ปฏิวัติอเมริกา
http://www.pragmatism.org/american/signers.jpg
การปฏิวัติอเมริกา อันสืบเนื่องมาจาก "อังกฤษ" ใช้นโยบายการค้าอย่างไม่ยุติธรรมกับประเทศอาณานิคม เนื่องจากบริเวณลุ่มแม่น้ำมิสซิสซิปปี เป็นแหล่งเพาะปลูกใบชาที่สำคัญของอเมริกา อังกฤษ ใช้วิธีซื้อใบชา จากอาณานิคมด้วยการกดราคาถูกมาก แล้วนำไปขายในประเทศยุโรป โดยเพิ่มราคาขึ้นหลายเท่า ทำให้ชนในชาติอาณานิคมไม่พอใจประกอบกับการที่ชาวอเมริกัน ได้รับแนวคิดจาก นักปรัชญา คือ จอห์น ล็อก ทำให้เหตุการณ์ลุกลามใหญ่โต ก่อให้การประท้วงชุมนุมงานเลี้ยงน้ำชาที่ บอสตัน (Boston Tea Party) ที่กรุงบอสตัน อังกฤษ จึงส่งกองกำลังเข้าปราบปรามประชาชนผู้ชุมนุม ก่อให้เกิดการต่อต้านอังกฤษ อย่างหนัก ทั้งนี้ ฝรั่งเศส ได้แอบส่งกองกำลัง พร้อมอาวุธเข้าช่วยเหลืออเมริกา จนในที่สุด ทำให้อเมริกา สามารถประกาศอิสรภาพได้ในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ.1776 ที่เมืองฟิลาเดเฟีย (วอชิงตัน ดี.ซี. ในปัจจุบัน) เมื่อประกาศอิสรภาพได้ สหรัฐอเมริกา มีประธานาธิบดีคนแรก คือ จอร์จ วอชิงตัน และการที่ฝรั่งเศส เข้าช่วยอเมริกา นี้เอง ทำให้ทหารที่เข้ามาร่วมรบในสงครามปฏิวัติอเมริกา ได้ซึมซับแนวคิดและความต้องการอิสรภาพของชาวอเมริกันทั้งมวลเข้าไว้ และกลายเป็นพลังผลักดันที่ทำให้เกิดการปฏิวัติในฝรั่งเศสก่อนที่ประเทศสหรัฐอเมริกา(รวมถึงอาณานิคมก่อนหน้านั้น) จะถูกก่อตั้งขึ้น พื้นที่ทั้งหมดของสหรัฐฯในปัจจุบันเดิมเป็นที่อยู่อาศัยสำหรับชนพื้นเมืองชาวอเมริกันมาก่อนเป็นเวลาถึง15,000 ปี จนกระทั่งในคริสตศตวรรษที่ 16 ได้มีการสำรวจบุกเบิกและตั้งถิ่นฐานของชาวยุโรปเริ่มต้นขึ้นราชอาณาจักรอังกฤษ ได้ทำการก่อตั้งอาณานิคมใหม่ และเข้าควบคุมอาณานิคมที่ก่อตั้งมาก่อนอื่นๆ จนกระทั่งในที่สุด หลังจากที่ถูกรัฐบาลตัวแทนจากเกาะบริเดน ปกครอง มาเป็นเวลาร้อยกว่าปี อาณานิคมที่ตกอยู่ภายใต้การปกครองของอังกฤษจำนวน 13 อาณานิคม ได้ทำการประกาศอิสรภาพในวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1776 (พ.ศ.2319) ทำให้เกิดสงครามปฏิวัติอเมริกาขึ้น และแล้วสงครามก็สิ้นสุดลงใน ค.ศ. 1783 (พ.ศ.2326) โดยชัย ชนะเป็นของอดีตอาณานิคม เมื่อราชอาณาจักรอังกฤษยอมรับอดีตอาณานิคมที่อังกฤษเคยปกครองมาก่อนให้เป็นประเทศใหม่ ตั้งแต่นั้นมาประเทศก่อตั้งใหม่ที่ถูกเรียกว่า "สหรัฐอเมริกา" ก็แผ่ขยายอาณาเขตของตนเองจาก 13 มลรัฐไปถึง 50 มลรัฐกับอีกหนึ่งเขตปกครองกลาง รวมถึงดินแดนภายใต้การปกครองอีกหลายแห่งอย่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันทำให้สหรัฐอเมริกามีขนาดใหญ่กว่าเดิมถึงกว่า4 เท่าตัว และด้วยเนื้อที่กว่า 9.1 ล้านตารางกิโลเมตรของสหรัฐอเมริกา ทำให้สหรัฐฯกลายเป็นประเทศที่ใหญ่เป็นอันดับสามของโลก (แต่ในบางแหล่งข้อมูลที่ทำการจัดอันดับสาธารณรัฐประชาชนจีนจะอยู่ในอันดับสาม ส่วนสหรัฐจะตกไปอยู่อันดับสี่ ถ้าทำการนับจีนไทเปวมเข้าไปด้วย) อีกทั้งสหรัฐฯ ยังเป็นประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับสาม ด้วยจำนวนประชากรถึงเกือบ 300 ล้านคน ได้มี มลรัฐของสหรัฐอเมริกา 48 มลรัฐ (ซึ่งมักจะถูกเรียกว่าแผ่นดินใหญ่)ตั้งอยู่บนดินแดนระหว่างแคนาดาและเม็กซิโกส่วนอะแลสกาและฮาวายนั้น ไม่ได้อยู่ติดกับรัฐอื่น นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกายังมีดิสตริกต์ออฟโคลัมเบียซึ่งเป็นเขตปกครองกลางประจำสมาพันธรัฐเป็นเมืองหลวง รวมถึงดินแดนที่อยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกาอยู่ทั่วโลก มลรัฐทั้ง 50 มลรัฐของสหรัฐอเมริกานั้นมีสิทธิในการปกครองตนเองในระดับสูงภายใต้ระบบสหพันธรัฐสหรัฐอเมริกาได้ธำรงค์การปกครองระบอบการปกครองแบบ ประชาธิปไตยเสรีรัฐธรรมนูญแห่งสหรัฐอเมริกาในวันที่17 กันยายน ค.ศ. 1787 (พ.ศ.2330)ตั้งแต่นั้นมา สถานะการเมืองของสหรัฐอเมริกายังคงมั่นคงมาจวบจนถึงทุกวันนี้ โดยสถานะทางเศรษฐกิจและทางทหารของสหรัฐฯ ได้เพิ่มขึ้นอย่างคงที่ตลอดช่วงกลางถึงช่วงปลายคริสตศตวรรษที่20 สงครามโลกครั้งที่1 และสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยทั้งสองครั้งอยู่ในฝ่ายผู้ชนะ จากนั้นมาสหรัฐฯก็เป็นประเทศอภิมหาอำนาจคู่กับสหภาพโซเวียต และทำสงครามแนวใหม่ที่เรียกว่าสงครามเย็นต่อกันจนกระทั่งในคริสตทศวรรษที่ 90 (พ.ศ.2533-2534) เมื่อสหภาพโซเวียตได้ล่มสลายลง ทำให้สหรัฐอเมริกากลายเป็นประเทศอภิมหาอำนาจหนึ่งเดียวมาจนถึงทุกวันนี้
![](/files/u20131/jb_revolut_subj_e.jpg)
http://www.solcomhouse.com/images/jb_revolut_subj_e.jpg