อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ
ที่มาภาพhttp://www.talkystory.com/imagelib/www.talkystory.com/092009/3dab5ba1cffc49e.jpg
เชียงใหม่มหานครแห่งล้านนา งามล้ำค่าศรีนครพิงค์ เป็นดินแดนที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี วิถีชีวิต ที่ยังคงโดดเด่นไปด้วยเอกลักษณ์ความเป็นดินแดนแห่งอารยธรรมล้านนา หากมาเชียงใหม่ แล้ว ไม่ ไปกินข้าวซอย ไม่ได้ขึ้นดอยสุเทพ ก็เหมือนดั่งมาไม่ถึงนครเชียงใหม่ เจ้า พระบรมธาตุดอยสุเทพ จึงเป็นสัญลักษณ์ของเมืองเชียงใหม่ และในดินแดนล้านนาไทย ที่ใครมาแล้วก็ต้องเข้าไปมนัสการบูชาเพื่อเป็นมงคลให้กับชีวิต เป็นหนึ่งในเจ็ดของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์ในแถบภาคเหนือตอนบนและเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีมะแม
นับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พระมหากษัตริย์ของนครเชียงใหม่ทุกๆ พระองค์ ได้ทรงทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาด้วยความเลื่อมใสในพระรัตนตรัยอย่างหนักแน่น ถึงแม้กาลเวลาจะล่วงเลยไปนานแสนนานสักเพียงใด ความมั่นคงในบวรพระพุทธศาสนายังคงฝังแน่นอยู่ในจิตใจของชาวล้านนาไทย และพุทธศาสนิกชนทั่วไป เฉกเช่นพระบรมธาตุดอยสุเทพที่คงประดิษฐานตระหง่านเป็นสง่าอยู่บนยอดดอยสุเทพ เป็นดังร่มโพธิ์ไทรต้นใหญ่ ซึ่งคอยบดบังแสงแห่งสิ่งชั่วร้ายและแผ่บารมีให้ความร่มเย็นแก่ชาวล้านนา และเป็นที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย
ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/chiangmai/watphrathatdoisuthep/300/pic-(27).jpg
วัดพระธาตุดอยสุเทพ ตั้งอยู่บนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย นอกจากจะมีพระบรมธาตุศักดิ์สิทธิ์แล้วอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย มีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอีกมากมายซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วไป การเดินทางขึ้นไปยังดอยสุเทพเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ดีอีกแห่งหนึ่ง ไปได้ทั้งรถยนต์ ,จักรยานยนต์, จักรยาน หรือแม้แต่การเดินเท้าขึ้นไปก็สามารถทำได้ และเป็นสถานที่จัดกิจกรรมประเพณีต่าง ๆมากมาย บนอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย ถือว่าเป็นเส้นทางท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ และตั้งอยู่ติดกับตัวเมือง การเดินทางสะดวกสบาย
การเดินทางขึ้นไปยังพระบรมธาตุดอยสุเทพ ผ่านสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งภายในอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่จุดแรกก่อนการเดินทางขึ้น ต้องแวะเข้าไปก่อน ก็คือการเข้าไปนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย นักบุญแห่งล้านนาไทย ซึ่งเป็นบุคคลแรกที่บุกเบิกสร้างถนนขึ้นไปถึงดอยสุเทพ อนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัยตั้งอยู่บนทางขึ้นดอยสุเทพ ก่อนถึงน้ำตกห้วยแก้ว ฉนั้น ผู้ที่จะขึ้นไปนมัสการดอยสุเทพ มักจะลงนมัสการอนุสาวรีย์ครูบาศรีวิชัย เพื่อความเป็นมงคลเสียก่อน ครูบาศรีวิชัยเป็นผู้ริเริ่มชักชวนให้ประชาชนชาวเหนือร่วมแรงร่วมใจกันสร้างถนนจากเชิงดอยขึ้นไปสู่วัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ โดยเริ่มลงมือเมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2477 และแล้วเสร็จเมื่อปี พ.ศ. 2478 รวมระยะทางจากเชิงดอยไปถึงวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ประมาณ 10 กม. บูชาเสร็จก็ขึ้นดอยกันเลย
ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/chiangmai/watphrathatdoisuthep/300/pic-(30).jpg
ตลอดเส้นทางขึ้นไปยังวัดพระธาตุดอยสุเทพก็มีจุดแวะพักผ่อนเที่ยวชมหลายจุด อาทิ วังบัวบานเป็นสถานที่ที่กล่าวถึงตำนานรักอันอมตะที่ลือชื่อของสาวเหนือ มีความสวยงามมาก,ผาลาด,น้ำตกมณฑาธาร เป็นน้ำตกที่มีความสวยงามมากที่สุด มีชั้นน้ำตกถึง 3 ชั้น น้ำไหลตกจากหน้าผาแต่ละชั้นเกิดขึ้นอยู่ตรงกลางของลำห้วยแก้ว,วัดผาลาด,จุดชมวิวเมืองชียงใหม่ ที่ศาลาชมเมืองช่วงระยะทางประมาณ 8 กิโลเมตรและก่อนถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ ซึ่งชมวิวตัวเมืองเชียงได้แทบทั้งหมด ยิ่งถ้าในเวลาพระอาทิตย์ตกก็จะเห็นดาวบนดินเต็มเมืองเชียงใหม่เลยทีเดียว และยามเช้า ๆก็จะเห็นไอหมอกปกคลุมเชียงใหม่เอาไว้ ตลอดสองข้างทางก็เต็มไปด้วยต้นไม้ป่าสลับไปกับเนินเขาสวยงาม ดอยสุเทพไม่เพียงแต่เป็นที่ตั้งของวัดพระบรมธาตุดอยสุเทพ ปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่เท่านั้น แต่ดอยสูงแห่งนี้ยังคงสมบูรณ์ไปด้วยสภาพธรรมชาติทั้งพืชพรรณและสัตว์ป่า
ดอยสุเทพ เดิมชื่อว่า ดอยอ้อยช้าง ได้รับการประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติ วันที่ 17 พฤษภาคม 2492 ต่อมาได้รับการประกาศเป็นป่าสงวนแห่งชาติ ในวันที่ 31 ธันวาคม 2507 ผืนป่าประกอบด้วยป่าดิบเขา ป่าเต็งรัง ป่าเบญจพรรณ และป่าสนเขา มีพันธุ์ไม้นานาชนิด ได้แก่ ไม้เต็ง รัง เหียง พลวง ประดู่ เสลา เก็ตดำ เก็ตแดง ไม้ก่อกว่า 10 ชนิด ยางแดง ตาเสือ ดงดำ ตะเคียน กระบาก มะม่วงป่า และไม้สนเขาจะมีมากที่ยอดดอยปุยเป็นต้น สัตว์ป่าส่วนใหญ่ถูกรบกวนจากชาวเขาและชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง ที่พบอยู่ได้แก่ เก้ง กวาง หมี ชะนี ลิง ค่าง และนกนานาชนิดกว่า 200 ชนิด เช่นพวกเหยี่ยว ไก่ป่า ไก่ฟ้า นกขมิ้น นกหัวขวาน นกแก้วและนกพญาไฟ เป็นต้น เนื่องจากเป็นยอดเขาสูง อากาศจึงเย็นสบายตลอดปี อุณหภูมิเฉลี่ยตลอดปีประมาณ 16 องศาเซลเซียส ในฤดูหนาวอากาศจะหนาวมาก ในเดือนกุมภาพันธ์ อากาศปลอดโปร่ง ท้องฟ้าแจ่มใส ทำให้มองเห็นภูมิประเทศได้โดยรอบอย่างชัดเจน ส่วนในฤดูฝน อากาศเย็นสบาย ฝนตกมากที่สุดในเดือนสิงหาคม-กันยายน ในฤดูร้อนอากาศไม่ค่อยร้อนอบอ้าวเท่าไหร่ สภาพโดยทั่วไปเป็นภูเขาสูงสลับซับซ้อนกันหลายลูกเขาที่สำคัญได้แก่ ดอยสุเทพ ดอยบวกห้า และดอยปุย ซึ่งมีความสูงมากที่สุด ประมาณ 1,685 เมตร จากระดับน้ำทะเลs
ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/chiangmai/watphrathatdoisuthep/300/pic-(28).jpg
วัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์,โบราณสถาน,ขนบธรรมเนียมประเพณี,ความเชื่อ ของวัฒนธรรมล้านนาไทย เป็นวัดที่ตั้งอยู่ในดินแดนที่เชื่อกันว่าเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ตามประวัติการสร้างวัด เมื่อต้นพุทธศตวรรษที่ 19 พระเจ้ากือนา ได้ทรงสร้างวัดพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารไว้บนยอด เขาดอยสุเทพ โดยได้นำเอาพระบรมธาตุของพระพุทธเจ้า ที่พระมหาสวามี นำมาจากเมืองปางจา จังหวัดสุโขทัย บรรจุไว้ในองค์พระเจดีย์พระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหาร นอกจากจะเป็นวัดที่มีความสำคัญมากแล้ว ยังเป็นพระอารามหลวง 1 ใน 4 ของจังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย (พระอารามหลวงหมายถึง วัดที่อยู่ในความอุปถัมภ์ของพระเจ้าอยู่หัวฯ) ชาวเชียงใหม่เคารพนับถือพระธาตุดอยสุเทพราชวรวิหารมากเสมือนหนึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงใหม่มาแต่โบราณกาล ต่อมาได้มีกษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่หลายพระองค์ ทรงทำนุบำรุงวัดพระธาตุดอยสุเทพเรื่อยมาตามลำดับ
พระบรมธาตุดอยสุเทพ สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้ากือนาธรรมมิกราช เจ้าเมืองเชียงใหม่องค์ที่ 9 โดยพระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่พระมหาสุมนเถระ นำมาจากเมืองศรีสัชนาลัย ซึ่งได้ขุดพบจากนิมิตฝันของพระมหาสุมนเอง เมื่ออัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุมาสู่เชียงใหม่แล้ว พระธาตุได้แยกเป็นสองส่วน พระเจ้ากือนาทรงเลื่อมใส ได้อัญเชิญบรรจุไว้ที่พระธาตุวัดสวนดอก ส่วนองค์ที่สอง ได้อัญเชิญขึ้นบนหลังช้างเพื่อเสี่ยงทายว่า ช้างหยุดที่ใด ก็จะสร้างเจดีย์บรรจุพระบรมธาตุที่นั่น แล้วปล่อยช้างไป ช้างได้มุ่งหน้าไปสู่ทิศตะวันตก ขึ้นไปยังดอยสุเทวะฤาษี หรือดอยสุเทพปัจจุบัน แล้วมาหยุดที่ยอดดอยสุเทพ พระเจ้ากือนาทรงรับสั่งให้สร้างพระเจดีย์ ณ ที่นั้น มีขนาดสูง 5 วา เมื่อ พ.ศ. 1916
ที่มาภาพhttp://tourthai.tourismthailand.org/trips/chiangmai/watphrathatdoisuthep/300/pic-(23).jpg
เมื่อปี พ.ศ. 2068 พระเจ้าเกษเกล้า กษัตริย์องค์ที่ 12 ของเชียงใหม่ ได้ทำการบูรณะพระเจดีย์ โดยได้นิมนต์พระมหาญาณมงคลโพธิ์ จากลำพูนมาเป็นประธานการบูรณะ โดยขยายพระเจดีย์ให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิม สูง 11 วา กว้าง 6 วา ที่ปรากฏทุกวันนี้ รอบองค์พระบรมธาตุดอยสุเทพ ประกอบด้วยสิ่งสำคัญ 5 ประการ ได้แก่ ฉัตร 4 มุม ทำด้วยทองเหลือง สร้างโดยพระเจ้ากาวิละ กษัตริย์ผู้ครองนครเชียงใหม่ เมื่อ พ.ศ. 2348 มีความหมายว่า ฉัตรเป็นสัญลักษณ์ของความร่มเย็น ซึ่งแสดงให้ถึงความสงบร่มเย็นที่ได้รับอิทธิพลมาจากพระพุทธศาสนาที่แผ่ไปใน ทั้ง 4 ทิศ สัตติบัญชร หรือ รั้วหอก ที่อยู่รอบพระธาตุ ซึ่งมีที่มาจากเหตุการณ์แบ่งพระบรมสารีริกธาตุของโทณพราหมณ์ เมื่อภายหลังการถวายพระเพลิงพระพุทธสรีระ เนื่องจากเกิดเหตุการณ์แย่งพระบรมสารีริกธาตุของเมืองต่างๆ เพื่อนำไปไว้บูชาประจำเมือง โทณพราหมณ์จึงทำหน้าที่แบ่ง โดยให้ทหารถือหอกรอบล้อมพระบรมสารีริกธาตุไว้ เพื่อป้องกันการแย่งชิง จึงเป็นที่มาของรั้วหอกรอบพระบรมธาตุ หอยอ ลักษณะเหมือนวิหารขนาดเล็ก ประจำอยู่ 4 ด้าน ของพระบรมธาตุ ภายในมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ มีความหมายถึงการบูชาหรือสรรเสริญคุณของพระพุทธเจ้า (ยอคุณ) หอท้าวโลกบาล ซึ่งเป็นหอยอดแหลมขนาดเล็ก ประจำอยู่ 4 มุมของพระบรมธาตุ หมายถึง ที่ประดิษฐานของท้าวโลกบาลทั้ง 4 ซึ่งเป็นเทพที่ปกปักรักษาสิ่งสำคัญต่างๆ 4 ทิศ ทำหน้าที่รักษาพระบรมธาตุ ไหดอกบัว หรือ ปูรณะฆะฏะ (ปูรณะ แปลว่า เต็ม,สมบูรณ์, ฆฏะ แปลว่า หม้อ) แปลว่า หม้อที่แสดงถึงความสมบูรณ์ ซึ่งหมายถึงความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนาในล้านนาไทย นอกจากองค์พระบรมธาตุดอยสุเทพแล้วภายในวัดก็มีศาสนสถานที่สำคัญหลายอย่าง เช่น วิหารครูบาศรีวิชัย,อนุสาวรีย์ช้างเผือก,อนุสาวรีย์สุเทวฤาษี,วิหารพระพุทธ,วิหารพระเจ้าทันใจ,วิหารหลวงพ่ออุ่นเมือง,วิหารพระเจ้ากือนา,วิหารพระพฤหัส ,อุโบสถ,ศาลาบาตร,ต้นโพธิ์อินเดีย โดยศาสนสถานแต่ละแห่งตั้งอยู่รอบ ๆองค์พระธาตุ ภายในบริเวณวัดพระธาตุดอยสุเทพตั้งแต่บันไดทางขึ้นเต็มไปด้วยผู้คนจากทั่วสารทิศ และในบริเวณพระบรมธาตุมีประชาชนเข้าไปนมัสการองค์พระธาตุเยอะมาก ๆ
สร้างโดย:
อ.ปาลิดา สวนชัง เเละ น.ส. ณัฐกานด์ พูนเพิ่มทรัพย์
แหล่งอ้างอิง:
http://tourthai.tourismthailand.org/trips/chiangmai/watphrathatdoisuthep/