• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:c54b399e97269cdae42e3b15bec70509' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n<strong><u> Fidel Castro (ฟิเดล คาสโตร)</u></strong>\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" src=\"/files/u20129/3.jpg\" height=\"388\" width=\"400\" /><br />\n<a href=\"http://www.carabao2524.com/board/images/2009/08/Carabao2524_00005070004.jpg\">http://www.carabao2524.com/board/images/2009/08/Carabao2524_00005070004.jpg</a>\n</p>\n<p>\n           “ฟิเดล คาสโตร” มีชื่อเต็มว่า “ฟิเดล อเลจันโดร คาสโตร รุซ” (Fidel Alejandro Castro Ruz) ถือกำเนิดเมื่อ 13 สิงหาคม ค.ศ.1926 ณ หมู่บ้านมายาริ (Mayari) จังหวัดโอเรียนเต้ (Oriente Province) ประเทศคิวบา เป็นบุตรของนายแองเกล คาสโตร (Angel Castro) และนางลิน่า รุซ (Lina Ruz) โดยที่นายแองเกล คาสโตร เป็นราชาที่ดินและทำไร่อ้อยผู้มั่งคั่งจากประเทศสเปน โดยลิน่า รุซ เป็นแม่ครัวและสาวใช้ประจำตัวภรรยาคนแรกของแองเกล คาสโตร ฟิเดล คาสโตร เป็นนักกรีฑาชั้นยอดตั้งแต่เยาว์วัย เคยได้รับรางวัลนักกรีฑายอดเยี่ยมในระดับโรงเรียนทั่วประเทศ ค.ศ.1947 ฟิเดล คาสโตร เข้าร่วมการกบฏเพื่อโค่นล้มจอมพลราฟาเอล ทรูจิลโล (Generalissimo Rafael Trujillo) ในสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ค.ศ.1948 ฟิเดล คาสโตร สมรสกับมีร์ต้า ดิแอซ-บาลาร์ต เมื่อ 12 ตุลาคม และมีบุตรชาย 1 คนในปี 1949 ชื่อ ฟิเดลิโต้ ต่อมาหย่าร้างในปี 1955 จากนั้นฟิเดล คาสโตร มีบุตร-ธิดา อีก 7 คนจากผู้หญิง 3 คน ประกอบด้วย คุณนายดาเลีย โซโต เดล แวลลี่ ซึ่งเธอให้กำเนิดบุตรชายล้วน คือ แอนโตนีโอ, อเลจันโดร, แองเกล, อเล็กซิส, อเล็กซ์ ส่วนจอร์จ แองเกล คาสโตร เกิดในปี 1950 โดยไม่รู้ว่าใครเป็นมารดา และมีบุตรสาว 1 คน คือ อลิน่า เฟอร์นานเดซ เรวูเอลต้า เกิดในช่วงปี 1950 จากมารดานาตาเลีย เรวูเอลต้า ค.ศ.1950 ฟิเดล คาสโตร จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาน่า และจัดตั้งสำนักงานฝึกหัดกฏหมายของตัวเอง โดยให้คำปรึกษาด้านกฏหมายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่คนจน ค.ศ.1952 ฟิเดล คาสโตร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร แต่พล.อ.ฟุลเจนซิโอ บาติสต้า ก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลลงเสียก่อน เมื่อ 10 มีนาคม ทำให้การเลือกตั้งถูกระงับไป ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าอาการป่วยของเขารุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตมากน้อยแค่ใหนหรือไม่ แต่ข่าวที่ปรากฏได้รับความสนใจและเป็นที่จับตาของทั่วโลก รวมถึงคิดกันต่อไปว่าคิวบาหลังยุคฟิเดล คาสโตร จะเป็นอย่างไร เมื่อเช้าตามเวลาในไทย เลขานุการส่วนตัวของประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร ปรากฏตัวผ่านทางโทรทัศน์และอ่านจดหมายแถลงการณ์การสละอำนาจผู้นำคิวบาเป็นการชั่วคราวให้แก่นายราอูล คาสโตร (Raul Castro) น้องชายของประธานาธิบดีคาสโตร วัย 75 ปี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ในจดหมายของประธานาธิบดีคาสโตร ซึ่งกำลังจะอายุครบ 80 ปีในวันที่ 13 เดือนสิงหาคมนี้ ระบุสาเหตุของการสละอำนาจชั่วคราวในครั้งนี้ว่าเพราะเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง เนื่องจากความเครียดในช่วงที่เดินทางร่วมประชุมและปรากฏตัวในอาร์เจนติน่าและคิวบาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และหลังผ่าตัดเขาจำเป็นต้องพักฟื้นหลายสัปดาห์ นายราอูล คาสโตร ไม่ได้ปรากฏตัวในการแถลงครั้งนี้ด้วย ฟิเดล คาสโตร เป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ยาวนานที่สุดในโลกนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะจากการโค่นล้มรัฐบาลฝ่ายขวาภายใต้การนำของนายฟุลเจนซิโอ บาติสต้า ที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ด้วยกำลังอาวุธ เมื่อ 1 มกราคม 1959 มีเพียงพระราชินีอลิซซาเบธของอังกฤษเท่านั้นที่เป็น “ประมุขรัฐ” ยาวนานกว่าเท่านั้น สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองรัฐบาลคิวบาภายใต้การนำของนายฟิเดล คาสโตร แต่ต่อมาคาสโตรปฏิรูปเศรษฐกิจมาเป็นแบบสังคมนิยมและทำการไต่สวนผู้สนับสนุนนายบาติสต้าอย่างรวดเร็ว สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำสหรัฐฯ จนออกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าและตัดสัมพันธ์ทางการทูต ทำให้คาสโตรโต้ตอบด้วยการยึดทรัพย์สินและธุรกิจของชาวอเมริกันในคิวบาทั้งหมด และหันไปพึ่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหารจากสหภาพโซเวียตแทน วันที่ 16 เมษายน 1961 คาสโตรประกาศว่าการปฏิวัติของเขาเป็นสังคมนิยม วันรุ่งขึ้นทำการหยามหน้าสหรัฐฯ ด้วยการจับกุมตัวทหารคิวบาพลัดถิ่นภายใต้การหนุนหลังของสหรัฐฯ กว่า 1,100 นาย ที่พยายามบุกข้ามน้ำมาโค่นล้มคาสโตร ที่อ่าวเบย์ ออฟ พิก ขณะที่กองกำลังปฏิวัติคิวบาเปิดโรงเรียนใหม่ กว่า 10,000 แห่ง ขจัดการไม่รู้หนังสือ สร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า คาสโตรสนับสนุนขบวนการปฏิวัติในอเมริกาใต้และแอฟริกา คิวบาเป็น 1 ใน 5 ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในโลก โดยอีก 4 ประเทศล้วนอยู่ในทวีปเอเชีย ประกอบด้วย จีน เวียดนาม ลาว และเกาหลีเหนือ\n</p>\n<p align=\"center\">\n<img border=\"0\" src=\"/files/u20129/a_2.gif\" height=\"18\" width=\"18\" /><img border=\"0\" src=\"/files/u20129/l_y.gif\" height=\"14\" width=\"360\" /><img border=\"0\" src=\"/files/u20129/a_3.gif\" height=\"18\" width=\"18\" />\n</p>\n<p align=\"center\">\n<a href=\"/node/47413\" title=\"Franklin Delano (แฟรงคลิน ดี รูสเวลท์) \"><img border=\"0\" src=\"/files/u20129/ba_r.gif\" height=\"40\" width=\"52\" /></a>                                                             <a href=\"/node/43388\" title=\"HOME\"><img border=\"0\" src=\"/files/u20129/h_r2.gif\" height=\"40\" width=\"52\" /></a>                                                         <a href=\"/node/47415\" title=\"Gamal Abdel Nasser (กามาล อับเดล บัสเซอร์)\"><img border=\"0\" src=\"/files/u20129/n_gl.gif\" height=\"40\" width=\"52\" /></a>\n</p>\n', created = 1728215958, expire = 1728302358, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:c54b399e97269cdae42e3b15bec70509' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

Fidel Castro (ฟิเดล คาสโตร)

 Fidel Castro (ฟิเดล คาสโตร)


http://www.carabao2524.com/board/images/2009/08/Carabao2524_00005070004.jpg

           “ฟิเดล คาสโตร” มีชื่อเต็มว่า “ฟิเดล อเลจันโดร คาสโตร รุซ” (Fidel Alejandro Castro Ruz) ถือกำเนิดเมื่อ 13 สิงหาคม ค.ศ.1926 ณ หมู่บ้านมายาริ (Mayari) จังหวัดโอเรียนเต้ (Oriente Province) ประเทศคิวบา เป็นบุตรของนายแองเกล คาสโตร (Angel Castro) และนางลิน่า รุซ (Lina Ruz) โดยที่นายแองเกล คาสโตร เป็นราชาที่ดินและทำไร่อ้อยผู้มั่งคั่งจากประเทศสเปน โดยลิน่า รุซ เป็นแม่ครัวและสาวใช้ประจำตัวภรรยาคนแรกของแองเกล คาสโตร ฟิเดล คาสโตร เป็นนักกรีฑาชั้นยอดตั้งแต่เยาว์วัย เคยได้รับรางวัลนักกรีฑายอดเยี่ยมในระดับโรงเรียนทั่วประเทศ ค.ศ.1947 ฟิเดล คาสโตร เข้าร่วมการกบฏเพื่อโค่นล้มจอมพลราฟาเอล ทรูจิลโล (Generalissimo Rafael Trujillo) ในสาธารณรัฐโดมินิกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ ค.ศ.1948 ฟิเดล คาสโตร สมรสกับมีร์ต้า ดิแอซ-บาลาร์ต เมื่อ 12 ตุลาคม และมีบุตรชาย 1 คนในปี 1949 ชื่อ ฟิเดลิโต้ ต่อมาหย่าร้างในปี 1955 จากนั้นฟิเดล คาสโตร มีบุตร-ธิดา อีก 7 คนจากผู้หญิง 3 คน ประกอบด้วย คุณนายดาเลีย โซโต เดล แวลลี่ ซึ่งเธอให้กำเนิดบุตรชายล้วน คือ แอนโตนีโอ, อเลจันโดร, แองเกล, อเล็กซิส, อเล็กซ์ ส่วนจอร์จ แองเกล คาสโตร เกิดในปี 1950 โดยไม่รู้ว่าใครเป็นมารดา และมีบุตรสาว 1 คน คือ อลิน่า เฟอร์นานเดซ เรวูเอลต้า เกิดในช่วงปี 1950 จากมารดานาตาเลีย เรวูเอลต้า ค.ศ.1950 ฟิเดล คาสโตร จบการศึกษาระดับปริญญาเอกด้านกฏหมายจากมหาวิทยาลัยฮาวาน่า และจัดตั้งสำนักงานฝึกหัดกฏหมายของตัวเอง โดยให้คำปรึกษาด้านกฏหมายโดยไม่คิดค่าใช้จ่ายแก่คนจน ค.ศ.1952 ฟิเดล คาสโตร ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นผู้แทนราษฎร แต่พล.อ.ฟุลเจนซิโอ บาติสต้า ก่อรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลลงเสียก่อน เมื่อ 10 มีนาคม ทำให้การเลือกตั้งถูกระงับไป ขณะนี้ยังไม่มีใครทราบว่าอาการป่วยของเขารุนแรงและเป็นอันตรายต่อชีวิตมากน้อยแค่ใหนหรือไม่ แต่ข่าวที่ปรากฏได้รับความสนใจและเป็นที่จับตาของทั่วโลก รวมถึงคิดกันต่อไปว่าคิวบาหลังยุคฟิเดล คาสโตร จะเป็นอย่างไร เมื่อเช้าตามเวลาในไทย เลขานุการส่วนตัวของประธานาธิบดีฟิเดล คาสโตร ปรากฏตัวผ่านทางโทรทัศน์และอ่านจดหมายแถลงการณ์การสละอำนาจผู้นำคิวบาเป็นการชั่วคราวให้แก่นายราอูล คาสโตร (Raul Castro) น้องชายของประธานาธิบดีคาสโตร วัย 75 ปี ซึ่งเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ในจดหมายของประธานาธิบดีคาสโตร ซึ่งกำลังจะอายุครบ 80 ปีในวันที่ 13 เดือนสิงหาคมนี้ ระบุสาเหตุของการสละอำนาจชั่วคราวในครั้งนี้ว่าเพราะเขาต้องเข้ารับการผ่าตัดรักษาอาการเลือดออกในกระเพาะอาหารอย่างรุนแรง เนื่องจากความเครียดในช่วงที่เดินทางร่วมประชุมและปรากฏตัวในอาร์เจนติน่าและคิวบาในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา และหลังผ่าตัดเขาจำเป็นต้องพักฟื้นหลายสัปดาห์ นายราอูล คาสโตร ไม่ได้ปรากฏตัวในการแถลงครั้งนี้ด้วย ฟิเดล คาสโตร เป็น “หัวหน้ารัฐบาล” ยาวนานที่สุดในโลกนับตั้งแต่ได้รับชัยชนะจากการโค่นล้มรัฐบาลฝ่ายขวาภายใต้การนำของนายฟุลเจนซิโอ บาติสต้า ที่ได้รับการหนุนหลังจากสหรัฐฯ ด้วยกำลังอาวุธ เมื่อ 1 มกราคม 1959 มีเพียงพระราชินีอลิซซาเบธของอังกฤษเท่านั้นที่เป็น “ประมุขรัฐ” ยาวนานกว่าเท่านั้น สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ให้การรับรองรัฐบาลคิวบาภายใต้การนำของนายฟิเดล คาสโตร แต่ต่อมาคาสโตรปฏิรูปเศรษฐกิจมาเป็นแบบสังคมนิยมและทำการไต่สวนผู้สนับสนุนนายบาติสต้าอย่างรวดเร็ว สร้างความไม่พอใจให้กับผู้นำสหรัฐฯ จนออกมาตรการคว่ำบาตรทางการค้าและตัดสัมพันธ์ทางการทูต ทำให้คาสโตรโต้ตอบด้วยการยึดทรัพย์สินและธุรกิจของชาวอเมริกันในคิวบาทั้งหมด และหันไปพึ่งความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจและการทหารจากสหภาพโซเวียตแทน วันที่ 16 เมษายน 1961 คาสโตรประกาศว่าการปฏิวัติของเขาเป็นสังคมนิยม วันรุ่งขึ้นทำการหยามหน้าสหรัฐฯ ด้วยการจับกุมตัวทหารคิวบาพลัดถิ่นภายใต้การหนุนหลังของสหรัฐฯ กว่า 1,100 นาย ที่พยายามบุกข้ามน้ำมาโค่นล้มคาสโตร ที่อ่าวเบย์ ออฟ พิก ขณะที่กองกำลังปฏิวัติคิวบาเปิดโรงเรียนใหม่ กว่า 10,000 แห่ง ขจัดการไม่รู้หนังสือ สร้างระบบประกันสุขภาพถ้วนหน้า คาสโตรสนับสนุนขบวนการปฏิวัติในอเมริกาใต้และแอฟริกา คิวบาเป็น 1 ใน 5 ประเทศคอมมิวนิสต์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่ในโลก โดยอีก 4 ประเทศล้วนอยู่ในทวีปเอเชีย ประกอบด้วย จีน เวียดนาม ลาว และเกาหลีเหนือ

                                                                                                                     

สร้างโดย: 
น.ส.เขมจิรา เชษฐ์ชัยอมรกุล

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 360 คน กำลังออนไลน์