ดอกโสน
ดอกโสน
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sesbania javanica Miq.
ชื่ออังกฤษ : Sesbania flowers
วงศ์ : PAPILIONACEAE
ชื่อพื้นเมือง : โสนหิน(กลาง) ผักฮองแฮง(เหนือ) สีปรีหลา(กระเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน) โสนกินดอก(กลาง)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
โสนเป็นไม้สกุลเดียวกับแค และเป็นไม้ล้มลุกปีเดียว พบในพื้นที่ที่มีน้ำขังสูงประมาณ 1-4 เมตร ใบเป็นใบประกอบมีใบย่อย 10-30 คู่ ใบ
สีเขียว ใบรูปร่างรีและกลม ปลายใบมน ใบยาว 1.2-2.5 ซม. กว้าง 2-4 มม. ดอกเป็นดอกช่อกลีบดอกสีเหลือง แต่ละช่อมีดอกย่อย 5-
12 ดอก ช่อดอกยาวประมาณ 10 ซม. ดอกย่อยยาว 2.5 ซม. บางครั้งกลีบนอกมีจุดกระสีน้ำตาล หรือสีม่วงแดง กระจายอยู่ทั่วไป ฝัก
ผอมและยาว ยาวประมาณ 18-20 ซม. กว้าง 4 มม. ฝักอ่อนสีเขียวเมื่อแก่กลายเป็นสีม่วงและสีน้ำตาล เมล็ดเล็กเรียงอยู่ภายในฝัก
การปลูก : โสนขึ้นได้ในบริเวณที่มีน้ำขังเจริญได้ในดินแถบภาคกลาง และดินเหนียว โสนขยายพันธุ์โดยการ
เพาะเมล็ด
สรรพคุณของโสนและวิธีใช้ :
ส่วนที่ใช้เป็นยา : ดอก ใบ และต้น ซึ่งแต่ละส่วนจะให้สรรพคุณดังต่อไปนี้
สรรพคุณของโสน :
ดอกโสน : เนื่องจากโสนมีรสจืด เย็น จึงมีสรรพคุณแก้พิษร้อน ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปรุงเป็นยาพอกแผล
ได้ นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณใช้แก้ปวดมวนท้อง
ใบโสน : มีสรรพคุณใช้ตำยาพอกแผล
ต้นโสน : มีสรรพคุณในการขับปัสสาวะ โดยนำต้นโสนมาแช่น้ำให้เป็นด่าง หรือแผนโบราณเผาไฟไหม้ให้เกรียม แล้วนำน้ำมาดื่ม
นอกจากนี้ยังนำมาใช้แต่งสีอาหารให้สีเหลือง นิยมทำขนม เช่น ขนมขี้หนู ขนมบัวลอย ขนมดอกโสน เป็นต้น
ประโยชน์ทางยา : โสนมีรสจืด เย็น สรรพคุณแก้พิษร้อน ถอนพิษแมลงสัตว์กัดต่อย ปรุงเป็นยาพอกแผลได้
รส และประโยชน์ต่อสุขภาพ :
ดอกโสนมีรสจืด มัน อมขมเล็กน้อย ดอกโสน 100 กรัม ให้พลังงานต่อร่างกาย 40 กิโลแคลอรี่ มี
เส้นใย 3.9 กรัม แคลเซียม 51 มิลลิกรัมฟอสฟอรัส 56 มิลลิกรัม เหล็ก 8.2 มิลลิกรัม วิตามินเอ
วิตามินบีหนึ่ง 0.26 มิลลิกรัม วิตามินบีสอง 0.40 มิลลิกรัม ไนอาซิน วิตามินซี 24 มิลลิกรัม
ข้อควรรู้ : สำหรับโสนที่ใช้รับประทานเป็นอาหาร คือ โสนหิน หรือโสนกินดอก ท่านผู้รู้กล่าวว่า
ยังมีโสนชนิดหนึ่ง ต้นใหญ่กว่าโสนหิน สามารถรับประทานใบอ่อน และดอกได้
ที่มา : http://61.19.69.9/~m38a48/26917/fl_40.jpg