ที่มาของเรื่องรามเกียรติ์
เรื่องรามเกียรติ์มีกำเนิดจากอินเดีย ฉบับเดิมเรียกว่าคัมภีร์รามายณะ ผู้แต่งคือฤาษีวาลมิกิ ชาวอินเดียถือกันว่าเป็นเรื่องจริงและมีอิทธิพลเหนือจิตใจชาวอินเดียมาก เชื่อกันว่าเป็นเรื่องจริง และเป็นเรื่องของพระนารายณ์ผู้เป็นเจ้าอวตาลลงมาเป็นพระรามเพื่อปราบอธรรม ชาวอินเดียเชื่อกันว่าใครอ่านคัมภีร์รามยณะแล้ว เหมือนล้างบาปให้หมดสิ้นได้และปรารถนาสิ่งใดก็จะได้สมปรารถนา ผู้ใดอ่านแม้แต่โศลกเดียว ถ้าไม่มีลูกก็จะได้ลูก ถ้าไม่มีทรัพย์ก็จะได้ทรัพย์ แม้ผู้ตายไปแล้วตามประเพณีลัทธิแห่งพวกฮินดู มักนำศพไปเผาที่ริมฝั่งแม่น้ำ ผู้ตามศพต้องพร่ำบ่นว่า “ราม สัตยาราม” ตลอดทาง เพื่อผู้ตายจะได้รับส่วนบุญไปสู่สุคติ ตำนานการแต่งรามยณะนั้นมีหลายกระแสขอเก็บความในหนังสืออุปกรณ์รามเกียรติ์ ของเสฐียรโกเศศดังนี้
ตำนานมีเรื่องเล่าว่า พระวาลมิกิ พรหมฤาษีไปสู่สำนักพระนารทพรหมฤาษี สนทนาไต่ถามถึงบุคคลสำคัญในโลกนี้ว่าใครเป็นผู้แกล้วกล้าสามารถและมีคุณสมบัติดีเลิศ ฤาษีนารทเล่าประวัติพระรามจนตลอด เพราะฤาษีวาลมิกิไม่เคยได้ยินได้ฟังเรื่องพระรามมาเลย ครั้นกลับจากสำนักฤาษีนารท พระวาลมิกิเดินไปตามทาง เห็นพรานยิงนกกะเรียนซึ่งกำลังรื่นรมย์คู่กับคู่ของตน พลัดตกลงมาตายตัวหนึ่งเป็นตัวผู้ ฤาษีวาลมิกิเกิดสลดใจสมเพชนกนักหนาถึงกับทนนิ่งอยู่ไม่ได้ จึงกล่าวสาปพรานนั้นว่า “นิษาท พรานเอย เจ้าอย่าได้ถึงความมั่นคงแล้วเป็นเวลานานปี เพราะได้พรากนกกะเรียนลงตัวหนึ่ง ซึ่งหลงเพลินในกาม”
ครั้นเดินทางต่อมา หวนระลึกถึงเหตุการณ์ก็เสียใจที่สาปพรานผู้นั้น ด้วยมิใช่กิจอะไรของตนเมื่อไม่สามารถบรรเทาความโทมนัสนั้นให้สงบด้วยตนเองได้ ซึ่งยิ่งกลุ้มกลัดขึ้นทุกที ท้าวมหาพรหมทรงพระกรุณามาปรากฏพระกายให้เห็น ช่วยปลอบโยนเอาใจว่าไม่ควรเสียใจในการที่กล่าวคำสาปนั้น เพราะแท้จริงคำสาปพรานนั้นกลายเป็นความหมายในทางสรรเสริญพระนารายณ์เป็นเจ้าทรงปราบยักษ์ คือมีความหมายว่า “มานิษาท ข้าแต่พระองค์ผู้เป็นที่ประทับแห่งพระลักษมี พระองค์ได้ทรงถึงความมั่นคงแล้วเป็นนานปี เพราะได้พรากคู่ยักษ์ลงตนหนึ่ง ซึ่งหลงเพลินในกาม”
ท้าวมหาพรหมกล่าวต่อว่าโศลก และให้เป็นบทแรกของรามยณะ ซึ่งให้วาลมิกิรจนาต่อไป เมื่อโศลกนี้เป็นต้นของรามยณะ ฤาษีวาลมิกิได้รจนารามยณะต่อไปจนจบเรื่อง รวมเป็นโศลกถึงสองหมื่นสี่พันสำหรับให้มนุษย์อ่าน
ในพระราชนิพนธ์บ่อเกิดของรามเกียรติ์ มีเรื่องราวแตกต่างกว่าข้างต้นเล็กน้อย คือพระวาลมิกิมุนีได้อาราธนาพระนารทฤาษี ให้แสดงเรื่องรามยณะให้ฟัง ต่อมาพระวาลมิกิได้ไปฝั่งน้ำตมสา ใกล้แม่น้ำพระคงคา พบนกกะเรียนคู่หนึ่ง นายพรานได้ยิงตัวผู้ตายไป นางนกโอดครวญ พระวาลมิกิมีความสังเวช จึงแสดงความสังเวชนั้นออกมาเป็นวาจา แล้วจึงนึกว่าถ้อยคำที่กล่าวดูเป็นคณะฉันท์ใหม่ และโดยเหตุที่ฉันท์นี้ได้เกิดขึ้นจากความเศร้าใจ (โศก) จึงให้นามว่า “โศลก” พระพรหมผู้เป็นปรพราหมณ์ และอาทิกวี (คือกวีคนแรก) จึงลงมาตรัสสั่งให้พระวาลมิกิรจนาเรื่องรามายณะขึ้น โดยฉันท์โศลกนั้น แล้วพระวาลมิกิก็เข้าฌานสมาธิเล็งเห็นเรื่องรามยณะแต่ต้นจนปลาย พระวาลมิกิจึง ได้รจนารามายณะแต่ต้นจนปลาย รวมเป็นฉันท์ ๒๔๐๐๐ โศลก