สำนวนหมวดอักษร ด
http://thaiidiom.kapook.com/wp-content/uploads/2009/04/s03.jpg
ดูช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่
สำนวนทำนองนี้ มีอยู่ด้วยกันหลายประโยค และมีความหมายไปในทำนองเดียวกัน เช่น "ดูวัวให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่" "ดูข้างให้ดูหน้าหนาว ดูสาวให้ดูหน้าร้อน" ดังที่ได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้ว แต่สำนวนที่ว่า "ดูช้างให้ดูหาง" นี้มุ่งให้ดูหางช้าง ที่บอกลักษณะว่าเป็นช้างดีหรือช้างเผือก เพราะที่ปลายหางของมันยังเหลือให้เห็นสีขาวอยู่ตามเรื่องที่เล่าว่า เวลาช้างพังตกลูกเป็นช้างเผือกสีประหลาด พวกช้างพลายและช้างพังจะช่วยกัน "ย้อม" กลายลูกมันเสีย ด้วยการใช้ใบไม้หรือขี้โคนดำ ๆ พ่นทับ เพื่อมิให้คนรู้ว่าเป็นช้างเผือกแล้วมาจับไปหรืออย่างไรไม่แน่ชัด แต่การย้อมลูกของมันด้วยสีเผือกให้เป็นสีนิลนั้น ก็ยังเหลือร่องรอยอยู่อย่างหนึ่ง คือที่ปลายหางเป็นสีขาว เหตุนี้เขาจึงให้สังเกตลักษณะของช้างเผือกที่ตรงหางไว้เป็นหลักสำคัญ
ได้แกง เทน้ำพริก
เป็นสำนวนที่มีความหมายอธิบายง่าย ๆ เปรียบเทียบว่า ได้ใหม่ลืมเก่านั่นเอง มักจะใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า ผู้ชายเราที่ได้ภรรยาใหม่ก็ทิ้งเก่าไปเลย คำว่า "น้ำพริก" หรือ "น้ำพริกถ้วยเก่า" เราจะหมายถึงภรรยาเก่าโดยเฉพาะ เพราะ "น้ำพริก" เป็นอาหารประจำวันของคนไทยเราที่ไม่มีการยักย้ายเปลี่ยนแปลงเหมือนแกงหรือผัด และมักจะมีประจำเกือบทุกมื้อก็ว่าได้
ดอกกระดังงาไทย ไม่ลนไฟไม่หอม
ตามความหมายของสำนวนอย่างหนึ่งว่า สิ่งใดก็ตามถ้าปล่อยทิ้งไว้เปล่า ๆ หรือไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็เป็นสิ่งธรรมดาไม่ดีหรือไม่เลว แต่ถ้าไปทำให้มีเรื่องขึ้น กลับดูเหมือนจะทำให้ดีกว่าเก่ายิ่งขึ้นกว่าเดิม ตามความหมายดังกล่าวนี้ เราจึงมักจะเอามาใช้เป็นสำนวนเปรียบเปรยว่า หญิงสาวบางคนที่บริสุทธิ์นั้นดูเป็นสิ่งธรรมดาไม่มีอะไรเป็นจุดเด่นหรือแปลก แต่ถ้าได้แต่งงานหรือมีสามีเสียครั้งหนึ่งแล้ว เลิกร้างกันกลับกลายเป็น "แม่หม้ายเนื้อหอม" ไปได้ เปรียบกับดอกกระดังงาไทย เมื่อเอามาลนไฟด้วยเทียนขี้ผึ้งจะมีกลิ่นหอมแรงขึ้น
http://www.patai.th.edu/pj/lotus/c_dedbua.htm
เด็ดบัวไม่ไว้ใย
หมายความว่า ตัดสัมพันธไมตรีหรือความเป็นมิตรสนิท หรือเคยเป็นคนรักใคร่ชอบพอกันมาก่อน อย่างชนิดที่ไม่ยอมคืนดีกัน การที่เอาดอกบัวมาเปรียบก็เพราะเหตุที่ว่า ดอกบัวนั้นถ้าเราหักก้านดอกลง ตรงรอยหักมักจะมีเยื่อหรือใยก้านติดอยู่ ไม่ค่อยขาดจากกันง่าย สำนวนนี้บางทีก็พูดว่า "เด็ดบัวอย่าเหลือใย" หรืออีกสำนวนหนึ่งว่า "เด็ดปลีไม่มีใย" ปลี หมายถึงดอกของกล้วยหรือหัวปลี
เดินตามหลังราชสีห์ ดีกว่าเดินตามก้นสุนัข
ไม่ทราบที่มาของสำนวนนี้แน่ชัดนัก แต่เข้าใจว่า เป็นสำนวนที่เพิ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบันนี้ หรือไม่มีนานมานี้นัก จำได้ว่าอดีตนักศิลปินผู้หนึ่งซึ่งล่วงลับไปแล้ว คือคุณเสน่ห์ โกมรชุน นำมาใช้เป็นมติของเขาครั้งหนึ่ง สมันที่ร่วมวงกับพรรคการเมืองพรรคหนึ่ง ซึ่งเรืองอำนาจในสมัยนั้น โดยถือคติยอมเป็นสมัคพรรคพวกของผู้มีอำนาจราชศักดิ์ดีกว่ายอมร่วมวงกับผู้ที่ปราศจากอำนาจราชศักดิ์หรือทรัพย์สิน