ปริศนาคำทาย
ปริศนาคำปริศนาคำทาย
หมายถึง ถ้อยคำที่ยกขึ้นเป็นเงื่อนงำ เพื่อให้แก้ ให้ทาย การเล่นทายกัน ใช้ถ้อยคำธรรมดาเป็นภาษาร้อยแก้ว หรือจะมีสัมผัสแบบภาษาร้อยกรองก็ได้ ภาษาที่ใช้นั้นเป็นภาษาสั้น ๆ ง่าย ๆ กระชับความ แต่ยากแก่การตีความในตัวปริศนาอยู่บ้าง มักนิยมกันในหมู่เด็ก ๆ หรือผู้ใหญ่ ยกคำทายเพื่อมาทายกัน เป็นการฝึกสมอง ลองภูมิปัญญา ช่วยฝึกความคิด ก่อให้เกิดการเรียนรู้ ความเข้าใจ และเกิดความสนุกขบขัน บันเทิงใจด้วย นอกจากจะนี้ ยังฝึกให้เด็ก ๆ รู้จักจำ รู้จักสังเกต เป็นวิธีการสอนเด็กที่ชาญฉลาดอย่างยิ่ง ในสมัยโบราณ การลองภูมิปัญญาว่าผู้นั้นจะมีความเฉลียวฉลาดหรือไม่เพียงไร วิธีหนึ่งก็คือ การทายปริศนาหรือการทายปัญหาดังนั้นการเล่นปริศนาคำทาย จึงเป็นที่นิยมกันมาจนถึงปัจจุบันนี้
ปริศนาคำทาย วิธีเล่นคือผู้ทายจะเริ่มต้นการทายด้วยคำขึ้นต้นว่า "อะไรเอ่ย" ต่อจากนั้นก็จะเริ่มทายถึงสิ่งของ คน ต้นไม้ ผักสด ผลไม้ สัตว์ ฯลฯ โดยนำลักษณะเด่นหรือนำไปเปรียบเทียบกับสิ่งอื่นที่ใกล้เคียงกันเป็นการชี้แนะเพื่อให้ทายถูก อาจมีปัญหาเชาวน์ ซึ่งผู้ตอบจะต้องมีความรู้รอบตัว และมีความจำอย่างดีว่า คำตอบนั้นคืออะไร ถ้าทายถูกจะเป็นผู้ตั้งปัญหา ถ้าทายผิดจะต้องตอบปัญหาใหม่ หรือผู้ถามจะถามคนเดียวต่อไปเรื่อย ๆ ก็ได้
ในสมัยรัชกาลที่ 5 ก็นิยมทายปริศนากัน แต่มักจะแต่งเป็นโคลงหรือกลอนให้มีความไพเราะไปในทางภาษาหนังสือ เป็นการทายในหมู่ชนชั้น ที่ได้รับการศึกษา ซึ่งต่างจากการทายปริศนาตามหมู่บ้านหรือตามประสาชาวบ้าน เช่น
วัดหนึ่งนามเรียกคล้าย เวลา ราตรีต่อทิวา นั่นไซร้ มีนามซึ่งชนสา- มัญเรียก แปลว่าวัดซึ่งไร้ ร่มไม้ชายคา
(เฉลย – วัดแจ้ง หรือ วัดอรุณ)
เมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงดำรงพระราชอิสริยยศเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธมกุฎราชกุมาร พระองค์ได้ทรงพระราชนิพนธ์ขึ้นในบางโอกาส สำหรับให้ข้าราชบริพารส่วนพระองค์คิดทายกันเล่น หรือภายในแวดวงข้าราชสำนักสมัยนั้น เช่นในงานฤดูหนาวประจำปีที่วัดเบญจมบพิตรในสมัยนั้น จัดว่าเป็นงานที่สนุกสนานที่สุด เป็นงานที่เจ้านายเชื้อพระวงศ์มาออกร้านกันมาก การเล่นทายปัญหาหรือปริศนานับว่าเป็นจุดสำคัญที่สุดของงาน
รัชกาลที่ 6 ทรงพระราชนิพนธ์ปัญหาร่วมด้วย จึงมีข้าราชบริพารสนใจตอบหรือทายกันมาก และมีรางวัลสมนาคุณให้แก่ผู้ที่ตอบหรือทายถูกอีกด้วย การเล่นทายปัญหาในวัดเบญจมบพิตรนี้ ในขั้นแรกเรียกว่าเป็นการทาย “ผะหมี” ซึ่งเป็นการเล่นอย่างแพร่หลายในหมู่ นักปราชญ์ราชบัณฑิตและกวีในประเทศจีน
ลักษณะของปริศนาคำทาย
นิยมใช้คำคล้องจองกันโดยไม่กำหนดจำนวนคำในแต่ละวรรค เป็นข้อความสั้น ๆ กะทัดรัดหรืออาจผูกเป็นปริศนากลอน ซึ่งบ่งบอกถึงความเป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอนทำให้จำได้ง่าย
เนื้อหานั้นมักจะนำมาจากสิ่งต่างๆที่อยู่รอบตัวเรา เช่น ของใช้ คน สัตว์ ผัก พืช เวลา สถานที่ เครื่องใช้ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ เชาว์ปัญญา ฯลฯ ซึ่งผู้ผูกปริศนาจะต้องเป็นคนช่างสังเกต แล้วนำเอาสิ่งที่สังเกตเห็นมาผูกปริศนาให้ผู้อื่นใช้ปัญญาเพื่อแก้หรือทาย
จำนวนข้อความคำถามจะมีความสั้นยาวไม่เท่ากัน คือ อาจจะมีเพียงตอนเดียว สองตอน สามตอน หรือมากกว่านี้ แต่ข้อความทุกตอนจะเป็นการบอกคำตอบอยู่ในตัวเป็นนัยๆ ซึ่งเมื่อนำคำตอบมารวมกันจะเป็นลักษณะของสิ่งที่ทายนั่นเอง
ไม่นิยมถามตรง ๆ แต่จะใช้สิ่งเปรียบเทียบ
มีการท้าทายให้ผู้ไขปริศนาพยายามคิด
ประโยชน์ที่ได้รับ
1.ผู้เล่นได้รับความสนุกสนาน เพลิดเพลิน ขบขัน เป็นการพัฒนาจิตใจให้แจ่มใส
2.ฝึกให้ผู้เล่นเป็นผู้มีนิสัยช่างสังเกต ช่างคิด ฉลาดเฉลียวในการฝึกปัญญาของผู้เล่น
3.ผู้เล่นจะได้รับความรู้ด้านต่าง ๆ เช่น สำนวนภาษา สังคมวิทยา และธรรมชาติวิทยา
4.เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์
5.เป็นการสร้างความสามัคคีสร้างมนุษยสัมพันธ์ในหมู่ผู้เล่นอีกด้วย
6.เป็นการพัฒนาการใช้ภาษา
7.เป็นการฝึกให้มีไหวพริบ เชาวน์ ปัญญาดี ทายเปรียบกับสิ่งมีชีวิต
http://www.thaigoodview.com/node/49971 = ปริศนาคำทายเกี่ยวกับต้นไม้และพืช
http://www.thaigoodview.com/node/50313 = แนะนำหนังสือปริศนาคำทาย