ประสาท!! คือ? อยากรู้ลองเข้ามาดู.....

user warning: Duplicate entry '536306482' for key 'PRIMARY' query: INSERT INTO accesslog (title, path, url, hostname, uid, sid, timer, timestamp) values('สุนทรภู่กวีเอกของไทย', 'node/130359', '', '3.141.197.212', 0, '6f97a3fbb137ec0e9abf4f5c4576ce81', 170, 1716098971) in /home/tgv/htdocs/modules/statistics/statistics.module on line 63.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:03ec2934dcef3c3670c0faef37dcb48a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nระบบประสาท (Nervous System)\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nระบบประสาทเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยทำหน้าที่ประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะสัมผัสกับอวัยวะมอเตอร์ ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การทำงานของต่อมและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งเป็นศูนย์ของความรู้สึกนึกคิดสติปัญญา การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม\n\n\n \n\n\n \nระบบประสาทประกอบด้วย\n\n\n1. สมอง (Brain)\n\n\n2. ไขสันหลัง (Spinal cord)\n\n\n3. เส้นประสาท (Nerve)\n\n\n \nเส้นประสาทแต่ละเส้นจะมีเซลส์ประสาท (Neuron) หลาย ๆ เซลส์เรียงต่อกัน เซลส์ประสาทกระจายไปเลี้ยงทั้งร่างกาย มีประมาณ 12,000 ล้านเซลส์ ในไขสันหลังและสมองมีเซลส์ประสาทมากที่สุด\n\n\n \n\n\n<img src=\"/files/u19986/1.jpg\" alt=\"ระบบประสาท\" height=\"480\" width=\"497\" />\n\n\n \n\n\n \n\n \n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\nโครงสร้างเบื้องต้นของระบบประสาท ประกอบด้วย <a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#A\">เซลส์ประสาท (neuron)</a> \n\n\nและ<a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#B\">เส้นประสาท (nerve fiber)</a>\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nเซลล์ประสาท (neuron)\n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nเซลล์ประสาทเป็นส่วนที่เล็กที่สุดของระบบประสาท เซลส์ประสาทหนึ่งเซลล์ \n\n\nมีส่วนประกอบที่สำคัญ ดังนี้\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n1. ตัวเซลส์ (Cell body) เป็นจุดศูนย์กลางของเซลล์ประสาท ประกอบด้วย นิวเคลียส \n\n\n(nucleus) อยู่ตรงกลางเซลล์ ล้อมรอบด้วยของเหลวที่เรียกว่า ไซโตพลาส (cytoplast) \n\n\nมีผนังเซลล์ (cellmembrane) ทำหน้าที่เป็นผนังห่อหุ้มเซลล์\n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n2. เดนไดรท์ (dendrite) เป็นเส้นใยที่ยื่นออกจากตัวเซลล์มีหน้าที่รับความรู้สึกมีกิ่งก้านสาขา\n\n\nเป็นแขนงสั้น ๆ มีลักษณะคล้ายรากแขนงของต้นไม้\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n3. แอกซอน (axon) เป็นเส้นใยเดี่ยว ๆ ที่ยื่นออกจากตัวเซลล์ ทำหน้าที่ส่งความรู้สึกของ\n\n\nเซลล์นั้นไปยังเซลล์ประสาทตัวอื่น ๆ แอกซอนมีเปลือกหุ้มเรียกว่า ไมอิลินชีท \n\n\n(myelin sheath) ปลายสุดของแอกซอนเป็นพุ่มต่อกับอวัยวะเรียกเอนด์บลาส (end brust)\n\n\nใยแอกซอนจะมีความยาวมากเป็นพิเศษ แต่ละเซลล์จะมีเพียงเส้นเดียวเท่านั้น ปลายแขนง\n\n\nย่อยของแอกซอน ทุกแขนงจะมีตุ่มเล็ก ๆ เรียกว่าตุ่มปลายประสาท (terminal buttons) \n\n\nการทำงานของแอกซอนจะเกิดขึ้น เมื่อตัวเซลล์ได้รับกระแสประสาทความรู้สึกจากเดนไดรท์\n\n\nจากนั้นจะส่งกระแสความรู้สึกนั้นไปยังแอกซอน แล้วแอกซอนจะส่งกระแสประสาทความ\n\n\nรู้สึกนั้น ต่อไปยังเซลล์ประสาทตัวอื่น ๆ หรือส่งไปยังอวัยวะต่าง ๆ ที่ต้องการให้เกิดความ\n\n\nรู้สึก หรือแสดงปฏิกิริยาตอบสนอง \n\n\n \nเซลล์ประสาทในร่างกายอาจแบ่งหน้าที่การทำงานได้ 3 ประเภท ดังนี้\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n3.1. เซลล์ประสาทรับความรู้สึก ทำหน้าที่รับกระแสประสาทจากอวัยวะรับสัมผัส \n\n\n \n\n\nเข้าสู่สมองและไขสันหลัง\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n3.2. เซลล์ประสาทมอเตอร์ ทำหน้าที่นำกระแสประสาทเข้าสู่กล้ามเนื้อทำให้เกิดการ\n\n\nเคลื่อนไหว\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n3.3. เซลล์ประสาทเชื่อมโยง เป็นเซลล์ประสาทที่เชื่อมอยู่ระหว่างเซลล์ประสาทรับความรู้สึก\n\n\nและเซลล์ประสาทมอเตอร์\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n4. ซิแนปส์ (Synaps) เป็นจุดต่อระหว่างใยแยกซอนของเซลล์ประสาทตัวหนึ่งกับเดนไดรท์ของเซลล์ประสาทอีกตัวหนึ่ง โดยที่เมื่อเซลล์ประสาทตัวหนึ่งส่งกระแสประสาทความรู้สึกเข้าสู่ แอกซอนจนถึงปลายตุ่มประสาทแล้ว กระแสความรู้สึกนั้นจะถูกส่งเข้าสู่บริเวณซิแนปส์ จากนั้นซิแนปส์จะรับกระแสประสาทและส่งต่อไปยังเดนไดรท์ เพื่อเข้าสู่เซลล์ประสาทอีกตัวหนึ่งทันที ซิแนปส์จึงทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมสัญญาณกระแสประสาทระหว่างเซลล์ประสาทตัวหนึ่งกับเซลล์ประสาทอีกตัวหนึ่งนั่นเอง\n\n\n \n\n<img src=\"/files/u19986/2.jpg\" height=\"317\" width=\"500\" /> \n\n \n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n\n</style>\n\nประเภทของระบบประสาทแบ่งตามการทำงานออกเป็น 3 ระบบ คือ\n\n\n<a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#C\">1. </a><a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#C\">ระบบประสาทส่วนกลาง (Central nervous system)</a> \n<a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#D\">2. </a><a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#D\">ระบบประสาทส่วนปลาย (Peripheral nervous system)</a> \n<a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#E\">3. </a><a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#E\">ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous system)</a>\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nระบบประสาทส่วนกลาง(Central nervous system)\n\n\n \nประกอบด้วย <a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#01\">สมอง (Brain)</a> และ<a href=\"http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html#02\">ไขสันหลัง (Spinal cord)</a>\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nก. สมอง (Brain)\n\n\n \nเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีรูปร่างเป็นก้อนรูปไข่ประกอบด้วยเซลล์ประสาทมากมาย\n\n\nจำนวนประมาณพันล้านเซลล์อยู่ในกะโหลกศรีษะ เซลล์ประสาทในสมองแผ่กระจายกระแส\n\n\nไฟฟ้าอยู่ตลอดเวลา จากเซลล์หนึ่งไปยังอีกเซลล์หนึ่ง สมองมีน้ำหนักเพียง 2% ของร่างกาย \n\n\nต้องการออกซิเจนไปเลี้ยง 20% ของออกซิเจนที่สูดเข้าไปใช้ในร่างกาย สมองของเด็กแรก\n\n\nเกิดมีน้ำหนักประมาณ 300 – 400 กรัม แล้วเจริญเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนถึงอายุ 15 ปี \n\n\nมนุษย์ถือได้ว่าเป็นสัตว์โลกที่มีสมองใหญ่และมีคุณภาพมากที่สุด มีน้ำหนักเฉลี่ยประมาณ \n\n\n1,300 – 1,400 กรัม มีกะโหลกศีรษะ ซึ่งมีความหนาและแข็งแกร่ง ทำหน้าที่ ป้องกันไม่\n\n\nให้สมองได้รับความกระทบกระเทือน\n\n\n<img src=\"/files/u19986/3.jpg\" height=\"373\" width=\"600\" />\n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nสมองประกอบด้วยส่วนสำคัญ 9 ส่วนใหญ่ ๆ ได้แก่\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n1. ซีรีบรัม (Cerebrum)\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nเป็นส่วนของสมองที่อยู่บนสุดของศีรษะ มีรูปร่างเป็นพูย้อย ตั้งแต่หน้าผากไปตามรูปของ\n\n\nกะโหลกศีรษะจนถึงบริเวณท้ายทอย มีขนาดใหญ่ที่สุดประมาณ 80% ของสมองทั้งหมด \n\n\nบริเวณเปลือกนอกจะมีลักษณะเป็นรอยหยัก ยับย่นจีบ เป็นร่องลึก เรียกว่า คอร์เทกซ์\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n(Cortex) ซึ่งจัดว่าเป็นบริเวณที่สำคัญมาก ทั้งนี้เนื่องจากพบว่าคนที่มีความฉลาดมากและ\n\n\nอัจฉริยะมักจะมีคอร์เทกซ์หรือรอยหยักส่วนนี้มากกว่าปกติ เนื่องจากจะทำให้มีพื้นที่ในการ\n\n\nใช้งานของสมองมากตามไปด้วย\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nสมองแท้จะเป็นส่วนที่มีความสำคัญมากที่สุด เนื่องจากเป็นศูนย์กลางในการควบคุม\n\n\nพฤติกรรมการเรียนรู้ ความจำ การวิเคราะห์ การใช้เหตุผล เป็นต้น ในส่วนของสมองแท้เอง\n\n\nยังแบ่งออกได้อีก 4 ส่วนย่อย ซึ่งในแต่ละส่วนจะมีหน้าที่การทำงานแตกต่างกัน \n\n\nดังนี้ \n\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n - พูสมองส่วนหน้า (frontal lobe) ในบริเวณนี้จะแบ่งออกได้อีก 2 ซีก คือ ซีกซ้าย \n\n\n(left themisphere) และซีกขวา (right themisphere) โดยมีหน้าที่ควบคุมการเคลื่อนไหวของ\n\n\nอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย หรือเรียกส่วนนี้ว่าเขตมอเตอร์ (motor area) แต่การสั่งงานจะกลับ\n\n\nด้านกัน คือสมองซีกซ้ายจะควบคุมการทำงานของอวัยวะด้านขวาของร่างกาย ส่วนสมองซีก\n\n\nขวาจะควบคุมการทำงานของอวัยวะด้านซ้ายของร่างกาย นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางของ\n\n\nอารมณ์ การพูด ความคิด การจำ การเรียนรู้ และการใช้ภาษาอีกด้วย\n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n - พูสมองส่วนกลาง (Parietal lobe) เป็นส่วนที่ค่อนมาทางด้านหลังส่วนบนใกล้กับ\n\n\nเขตมอเตอร์ เป็นสมองส่วนที่ทำหน้าที่รับความรู้สึกต่าง ๆ ทั่วไปของร่างกาย เช่น ร้อน \n\n\nหนาว เจ็บปวด เป็นต้น หรือเรียกส่วนนี้อีกอย่างหนึ่งว่าเขตรับสัมผัส (sensory area) \n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n - พูสมองส่วนข้าง (temporal lobe) เป็นส่วนที่อยู่บริเวณด้านข้างของสมองตรง\n\n\nขมับ มีหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการรับรู้ในด้านรส กลิ่น เสียง และความเข้าใจด้านภาษา หรือ\n\n\nอาจเรียกส่วนนี้อีกอย่างหนึ่งว่าเขตการฟัง (auditory)\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n - พูสมองส่วนหลัง (occipital lobe) เป็นบริเวณที่อยู่ท้ายสุดของสมองแท้ตรง\n\n\nท้ายทอย มีหน้าที่ควบคุมการรับรู้ทางสายตาให้เกิดการมองเห็นภาพต่าง ๆ ทั้งแนวตั้งและ\n\n\nแนวนอน หรืออาจเรียกบริเวณส่วนนี้ว่า เขตการเห็น (visual area)\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n2. สมองเล็ก (cerebellum)\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>เป็นสมองส่วนที่อยู่บริเวณท้ายทอยใต้สมองแท้ลงมา รูปร่างเหมือนใบไม้มีลักษณะเป็นรอย\n\n\nหยักย่นเช่นกันแต่น้อยกว่าสมองแท้ ชั้นนอกเป็นสีเทา (gray matter) ส่วนชั้นในเป็นสีขาว \n\n\n(white matter) มีหน้าที่สำคัญคือช่วยให้อวัยวะต่าง ๆ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของสมอง\n\n\nสามารถทำงานประสานกันได้เป็นจังหวะเดียวกันเพื่อทำกิจกรรมใดกิจกรรมหนึ่ง เช่น การ\n\n\nเล่นเทนนิสจะตีลูกให้ถูกได้ อวัยวะหลายส่วนจะต้องทำงานประสานเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน \n\n\nเช่น ตา หู แขน ขา มือ ฯลฯ หน้าที่อีกประการหนึ่งคือควบคุมการทรงตัวของร่างกาย เนื่อง\n\n\nจากสมองเล็กเป็นตัวรับกระแสประสาทจากอวัยวะรับสัมผัสที่ใช้ควบคุมการทรงตัวซึ่งอยู่\n\n\nบริเวณหูชั้นใน ทำให้เกิดความสมดุลในขณะที่ร่างกายกำลังอยู่ในอิริยาบถต่าง ๆ เช่น ขณะ\n\n\nยืน เดิน หมุนตัว กระโดด เป็นต้น นอกจากนี้ยังควบคุมการเกร็งตัวของร่างกายอีกด้วย\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n3. ทาลามัส (thalamus)\n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nเป็นส่วนที่อยู่ต่อจากสมองแท้ลงมา ทำหน้าที่เป็นศูนย์รับกระแสประสาทความรู้สึกที่ถูกส่ง\n\n\nมาจากอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเข้าสู่ไขสันหลัง ผ่านก้านสมอง (medulla oblongata) \n\n\nพอนส์ และสมองส่วนกลาง (midbrain) ตามลำดับ จนถึงทาลามัส จากนั้นทาลามัสจะ\n\n\nจัดการแยกกระแสประสาทเหล่านั้นเพื่อเข้าสู่สมองเขตต่าง ๆ อีกทอดหนึ่ง และเมื่อสมองสั่ง\n\n\nการเช่นใด ทาลามัสจะรับคำสั่งนั้นส่งเข้าสู่สมองส่วนกลาง พอนส์ ก้านสมอง และสู่\n\n\nไขสันหลัง เพื่อส่งคำสั่งนั้นให้ไปมีผลต่ออวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย เท่ากับว่าทาลามัสเป็น\n\n\nสถานีสุดท้ายในการจ่ายกระแสประสาทให้กับสมอง และเป็นสถานีแรกที่รับคำสั่งจากสมอง\n\n\nเพื่อจ่ายไปสู่อวัยวะต่าง ๆ นอกจากนี้ทาลามัสยังทำหน้าที่ควบคุมอารมณ์และพฤติกรรมของ\n\n\nเด็กแรกเกิดในขณะที่สมองแท้ยังทำงานได้ไม่เต็มที่อีกด้วย\n\n\n \n\n4. ไฮโปทาลามัส (hypothalamus) \n อยู่ใต้ทาลามัสลงมาใกล้กับต่อมไร้ท่อพิทูอิทารี (pituitary gland) เป็นกลุ่มของเซลล์สมองที่มีขนาดเท่าเมล็ดถั่วลันเตา ไฮโปทาลามัสถือว่าเป็นส่วนประกอบสำคัญของระบบลิมบิก (limbic system) และมีหน้าที่สำคัญในการสร้างความสมดุลให้กับระบบการทำงานของร่างกาย เช่น ควบคุมการทำงานของต่อมพิทูอิทารี รักษาระดับความสมดุลของอุณหภูมิร่างกาย การหายใจ การหลับ การตื่น อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันโลหิต ปริมาณน้ำตาลในกระแสเลือด ควบคุมความสมดุลในการทำงานของระบบประสาทอัตโนมัติ นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ควบคุมแรงขับ (drive) ต่าง ๆ เช่น ความหิว ความกระหายความต้องการทางเพศ เป็นต้น ความสำคัญของไฮโปทาลามัสนี้เองบางครั้งจึงได้รับสมญาว่าผู้พิทักษ์ร่างกาย (guardian of body) \n <o:p></o:p>5. ระบบลิมบิก (limbic system) \n เป็นเซลล์ประสาทที่กระจายอยู่โดยรอบทาลามัสและไฮโปทาลามัส ระบบนี้ประกอบด้วย ฮิปโปแคมปัส (hippocampus) และอะมิกดาลา (amygdala) ทำหน้าที่ควบคุมความโกรธและพฤติกรรมก้าวร้าวของมนุษย์และสัตว์ \n 6. สมองส่วนกลาง (midbrain) \n เป็นส่วนที่มีความยาวประมาณ <st1:metricconverter ProductID=\"1 นิ้ว\" w:st=\"on\">1 นิ้ว</st1:metricconverter> ตั้งอยู่ใต้ทาลามัส โดยมีเซลล์ประสาทเป็นตัวเชื่อมต่อกัน \n 7. พอนส์ (pons) \n เป็นส่วนที่อยู่ถัดลงมาจากสมองส่วนกลาง ด้านขวาของพอนส์จะอยู่ติดกับสมองเล็ก (cerebellum) โดยมีใยประสาทเป็นตัวเชื่อม จึงทำให้พอนส์เป็นทางผ่านของกระแสประสาทที่มาจากส่วนล่างเข้าสู่สมองแท้และสมองเล็ก เพื่อให้เกิดการประสานงานกันระหว่างสมองทั้งสองชนิด เช่น สามารถเคลื่อนไหวได้พร้อมกับการทรงตัวที่ดี เป็นต้น \n 8. ก้านสมอง (medulla oblongata) \n เป็นส่วนที่อยู่ต่อจากพอนส์ลงมา และเป็นส่วนสุดท้ายของสมอง โดยก้านสมองจะทำหน้าที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง ภายในก้านสมองหรือ เมดูลลาประกอบด้วยเส้นประสาทเป็นมัด เพื่อส่งกระแสประสาทที่ได้รับจากสมองผ่านส่วนต่าง ๆ ลงมาตามลำดับเพื่อส่งเข้าสู่ไขสันหลังและรับกระแสประสาทที่ส่งขึ้นมาจากไขสันหลังส่งต่อไปสู่ส่วนต่าง ๆ ของสมองตามลำดับเช่นกัน เท่ากับว่าก้านสมองเป็นสถานีรับส่งกระแสประสาทสุดท้ายที่เชื่อมต่อระหว่างสมองกับไขสันหลัง แต่เนื่องจากมัดของเส้นประสาทที่อยู่ภายในก้านสมองนั้นมีลักษณะไขว้กันเป็นรูปกากบาท จึงทำให้เส้นประสาทชุดที่มาจากร่างกายซีกขวาจะไปเชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่สมองซีกซ้าย และเส้นประสาทชุดที่มาจากร่างกายซีกซ้ายจะไปเชื่อมต่อกับเส้นประสาทที่จะเข้าสู่สมองซีกขวา จึงมีผลทำให้สมองซีกขวาควบคุมการทำงานของอวัยวะซีกซ้ายและสมองซีกซ้ายจึงควบคุมการทำงานของอวัยวะซีกขวา นอกจากนี้ก้านสมองยังทำหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะภายในบางชนิดอีกด้วย เช่น การเต้นของหัวใจ การขยายและหดตัวของปอด การย่อยอาหาร การยืดและหดตัวของเส้นเลือด เป็นต้น \n 9. เรติคิวลาร์ ฟอร์เมชั่น (reticular formation) \n เป็นกลุ่มของเซลล์ประสาทบริเวณก้านสมอง ทำหน้าที่ควบคุมสภาวะตื่นตัวของร่างกาย การแสดงอาการงุนงง เป็นต้น<o:p></o:p> \n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\n \n\n ข. ไขสันหลัง (spinal cord) \n เป็นส่วนที่สองของระบบประสาทส่วนกลาง อยู่ต่อจากก้านสมองลงมา มีความยาวตั้งแต่ต้นคอจนเกือบตลอดหลัง เฉลี่ยประมาณ <st1:metricconverter ProductID=\"18 นิ้ว\" w:st=\"on\">18 นิ้ว</st1:metricconverter> ไขสันหลังจะบรรจุอยู่ในโพรงของกระดูกสันหลังซึ่งมีลักษณะเป็นปล้อง ๆ รวมทั้งสิ้น 31 ปล้อง แต่ละปล้องจะเป็นอิสระต่อกัน แบ่งเป็นบริเวณต้นคอ 8 ปล้อง อก 12 ปล้อง สะโพก 5 ปล้อง กระเบนเหน็บ 5 ปล้อง และก้นกบ 1 ปล้อง ถ้าตัดกระดูกสันหลังตามขวางจะพบไขสันหลังมีลักษณะเป็นรูปวงรี ตรงกลางของไขสันหลังมีตัวเซลล์ประสาทมากมาย รูปร่างคล้ายตัว H ในภาษาอังกฤษ ปลายด้านหลังของตัว H จะเชื่อมต่อกับเส้นประสาทรับความรู้สึก ส่วนปลายด้านหน้านั้นเชื่อมต่อกับเส้นประสาทมอเตอร์ เซลล์รูปตัว H นี้จะมีสองชั้น ชั้นในเป็นสีเทา (gray matter) ส่วนชั้นนอกจะมีสีขาว (white matter) เส้นประสาทที่ออกมาจากไขสันหลังจะแทรกตัวออกมาทางช่วงรอยต่อระหว่างปล้องของกระดูกสันหลัง ซึ่งจะมีทั้งสิ้น 31 คู่ กระจายจากจุดกึ่งกลางของลำตัวแยกไปซีกซ้ายและขวาเพื่อไปยังอวัยวะต่าง ๆ ทั่วร่างกาย นอกจากนี้ไขสันหลังยังเป็นศูนย์กลางของระบบปฏิกิริยาสะท้อน (reflex action) ของร่างกายตั้งแต่ลำคอลงมาอีกด้วย<o:p></o:p> <o:p> </o:p> <o:p></o:p><v:shapetype coordsize=\"21600,21600\" o:spt=\"75\" o:preferrelative=\"t\" path=\"m@4@5l@4@11@9@11@9@5xe\" filled=\"f\" stroked=\"f\" id=\"_x0000_t75\"><v:stroke joinstyle=\"miter\"></v:stroke><v:formulas><v:f eqn=\"if lineDrawn pixelLineWidth 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 1 0\"></v:f><v:f eqn=\"sum 0 0 @1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @2 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"prod @3 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @0 0 1\"></v:f><v:f eqn=\"prod @6 1 2\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelWidth\"></v:f><v:f eqn=\"sum @8 21600 0\"></v:f><v:f eqn=\"prod @7 21600 pixelHeight\"></v:f><v:f eqn=\"sum @10 21600 0\"></v:f></v:formulas><v:path o:extrusionok=\"f\" gradientshapeok=\"t\" o:connecttype=\"rect\"></v:path><o:lock v:ext=\"edit\" aspectratio=\"t\"></o:lock></v:shapetype><o:p></o:p><o:p> </o:p><o:p> </o:p>\n<div style=\"text-align: center\">\n<img border=\"0\" src=\"/files/u19986/clip_image002.jpg\" height=\"219\" width=\"228\" /> \n</div>\n<div style=\"text-align: center\">\nปฏิกิริยาสะท้อน (reflex action)<o:p></o:p> \n</div>\n\n\n\n\n ปฏิกิริยาสะท้อนเป็นปฏิกิริยาของร่างกายในการตอบสนองต่อสิ่งเร้าที่เกิดขึ้นในขณะร่างกายอยู่ในสภาวะฉุกเฉินทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงอันตรายที่จะเกิดขึ้น โดยคำสั่งเพื่อให้ร่างกายแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้านั้นจะสั่งการจากบริเวณไขสันหลังแทนการสั่งการจากสมอง ทั้งนี้เพื่อต้องการความรวดเร็วฉับไวในการหลบหลีกอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับร่างกาย ตัวอย่างของปฏิกิริยาสะท้อน ได้แก่ อาการกระตุก สะดุ้ง ผวา กะพริบตา แม้กระทั่งน้ำลายไหลเมื่อเห็นของเปรี้ยวก็ตาม ดังนั้นอาจสรุปหน้าที่ของไขสันหลัง ได้ดังนี้ \n 1. นำกระแสประสาทรับความรู้สึก (sensory neurons) เข้าสู่ส่วนต่าง ๆ ของสมองจนถึงสมองแท้ (cerebrum) เพื่อแปลความหมายและสั่งการ นอกจากนี้ยังนำกระแสประสาทมอเตอร์ (motor neurons) จากเขตต่าง ๆ ในสมอง ผ่านแต่ละส่วนของสมองลงมา จากนั้นจึงแยกไปตามอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกายเพื่อให้เกิดการปฏิบัติงาน เท่ากับว่าไขสันหลังเป็นเส้นทางขึ้นลงของกระแสประสาทรับความรู้สึกและกระแสประสาทมอเตอร์นั่นเอง \n <o:p></o:p> 2. นำกระแสประสาทจากระบบประสาทอัตโนมัติ (autonomic nervous system) ผ่านไขสันหลัง เพื่อไปยังศูนย์ควบคุมระบบประสาทอัตโนมัติ \n 3. เป็นที่ตั้งของศูนย์ปฏิกิริยาสะท้อน (reflex action) ของร่างกาย \n\n\n\n<o:p></o:p> ระบบประสาทส่วนปลายหรือระบบประสาทส่วนนอก (Peripheral Nervous System) \n หมายถึง ระบบการทำงานของเส้นประสาทที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของร่างกายที่สมองสามารถสั่งงานได้โดยตรง หรืออาจกล่าวได้ว่าเป็นระบบสำหรับควบคุมอวัยวะที่อยู่ภายใต้อำนาจจิตใจ (voluntary) ระบบประสาทส่วนปลายหรือระบบประสาทส่วนนอกนี้ประกอบไปด้วยเส้นประสาทสองชนิด ได้แก่ เส้นประสาทรับความรู้สึก (sensory nerve) และเส้นประสาทมอเตอร์ เส้นประสาทเหล่านี้จะทำหน้าที่ในการส่งกระแสประสาทไปยังสมองและรับคำสั่งจากสมองไปยังอวัยวะที่สมองสั่งการได้ ดังที่ได้กล่าวถึงรายละเอียดไปแล้วในตอนต้น \n สำหรับระบบประสาทส่วนปลายหรือส่วนนอก ประกอบด้วยเส้นประสาทที่มาจากสมอง 12 คู่ แยกเป็นทางซีกซ้ายและซีกขวา เพื่อรับส่งความรู้สึกและคำสั่งตั้งแต่ลำคอขึ้นไป เรียกว่าเส้นประสาทจากสมอง (brainal nerve) ส่วนอีกชุดหนึ่งประกอบด้วยเส้นประสาทที่ออกจากไขสันหลัง มีทั้งสิ้น 31 คู่ จากกึ่งกลางลำตัวแยกกระจายออกไปทางซีกซ้ายขวาของร่างกาย เรียกว่าเส้นประสาทที่ออกจากไขสันหลัง (spinal nerve) ทำหน้าที่รับส่งความรู้สึกและคำสั่งตั้งแต่บริเวณลำคอลงไปตลอดทั้งร่างกายจนถึงปลายเท้า <o:p></o:p>\nระบบ ประสาทอัตโนมัติ (Autonomic Nervous System) \n เป็นระบบประสาทที่ประกอบไปด้วยเซลล์ประสาทจำนวนมาก แต่เซลล์ประสาทเหล่านี้จะทำงานเป็นอิสระไม่อยู่ภายใต้อำนาจจิตใจ (involuntary) หรือการควบคุมของระบบประสาทส่วนกลาง ดังนั้นการทำงานของเซลล์ประสาทอัตโนมัติจึงทำงานได้โดยไม่ต้องอาศัยคำสั่งจากสมอง เส้นประสาทจากระบบประสาทอัตโนมัติจะกระจายอยู่ตามบริเวณกล้ามเนื้อเรียบของอวัยวะภายในทุกชนิด รวมทั้งต่อมต่าง ๆ ทั้งหลายในร่างกายอีกด้วย \n ระบบประสาทอัตโนมัติแบ่งได้เป็น 2 ระบบย่อยคือ \n ก. ระบบประสาทซิมพาเธติก (Sympathetic nervous System) ศูนย์กลางอยู่บริเวณไขสันหลัง (Spinal cord) ประกอบด้วยเส้นประสาทที่ออกจากบริเวณไขสันหลังตั้งแต่อกจนถึงเอว ระบบนี้จะทำงานในกรณีที่บุคคลตกอยู่ในสภาวะฉุกเฉิน ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยาตื่นตัวเพื่อเตรียมพร้อมที่จะสู้หรือหนีจากสถานการณ์เหล่านั้น ปฏิกิริยาของร่างกายที่เกิดขึ้นเมื่อระบบประสาทซิมพาเธติกทำงาน ได้แก่ ขนลุกตั้งชัน ชีพจรเต้นเร็วกว่าปกติ เหงื่อออกมาก ความดันโลหิตเพิ่มขึ้น หัวใจเต้นเร็วและรัว ต่อมอะดรีนัล (adrenal gland) หรือต่อมหมวกไตจะหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (adrenalin) เพื่อเพิ่มพลังงานพิเศษให้กับร่างกาย เป็นต้น <o:p></o:p> ข. ระบบประสาทพาราซิมพาเธติก (parasympathetic nervous system) มีศูนย์กลางอยู่ที่ก้านสมอง (medulla) และไฮโปทาลามัส (hypothalamus) โดยระบบนี้จะทำงานควบคู่กับระบบซิมพาเธติก กล่าวคือ เมื่อระบบซิมพาเธติกทำงานสิ้นสุดลง ร่างกายพ้นจากสภาวะฉุกเฉินไปแล้ว ระบบพาราซิมพาเธติกจะช่วยทำให้ร่างกายกลับคืนสู่สภาวะปกติ เช่น เส้นขนจะราบลง ชีพจรหัวใจและความดันโลหิตจะกลับคืนสภาพเดิม เป็นต้น นอกจากนี้ยังกระตุ้นให้ต่อมอะดรีนัลหลั่งฮอร์โมนนอร์อะดีนาลีน (noradrenalin) เพื่อช่วยให้ร่างกายกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้ง<o:p></o:p> \n\n \n\n\n \n\n<div align=\"center\">\n<table cellPadding=\"0\" cellSpacing=\"0\" border=\"1\" style=\"width: 420pt; border: #ff6600 1pt outset\" class=\"MsoNormalTable\" width=\"560\">\n<tbody>\n<tr>\n<td style=\"background-color: transparent; border: #ff6600 1pt inset; padding: 3.75pt\" vAlign=\"top\">ระบบพาราซิมพาเธติก<o:p></o:p> \n<div style=\"text-align: center; line-height: normal; margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\" align=\"center\">\n \n<hr noShade=\"noshade\" color=\"#ff9900\" align=\"center\" SIZE=\"2\" width=\"100%\" />\n \n </div>\n ม่านตาหรี่ลง \n ต่อมน้ำตาหยุดการทำงาน \n น้ำลายไหลปกติ \n หัวใจเต้นปกติ \n ปอดหด / ขยายปกติ \n ตับและกระเพาะอาหารทำงานมากขึ้น \n ลำไส้ทำงานมากขึ้น \n กระเพาะปัสสาวะหดตัว \n อวัยวะเพศแข็งตัว\n <o:p></o:p></td>\n<td style=\"background-color: transparent; border: #ff6600 1pt inset; padding: 3.75pt\" vAlign=\"top\">ระบบซิมพาเธติก<o:p></o:p> \n<div style=\"text-align: center; line-height: normal; margin: 0cm 0cm 0pt\" class=\"MsoNormal\" align=\"center\">\n \n<hr noShade=\"noshade\" color=\"#ff9900\" align=\"center\" SIZE=\"2\" width=\"100%\" />\n \n </div>\n ม่านตาขยาย \n ต่อมน้ำตาทำงาน \n น้ำลายและเหงื่อถูกผลิตออกมามาก \n หัวใจเต้นเร็ว \n ปอดหด / ขยายเพิ่มขึ้น \n ตับและกระเพาะทำงานน้อยลง \n ฮอร์โมนอะดรีนาลีนถูกหลั่งออกมา \n ลำไส้ทำงานน้อยลง \n กระเพาะปัสสาวะขยายตัว \n ถุงอัณฑะขยายตัวทันที<o:p></o:p> </td>\n</tr>\n</tbody>\n</table>\n</div>\n<div align=\"center\">\n</div>\n<div align=\"center\">\n \n</div>\n\n จากที่ได้กล่าวถึงรายละเอียดการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ระบบกล้ามเนื้อ ระบบต่อมไร้ท่อ และระบบประสาทแล้วนั้น จะเห็นว่าการทำงานของทั้งสามระบบมีอิทธิพลต่อพฤติกรรมของมนุษย์โดยตรง อย่างไรก็ตาม ระบบทั้งสามนั้นจะต้องมีการทำงานที่สัมพันธ์กัน กล่าวคือ การที่ร่างกายจะแสดงพฤติกรรมใด ๆ ได้นั้นจะต้องอาศัยระบบกล้ามเนื้อซึ่งจะช่วยให้ร่างกายเกิดการเคลื่อนไหว แต่การที่ร่างกายจะรับรู้ถึงสิ่งเร้าต่าง ๆ ที่มากระตุ้นแล้วเกิดการสั่งการให้กล้ามเนื้อหดและคลายตัวเพื่อแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้าได้นั้นจำเป็นต้องอาศัยระบบประสาทเป็นตัวสั่งการ นอกจากนี้ฮอร์โมนที่ถูกผลิตจากต่อมไร้ท่อทั้งหลายจะช่วยให้การทำงานของร่างกายเป็นไปตามปกติอีกด้วย ดังนั้นจะเห็นได้ว่าการแสดงพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งหลายจะเป็นเช่นไร ส่วนหนึ่งจึงมาจากความสมบูรณ์หรือความบกพร่องในการทำงานของระบบทั้งหลาย เพราะฉะนั้นการศึกษาเรื่องของระบบต่าง ๆ ภายในร่างกายโดยเฉพาะการทำงานของระบบต่อมไร้ท่อ รวมทั้งระบบประสาทดังที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ จะช่วยให้ผู้ศึกษาทางจิตวิทยาเข้าใจพฤติกรรมและการเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของมนุษย์ได้ดีขึ้น \n\n\n\n\n\n\n\n<div>\n ประสาทรับความรู้สึก \n การได้ยิน คลื่นเสียงเดินทางผ่านอากาศเข้าสู่หูชั้นนอกผ่านเข้าสู่หูชั้นกลางและชั้นใน และจะถูกเปลี่ยนเป็นแรงสั่นสะเทือนโดยกระดูกหูซึ่งวางเรียงตัวกันอยู่ แรงสะเทือนจะผ่านของเหลวภายในหูชั้นในและจะถูกแปรเป็นสัญญาณประสาทไฟฟ้าก่อนที่จะถูกส่งไปแปลความหมายในสมอง \n การรับรส ผิวของลิ้นปกคลุมด้วยตุ่มเล็ก ๆ ที่เรียกว่าพาพิลลา (Papillae) จำนวนนับล้านซึ่งยื่นออกมาเหมือนนิ้วทำให้ผิวไม่เรียบเหมือนปุยขนพาพิลลามี 4 ชนิด ใน 3 ชนิดจะมีปุ่มรับรส ซึ่งถึงแม้จะสามารถรับรสมาตรฐานได้ 4 รสเท่านั้นคือ เปรี้ยว หวาน เค็ม และขม แต่ด้วยเส้นประสาทที่ประสานกันอย่างซับซ้อนและประสาทรับกลิ่นทำให้เราสามารถแยกรสต่าง ๆ ได้อย่างละเอียด \n การมอง แสงเข้าสู่ตาทางแก้วตาและถูกปรับให้ภาคคมชัดบนจอรับภาพที่อยู่ด้านหลังของลูกตา ที่ซึ่งเซลล์ไวต่อแสงเปลี่ยนเป็นสัญญาณไฟฟ้าผ่านประสาทตาไปยังสมอง เพื่อแปลความหมายของภาพ \n การดมกลิ่น ประสาทสัมผัสกลิ่นของคนเรามีศูนย์กลางอยู่ที่แผ่นเยื่อรับกลิ่นที่เพดานของช่องจมูก ขณะอากาศผ่านเข้าสู่ช่องจมูกจะกระตุ้นเซลล์ที่แผ่นเยื่อรับกลิ่นให้ส่งสัญญาณไฟฟ้าไปยังสมองเพื่อแยกแยะกลิ่นต่าง ๆ \n</div>\n<div>\n\n</div>\n<div>\n\n</div>\n<div>\n การรับรู้สิ่งต่าง ๆ ที่อยู่รอบตัวเราเกือบทั้งหมด ได้ข้อมูลมาจากประสาทรับความรู้สึกพื้นฐาน 5 ทางด้วยกัน<o:p></o:p> คือ การเห็น ได้ยินเสียง รู้รส ได้กลิ่น และสัมผัส ในจำนวนนี้การเห็นและการได้ยินจัดว่าเป็นประสาทที่สำคัญที่สุดอย่างไรก็ดีในความเป็นจริง การรับรู้ทุกชนิดจะทำงานประสานกันเพื่อให้เห็นภาพรวมทั้งหมด ตัวอย่างที่แสดงถึงการทำงานร่วมกันนั้นเห็นได้ชัดขณะรับประทานอาหาร กลิ่นเป็นสิ่งสำคัญในการใช้แยกแยะความแตกต่างของอาหารที่มีรสและลักษณะเหมือนกัน นี่คือเหตุผลว่าทำไมเราจึงรู้สึกเหมือนไม่รู้รสอาหารขณะเป็นหวัด อย่างไรก็ตามเมื่อความรู้สึกชนิดหนึ่งเสียไป ความรู้สึกชนิดอื่นอาจช่วยทดแทนกันได้ ตัวอย่างเช่น เราอาจใช้การสัมผัสและฟังเสียงหาทิศทางได้ขณะอยู่ในที่มืด \n อวัยะรับความรู้สึกทุกชนิดเป็นส่วนประกอบที่ชับซ่อนของระบบประสาทส่วนกลาง ซึ่งมีทางติดต่อโดยตรงไปยังสมองเพื่อให้เกิดการแปรข้อมูลอย่างรวดเร็ว (เส้นประสาทตาแท้ที่จริงเป็นส่วนหนึ่งของสมองที่ยื่นออกมา) ทันทีที่สัมผัสวัตถุสิ่งของ เราจะรู้ได้ในทันทีเช่นกันว่าสิ่งนั้นมีผิวสัมผัสอย่างไร อ่อนนุ่มหรือแข็ง ร้อนหรือเย็น เรียบหรือขรุขระ เพราะการแปรข้อมูลเป็นไปอย่างเร็วจนเราแทบไม่เคยคำนึงถึงขั้นตอนซับซ้อนที่เกิดขึ้น เสียงที่ผ่านหูหรือแสงที่ผ่านตาจะถูกถอดรหัสแล้วเรียบเรียงใหม่ในสมอง เช่นเดียวกับการเปลี่ยนสัญญาณไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในการแยกแยะกลิ่น ความรู้สึกสัมผัสและการรับรู้รสชาติต่าง ๆ<o:p></o:p> \n</div>\n<div>\n\n</div>\n<div>\n<o:p></o:p> \n</div>\n', created = 1716098981, expire = 1716185381, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:03ec2934dcef3c3670c0faef37dcb48a' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:1d5227de8026752a6d7a1d4d33ad2196' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nระบบประสาท (Nervous System)\n\n\n \n\n\n \n\n\n<meta content=\"OpenOffice.org 3.1 (Linux)\" name=\"GENERATOR\" />\n<style type=\"text/css\">\n</style>\n\nระบบประสาทเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยทำหน้าที่ประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะสัมผัสกับอวัยวะมอเตอร์ ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การทำงานของต่อมและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งเป็นศูนย์ของความรู้สึกนึกคิดสติปัญญา การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม\n\n\n \n\n\n \nระบบประสาทประกอบด้วย\n\n\n1. สมอง (Brain)\n\n\n2. ไขสันหลัง (Spinal cord)\n\n\n3. เส้นประสาท (Nerve)\n\n\n \nเส้นประสาทแต่ละเส้นจะมีเซลส์ประสาท (Neuron) หลาย ๆ เซลส์เรียงต่อกัน เซลส์ประสาทกระจายไปเลี้ยงทั้งร่างกาย มีประมาณ 12,000 ล้านเซลส์ ในไขสันหลังและสมองมีเซลส์ประสาทมากที่สุด\n\n\n \n\n\n<img src=\"/files/u19986/1.jpg\" alt=\"ระบบประสาท\" height=\"480\" width=\"497\" />\n\n\n \n\n\n \n\n', created = 1716098981, expire = 1716185381, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:1d5227de8026752a6d7a1d4d33ad2196' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

เมื่อ อังคาร, 24/11/2009 - 21:23 | แก้ไขล่าสุด เสาร์, 28/11/2009 - 21:34| โดย

whitebears

ระบบประสาท (Nervous System)

ระบบประสาทเป็นศูนย์กลางที่ควบคุมการทำงานของร่างกาย ในการแสดงปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งเร้า โดยทำหน้าที่ประสานสัมพันธ์ระหว่างอวัยวะสัมผัสกับอวัยวะมอเตอร์ ควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ การทำงานของต่อมและระบบต่าง ๆ ในร่างกาย อีกทั้งเป็นศูนย์ของความรู้สึกนึกคิดสติปัญญา การเรียนรู้ ความจำ ตลอดจนการปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อม

ระบบประสาทประกอบด้วย

1. สมอง (Brain)

2. ไขสันหลัง (Spinal cord)

3. เส้นประสาท (Nerve)

เส้นประสาทแต่ละเส้นจะมีเซลส์ประสาท (Neuron) หลาย ๆ เซลส์เรียงต่อกัน เซลส์ประสาทกระจายไปเลี้ยงทั้งร่างกาย มีประมาณ 12,000 ล้านเซลส์ ในไขสันหลังและสมองมีเซลส์ประสาทมากที่สุด

ระบบประสาท

สร้างโดย:

whitebears

แหล่งอ้างอิง:

http://www.rmutsb.ac.th/media/6011701/3_Nervous.html

ล็อกอิน เพื่อแสดงความคิดเห็น |

อ่าน 21053 ครั้ง |

Tags: ช่วงชั้น 4 (ม.4-6), สุขศึกษาและพลศึกษา

Thaigoodview

ของขวัญ ของที่ระลึก Miori Jung Handmade

ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ
ไม่ถูกปิดเสียก่อน
ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558
มีผลบังคับใช้แล้ว
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

โรงเรียนเครือข่ายจัดกิจกรรม บล็อก(Blog) เครื่องมือสำหรับครูยุคใหม่ เพื่อใช้ในการจัดการเรียนรู้

เปลี่ยนชื่อผู้ใช้งาน/เพิ่มพื้นที่เก็บภาพ

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 246 คน กำลังออนไลน์

Copyright © 2000-2024 thaigoodview.com | ออกแบบและพัฒนาระบบโดย ไทยกู๊ดวิวดอทคอม
สงวนสิทธิ์ภายใต้สัญญาอนุญาต Creative Commons Attribution-Noncommercial-Share Alike 3.0 Unported License.
ท่านสามารถนำเนื้อหาไปใช้ แสดง ดัดแปลง เผยแพร่ โดยต้องอ้างอิงที่มา ห้ามใช้เพื่อการค้า และต้องใช้สัญญาอนุญาตชนิดเดียวกันนี้ไปกับงานดัดแปลงต่อยอดที่เผยเผยแพร่ต่อ

ประสาท!! คือ? อยากรู้ลองเข้ามาดู.....

นำทาง

สมาชิกที่ออนไลน์