ดาราศาสตร์
ดาราศาสตร์ (ASTRONOMY)
ที่มาของรูป blog.spu.ac.th/print.php?id=10510
ดาราศาสตร์เป็นคำที่เราใช้เรียกวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ศึกษาเกี่ยวกับเทห์ฟากฟ้า (the study of heavenly bodies) รวมทั้งปรากฎการณ์ทั่วไปที่เกิดขึ้นนอกโลกอันเป็นดาวเคราาะห์ดวงนี้ของเราปัจจุบัน ดาราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์สาขาหนึ่งที่ต้องใช้เทคโนโลยีหลายอย่างอันซับซ้อนเป็นอย่างมาก รวมทั้งต้องการใช้การคำนวณต่าง ๆ ทางคณิตศาสตร์และการเดินทางไปในอวกาศ ซึ่งแต่ละอย่างล้วนมีที่มาที่แตกต่างกันมาก ชาวกรีกโบราณ ซึ่งเป็นผู้สร้างวิทยาการหลายอย่างที่เรายอมรับกันทุกวันนี้ก็ได้ศึกษาเกี่ยวกับท้องฟ้าด้วยเช่นกัน และได้ให้คำอธิบายปรากฎการณ์อันเร้นลับสของจันทรคลาสและสุริยคลาสแบบคาดเดาเอาไว้ด้วย นอกจากนั้นด้วยเหตุที่พวกเขาสามารถคำนวณหาตำแหน่งของเทห์ฟากฟ้า (heavenly bodies) ได้ จึงสามารถกำหนดความยาวของเส้นรัศมีของโลกได้อย่างถูกต้องแม่นยำเป็นครั้งแรก
สำหรับผู้คนชนชาติอื่น ๆ ในสมียโบราณที่ได้คิดอย่างมีเหตุผลและใฝ่ใจศึกษาวิทยาการสาขานี้จนมีชื่อเสียงน่าจดจำ และกล่าวถึงได้แก่ชาวอินเดียและชาวอียิปต์ พโตเลมี (Ptolemy) ได้นำเอาสิ่งที่เขาสังเกตเห็นและขนาดที่เขาวัดได้มาสรุปว่าโลกเป็นศูนย์กลางโดยมีดาวเคราะห์ทุกดวงและเทห์ฟากฟ้าทั้งหมดโคจรอยู่โดยรอบ ข้อสรุปที่เป็นแนวคิดอันไร้ข้อพิสูจน์ของเขาดังกล่าวนี้เป็นที่เชื่อถือกันมาเป็นเวลานานเกือบ 1,500 ปี
ในยุโรปสมัยกลาง นับเป็นยุคที่ดาราศาสตร์ซบเซาเนื่องจากไม่มีการพัฒนาใด ๆ ที่เป็นสิ่งใหม่เกิดขึ้นเลย แต่ในอเมริกา เหล่าานักดาราศาสตร์ชาวแอสเทค (Aztec) สามารถกำหนดมาตราว้ดมุมท้องฟ้าเป็นลิปดาได้ ทำให้พวกเขาสามารถสร้างปฏิทิน (calendar) ที่ถูกต้องแม่นยำได้สำเร็จ ทั้งยังสามารถทำการคำนวณทางคณิตศาสตร์เกี่ยวกับเทห์ฟากฟ้าได้ด้วย ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 16 เหตุการณ์ก็เริ่มเปลี่ยนแปลงไป โคเปอร์นิคัส (Copernicus) เป็นคนแรกที่เชื่อในแนวคิดใหม่หลายแนวคิดซึ่งเป็นแนวคิดอันมีเหตุผลเป็นที่กล่าวขวัญในสมัยนั้น และหลังจากที่ได้เฝ้าสังเกตการณ์มาเป็นเวลา 25 ปี เขาก็สรุปว่าดวงอาทิตย์ต่างหากที่เป็นศูนย์กลางของเอกภพ (Universe) ไม่ใช่โลก ซึ่งเป็นแนวคิดที่คัดค้านกับแนวคิดอันเป็นที่เชื่อถือกันอยู่ในเวลานั้นอย่างชนิดพลิกหน้ามือเป็นหลังมือ และดาราศาตร์สมัยใหม่ก็อุบัติขึ้นมานับตั้งแต่นั้นมา