ประเพณีกวนข้าวทิพย์
ประเพณีกวนข้าวทิพย์
จังหวัด สิงห์บุรี
ภาพจาก : http://www.nakhontourism.org/travel/data/media/3/nakhonsi.com_b_13.jpg
ประวัติความเป็นมา
ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นพิธีกรรมของศาสนาพราหมณ์ที่มีสอดแทรกเข้ามาปะปนในพิธีกรรมทางพุทธศาสนา เพื่อถวาย
แด่พระภิกษุสงฆ์ และบูชาพระรัตนตรัยอุทิศส่วนกุศลให้แก่ผู้ตาย
ประเพณีกวนข้าวทิพย์ เป็นพระราชพิธีที่กระทำกันในเดือน ๑๐ ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัยและกรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานี
และได้รับการฟื้นฟูครั้งใหญ่ ในสมัยรัชกาลที่ ๑ และมาละเว้นเลิกราไปในสมัยรัชกาล ที่ ๒ และรัชกาลที่ ๓ แล้วมาได้รับการฟื้นฟู
อีกครั้งหนึ่งในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นต้นมา แต่ในปัจจุบันนี้ส่วนใหญ่จะจัดกันในเดือน ๑๒ บางแห่งก็เดือนหนึ่ง ซึ่งคงจะถือเอา
ระยะที่ข้าวกล้าในท้องนามีรวงขาวเป็นน้ำนมของแต่ละปี และชาวบ้านก็มีความพร้อมเพรียงกัน
ในจังหวัดสิงห์บุรีบริเวณที่ยังคงรักษาประเพณีกวนข้าวทิพย์ มีเหลืออยู่เพียง ๓ หมู่บ้าน คือหมู่บ้านพัฒนา โภคาภิวัฒน์ หมู่
บ้านวัดกุฎีทอง หมู่บ้านในอำเภอพรหมบุรี ยังคงรูปเค้าโครงของการรักษาประเพณี และมีความเชื่อถืออย่างมั่นคง เป็นแบบอย่าง
ที่ดี ซึ่งแฝงด้วยจริยธรรมและคติธรรมอยู่มาก ที่สมควรนำมากล่าวถึงคือ ความพร้อมเพรียงของชาวบ้านทั้งที่ทำนา และไม่ได้
ทำนาถึงเวลาก็มาร่วมจัดทำและ ช่วยเหลือโดยยึดถือ ความสามัคคีเป็นหลัก
พิธีกรรม
สิ่งของเครื่องปรุงข้าวทิพย์ ได้เลือก คงไว้ ๙ สิ่ง คือ ถั่ว , งา , นม , น้ำตาล , น้ำผึ้ง , น้ำอ้อย เนย และน้ำนมที่คั้นจาก
รวงข้าว มีสาวพรหมจารีซึ่งจะพิถีพิถันคัดเลือกจากหญิงสาว ที่ยังไม่มีดอกไม้ (ระดู) ด้วยต้องการบริสุทธิ์สำหรับสาว พรหมจารีที่
จะเข้าร่วมพิธี ต้องสมาทานศีล ๘ และต้องถือปฏิบัติตามองค์ศีลอย่างมั่นคง แม้ที่พักก็จัดให้อยู่ส่วนหนึ่ง จนกระทั่งถึงเวลาถวาย
ข้าวทิพย์แก่ พระสงฆ์ ในตอนเช้าจึงจะหมดหน้าที่
ความเชื่อ
ข้าวทิพย์เป็นอาหารที่รวมโอชารสต่าง ๆ ไว้พร้อม บริโภคแล้วจะได้รับประโยชน์ มีคุณค่าทางอาหารครบถ้วน ตามหลัก
โภชนาการสมกับเป็นข้าวทิพย์ รวมเอนกรส ยากที่จะทำขึ้นบริโภคได้ เมื่อผู้ใดได้บริโภคแล้วจะทำให้มีกำลังแข็งแรง มีคุณค่า
อาหาร คงอยู่ในตัวได้นานพิจารณาแล้ว จะเป็นทางสนับสนุนข้าวทิพย์ของนางสุชาดา ที่นำไปถวายพระพุทธเจ้า ในวันตรัสรู้