กลูตาไธโอน
ฉีดกลูตาไธโอน" ขาว ..แต่อันตรายถึงชีวิต "
แหล่งที่มา : http://www.namjai.com/new/pixb_tips/1227842946.jpg
สาวๆบางคนอาจยังสงสัยว่า กลูตาไธโอน คืออะไร? สาวๆต่างพากันไปฉีดเพราะสรรพคุณที่ว่าฉีดแล้วจะสวยขาวใสดั่งอาหมวย ผิวจะขาวผ่องเป็นยองใย แสนเสน่ห์เลยจะมาบอกเพิ่มเติมว่า เจ้ากลูตาไธโอน ที่สาวๆทั้งหลาย ทั้งดารานักร้องต่างแห่กันไปฉีดเนี่ยมันมีผลข้างเคียงอย่างไร
สารกลูตาไธโอน เป็นโปรตีนที่ร่างกายเราสังเคราะห์ได้เอง ทำหน้าที่ปกป้องเนื้อเยื่อของอวัยวะทุกส่วนโดยการต่อต้านอนุมูลอิสระที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ และกระตุ้นภูมิคุ้มกันของร่างกาย ช่วยตับขจัดสารพิษ โดยเฉพาะตัวยาหรือสารพิษที่ไม่ละลายน้ำ เช่น โลหะหนัก สารฆ่าแมลง เมื่อร่วมตัวกับสารกลูตาไธโอนจะช่วยให้ละลายน้ำได้และถูกกำจัดออกจากร่างกาย ช่วยปกป้องดีเอ็นเอของเซลล์ไม่ให้ถูกทำลาย ซึ่งเป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งนั่นเอง
เนื่องจากร่างกายเราสร้างกลูตาไธโอนได้เอง เมื่อต้องเสริมกลูตาไธโอนในปริมาณมากเพื่อมุ่งรักษาโรค จึงมีผลข้างเคียงโดย กลูตาไธโอนมีฤทธิ์ไปยับยั้งเอนไซม์ไทโรซิเนส ซึ่งทำให้เม็ดสีของผิวหนังเปลี่ยนจากสีน้ำตาลดำเป็นเม็ดสีชมพูขาว ทำให้ผิวขาวขึ้นในเวลาอันสั้น จึงเกิดการแตกตื่นและนำกลูตาไธโอนมาเเป็นอาหารเสริมเพื่อชะลอวัย และหวังผลให้ผิวขาวใสหรือผิวขาวอมชมพู
กิน-ฉีดให้ขาว อันตรายถึงชีวิต
ในความเป็นจริงยาเม็ดที่เป็นอาหารเสริมไม่มีผลให้ผิวขาว เพราะสารชนิดนี้ไม่สามารถดูดซึม และจะถูกขจัดออกจากร่างกายในที่สุด จึงได้มีการดัดแปลงนำมาผสมกับวิตามินซีแล้ว ฉีดเข้าเส้นเลือดหรือกล้ามเนื้อครั้งละ 600 มิลลิลิตร สัปดาห์ละครั้ง ราคา 4,000-5,000 บาท ติดต่อกัน 3-5 สัปดาห์ ผิวจะเริ่มขาวขึ้นหลังฉีดครั้งแรกประมาณ 1 เดือน หลังจากนั้น 2 เดือนผิวจะกลับมาเป็นสีเดิมจึงต้องฉีดซ้ำอยู่เป็นระยะ
ต่อมาองค์การอาหารและยาได้ประกาศห้ามใช้กลูตาไธโอนเพื่อช่วยผิวขาวแล้ว เนื่องจาก กลูตาไธโอนทั้งชนิดเม็ดและชนิดฉีดเพื่อมุ่งผิวขาวมีกลูตาไธโอนสูงถึง 500-1,000 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าปริมาณที่แพทย์อนุญาตให้ผู้ป่วยใช้ คือ ไม่เกิน 250 มิลลิกรัมต่อวัน และอาจทำให้แพ้ยาจนช็อกถึงขึ้นเสียชีวิตเฉียบพลัน หรือส่งผลในระยะยาว เช่น สะสมในร่างกายส่งผลเสียต่อตับและไตได้ และทำให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังเนื่องจากผิวไวต่อแสงแดดเพราะเม็ดสีผิวถูกทำลาย
เสริมกลูตาไธโอนด้วยการกิน
แม้การบริโภคกลูตาไธโอนในปริมาณมากจะส่งผลเสียต่อร่างกาย แต่เมื่ออายุมากขึ้นหรือมีโรคแทรกซ้อน อาจทำให้ ปริมาณกลูตาไธโอนที่ร่างกายผลิตได้ลดลง ทำให้ร่างกายขาดสารต้านอนุมูลอิสระ ผิวแห้งเหี่ยวเร็ว ไม่เปล่งปลั่ง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ (ในกรณีที่ป่วย) หรือเลือกกินอาหารที่ช่วยกระตุ้นร่างกายให้สร้างกลูตาไธโอนได้ดีขึ้น ได้แก่ ปลา เนื้อหมู เนื้อวัว นม ไข่ หน่อไม้ฝรั่ง ผักโขม มะเขือเทศ และผลไม้ เช่น แตงโม สตรอว์เบอร์รี่ องุ่น อะโวคาโด