ดอกแค
ดอกแค
ที่มา : http://gotoknow.org/file/sasinanda/preview/.jpg
ชื่อสามัญ : Vegetable Humming Bird , Cork Wood Tree
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sesbania grandiflora (L.) Pers
วงศ์ : PaPilionaceae
ลักษณะทั่วไป : แคเป็นต้นไม้พื้นบ้าน เป็นต้นไม้เนื้ออ่อน ปลูกได้ในทุกพื้นที่ ทั้งดินเหนียวและดินปนทราย
นิยมปลูกเป็นรั้ว บ้าน ริมถนน หรือปลูกไว้เพื่อปรับพื้นที่ให้มีปุ๋ย เพราะใบแคที่ผุแล้ว ทำให้ดินอุดมสมบูรณ์ส่วน
ที่นำมารับประทานได้ มียอดอ่อน ดอกอ่อน ใบอ่อน และฝักอ่อน ออกในช่วงฤดูฝน ส่วนดอกอ่อนจะออกในช่วงฤดูหนาว ดอกแค เมื่อแก่
จนกลีบร่วง ก็จะมีฝักอ่อน นำมาทำอาหารได้ เมื่อแก่จะแพร่พันธุ์ด้วยเมล็ด เจริญเติบโตง่าย มีอายุไม่นาน ก็ยืนต้นตาย แพร่พันธุ์ด้วยฝักที่มี
เมล็ดแก่จัด การนำดอกแคมาทำอาหารต้อง เด็ดเกสรสีเหลืองของดอกแคออกก่อนจะทำให้ไม่มีรสขม แคเป็นต้นไม้ที่แตกกิ่งก้านสาขา
มาก มีเปลือก ลำต้นขรุขระสีเทา ดอกคล้ายดอก ถั่ว ยาว 6-10 ซม. มีทั้งดอกสีขาวและสีแดง ออกดอกเป็นช่อตามซอกใบ กลีบเลี้ยงเป็น
รูประฆังหรือ ถ้วย ผลเป็นฝักแบน
ที่มา : http://www.wattano.ac.th/pantip/webarhan/dokkae.files/image001.jpg
คุณค่าทางอาหาร :
ดอกแค : ดอกแคปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 33 แคลอรี แคลเซียม 2 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 57 มิลลิกรัม เหล็ก 1.2 มิลลิกรัม เบต้า
แคโรทีน 0.51 ไมโครกรัม วิตามินบี1 0.09 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.19 มิลลิกรัม ไนอาซีน 0.5 มิลลิกรัม วิตามินซี 35
มิลลิกรัมการรับประทานดอกแคจะทำให้ร่างกายได้เส้นใยอาหารอาหาร
ยอดแค : มีสารอาหารมากกว่าดอกแคเสียอีก เพราะยอดแคปริมาณ 100 กรัม ให้พลังงาน 87 แคลอรี มีเส้นใย 7.8 กรัม แคลเซียม
395 มิลลิกรัม ฟอสฟอรัส 40 มิลลิกรัม เหล็ก 4.1 มิลลิกรัม เบต้าแคโรทีน 8,654 ไมโครกรัม วิตามินเอ 1,442 ไมโครกรัม
วิตามินบี1 0.28 มิลลิกรัม วิตามินบี2 0.33 มิลลิกรัม ไนอาซีน 2.0 มิลลิกรัม วิตามิซี 19 มิลลิกรัม
ที่มา : http://variety.teenee.com/foodforbrain/ims2/19582s.jpg
สรรพคุณทางยา :
เปลือกนำมาต้ม คั้นน้ำแก้ท้องร่วง แก้บิด แก้มูกเลือด คุมธาตุ สรรพคุณทางยาของแคคือช่วยแก้ไข้ ลดไข้ นอกจากนี้ยังอุดมด้วยสาร
อาหารต่างๆ โดยเฉพาะเบต้าแคโรทีนที่ร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นวิตามินเอได้ แคจึงช่วยบำรุงสายตาและต้านมะเร็ง อีกทั้งช่วยเสริม
สร้างกระดูก เพราะมีแคลเซียมฟอสฟอรัสสูง
วิธีรับประทาน :
แคที่นำมารับประทานนับได้ตั้งแต่ยอดอ่อน ใบอ่อน รสหวาน มัน มีมากในช่วงฤดูฝน นิยมต้มสุกแล้วราดหัวกะทิ รับประทานเป็นผักจิ้ม
น้ำพริก เมื่อเข้าสู่ฤดูหนาว แคก็ออกดอกอ่อนที่มีรสหวานออกขมเล็กน้อยให้ลิ้มรสและทำเป็นแกงส้ม แต่ต้องเป็นดอกแคสีขาว เพราะไม่มี
เส้นใยมากให้ระคายปากเหมือนดอกสีแดง แกงส้มดอกแคที่อร่อยต้องใส่ปลาช่อน เพราะช่วงที่ดอกแคออกดอกจะเป็นช่วงที่ปลาช่อนมี
เนื้อหวานมันเป็นพิเศษ พอถึงช่วงปลายฤดูหนาวก็เริ่มเก็บฝักอ่อนมารับประทานกันอีกครั้ง การประกอบอาหาร มักจะนำมาแกงส้มดอกแค
ปลาดุก ดอกแคสอดไส้ แกงเหลืองปลากะพงดอกแค