English Delivery Episode 2
การจะเก่งภาษาอังกฤษและสามารถพูดกับฝรั่งให้รู้เรื่องนั้นคุณจะต้องมี
1.ศัพท์ภาษาอังกฤษที่ออกเสียงกันแบบ Made in USA หรือ Made in UK เพราะถ้าศัพท์ของคุณยังเป็นการออกเสียงแบบ Made in Thai land ฝรั่งหลายๆคนจะไม่เข้าใจเพราะเขาไม่คุ้นหูกับภาษาอังกฤษแบบไทยๆ ดังนั้นคุณจะต้องมีศัพท์ภาษาอังกฤษในระบบของคุณให้มากที่สุดและคุณต้องให้ความสำคัญกับการออกเสียง (Pronunciation) ของคำพวกนั้น พอๆกับความหมายของคำ คนไทยจะรู้แต่ความหมายแต่ไม่รู้วิธีการออกเสียงที่ถูกต้องและมั่นใจ
Example : Leopard แปลว่าเสือดาว หลายคนยังเข้าใจผิดและอ่านออกเสียงคำๆนี้ว่า ลีโอพาร์ด ซึ่งจริงๆแล้วคำนี้ออกเสียงว่าเล็บเพิร์ด Cupboard แปลว่า ตู้เก็บของ และออกเสียงว่าคับเบิร์ด แต่คนไทยไปออกเสียงว่าคัพบอร์ด ดังนั้นคุณต้องรู้ว่าฝรั่งออกเสียงกันอย่างไรและพยายามฝึกฝนกล้ามเนื้อปากด้วยตัวเองที่บ้านโดยการฟังและเลียนแบบเสียงฝรั่งแล้วพูดตามกับตัวเอง ก่อนที่คุณจะไปพูดกับเขาให้ถูกต้องและมั่นใจ คุณต้องพูดกับตัวเองให้ถูกต้องและมั่นใจได้ก่อนนะคะ เหมือนเวลาที่นักร้องซ้อมก่อนไปออกคอนเสิร์ต หรือนักกีฬาจะต้องซ้อมก่อนไปแข่งขันนั่นเอง คุณต้องมีการซ้อมสักหน่อยก่อนที่จะไปพูดกับเขาจริงๆเช่นกันค่ะ
2.ประโยคภาษาอังกฤษสำเร็จรูปที่ถูกต้องแบบ Made in USA หรือ Made in UK คนไทยชอบนึกว่าการจะเรียบเรียงประโยคภาษาอังกฤษให้ถูกต้องนั้นต้องรู้จักแต่ Grammar แต่ถ้าคุณอยากจะพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง คุณจะต้องเริ่มสังเกตุว่าฝรั่งเขาใช้ประโยคอะไรกันบ้าง แล้วเลียนแบบเขามาทั้งชุดและเริ่มทำความคุ้นเคยกับประโยคฝรั่งให้เยอะๆ
Example : Don't forget to call me. Don't forget to bring some food. Don't forget to turn the lights.
ประโยคสำเร็จรูปคือ Don't forget to ... = อย่าลืม...
3.การฟังภาษาอังกฤษที่ดีซึ่งคุณจะต้องทำความคุ้นเคยกับเสียงภาษาอังกฤษให้เยอะๆ เพราะการจะเพิ่มทักษะการฟังให้ดีขึ้นคุณต้องมีการสร้างความจำหรือที่เรียกกันว่า Memory ภาษาอังกฤษเยอะๆยิ่งสร้างความจำของการฟังเสียงภาษาอังกฤษได้มาก คุณก็จะฟังเสียงของฝรั่งได้เพิ่มขึ้น ถ้าคุณเคยเจอประโยคภาษาอังกฤษแล้วสามารถรู้ว่ามันมีความหมายว่าอย่างไร หลังจากนั้นคุณจะฟังประโยคหรือศัพท์นั้นออกตลอดไป ตัวอย่างก็คือคุณฟังเพลงๆหนึ่งมาสิบครั้งแต่ฟังไม่ออก แต่พอคุณมาอ่านเนื้อร้องแล้วรู้ว่าเขาร้องว่าอะไร หลังจากนั้นคุณก็จะฟังประโยคนั้นออกค่ะ