดดยไม่เกะกะขวางทาง แล้วเสริมด้วยเครื่องเรือนชิ้นรองลงมาใกล้ๆกัน เพื่อเน้นจุดประธานให้ดูเด่น และควรมีเครื่องเรือนชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้อยู่ในกลุ่ม หรือในมุมที่เหมาะสม จะช่วยส่งเสริมให้สถานที่นั้นหรือภายในห้องนั้นสวยงามลงตัว

2.การจัดวางให้เป็นกลุ่ม (Island Type) หมายถึง การจัดวางเครื่องเรือนทั้งเล็กและใหญ่ไว้กลางห้อง หรือมุมใดมุมหนึ่งของห้อง ในกรณีที่บริเวณห้องนั้นมีหน้าต่างมาก หรือมีผนังเป็นกระจกรอบโดยจัดวางให้พื้นที่ด้านผนังเป็นทางเดิน

3.การจัดวางแบบธรรมดา (General Type) หมายถึง การจัดวางเครื่องเรือนให้ชิดผนัง หรือการจัดวางเครื่องเรือนที่มุมใดมุมหนึ่งของห้อง หรือจัดวางทะแยงมุมเพื่อให้มีพื้นที่ทางเดินกว้างขึ้น