• user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: SELECT data, created, headers, expire, serialized FROM cache_filter WHERE cid = '3:4086a6fc839885fdfd4dcdf45fe2888f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 27.
  • user warning: Table 'cache_filter' is marked as crashed and should be repaired query: UPDATE cache_filter SET data = '<!--paging_filter--><p align=\"center\">\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n<strong><span style=\"background-color: #ffff00; color: #182476\"><u>ที่มาของมงคล 38 ประการ</u></span> </strong>\n</p>\n<p>\n<strong>                                          <img height=\"266\" width=\"304\" src=\"/files/u19256/1_original.jpg\" border=\"0\" /></strong>\n</p>\n<p>\n                แหล่งที่มารูปภาพ : <a href=\"http://statics.atcloud.com/files/entries/3/31779/images/1_original.JPG\">http://statics.atcloud.com/files/entries/3/31779/images/1_original.JPG</a>\n</p>\n<p>\n<strong>         </strong><u><span style=\"background-color: #ffff00\"><strong>ที่มาของมงคล 38 ประการ<br />\n</strong></span></u>       <span style=\"color: #0475e5\"> สังคมเรานี้มีโรคประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง คือ โรคตื่นข่าวลือ สงบเป็นพัก ๆ แล้วก็กำเริบเป็นคราว ๆ ประเดี๋ยวฮือ<br />\nผู้วิเศษพอมีข่าวอาจารย์ท่านโน้นท่านนี้ให้หวยเบอร์แม่น ก็แตกตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูมฮือกันไปหา พอคนฮือไปทางไหน <br />\nก็มีผู้แสดงตัวว่าเป็นคณาจารย์ในทางนั้นมากมาย <br />\n         ย้อนหลังไป 26 ศตวรรษ ประชาชนชาวชมพูทวีปก็มีโรคอย่างนี้เหมือนกัน  โดยผู้คนสมัยนั้นตื่นตัวในการค้นคว้าปัญหา<br />\nเกี่ยวกับชีวิตจิตใจ เช่น คนเราเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน  ทำอย่างไรจึงจะมีความสุขในชีวิต ทำอย่างไรจึงจะ<br />\nมีความสำเร็จในการทำงาน ฯลฯ มีการชุมนุมกันตามสวนสาธารณะบ้าง ประตูเมืองบ้าง จัตุรัสต่างๆบ้าง เพื่ออภิปราย<br />\nในปัญหาเหล่านี้อย่างกว้างขวาง <br />\n         เมื่อมีผู้อภิปรายมากเข้า หลายคนก็หลายความคิด และต่างก็โฆษณาเผยแผ่ความคิดของตัว ใครมีคนเชื่อตาม<br />\nมากก็กลายเป็นอาจารย์  มีลูกศิษย์กันคนละมาก ๆ ขณะที่การชุมนุมสาธารณะกำลังเฟื่อง การอภิปรายกำลังเป็นไป<br />\nอย่างครึกครื้น ปัญหาต่างๆ ได้ถูกฟาดฟันด้วยวาทะคมคายเรื่องแล้วเรื่องเล่า โดยไม่มีใครคาดฝัน ได้มีผู้เสนอญัตติสำคัญเข้าสู่วงอภิปรายว่า &quot;อะไรคือมงคลของชีวิต&quot;  <br />\n ดูรูปปัญหาแล้ว ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไร  แต่เมื่อมีผู้เสนอตัวขึ้นกล่าวแก้ กลับถูกผู้อื่นกล่าววาทะหักล้างอย่างไม่เป็นท่า <br />\n        &quot;ท่านทั้งหลาย โปรดฟังทางนี้ ข้าพเจ้าทราบดีว่าอะไรเป็นมงคล&quot; <br />\nนักอภิปรายผู้หนึ่งนามว่า ทิฏฐมังคลิกะ เสนอตัวขึ้นในชุมนุม <br />\n            &quot;รูปที่ตาเห็นนี้แหละเป็นมงคล ลองสังเกตดูซิ  เมื่อเราตื่นแต่เช้าตรู่ได้เห็นนกบินเป็นฝูง ๆ พระอาทิตย์ขึ้น <br />\nต้นไม้เขียว ๆ เด็กเล็ก ๆน่ารัก สิ่งที่เราเห็นนี้แหละเป็นมงคล&quot; <br />\n พอทิฏฐมังคลิกะกล่าวจบลง นักอภิปรายอีกคนหนึ่งชื่อ สุตมัคลิกะก็กล่าวหักล้างทันทีว่า &quot;ช้าก่อน  ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเชื่อ <br />\nที่นายทิฏฐมังคลิกะกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าสิ่งที่ตาเห็นเป็นมงคลแล้ว เวลาเรามองเห็นอุจจาระ ปัสสาวะ คนเป็นโรค <br />\nสิ่งเหล่านี้ก็ต้องเป็นมงคลด้วยซิ  มันจะเป็นไปได้อย่างไร <br />\n &quot;ต้องหูซิท่าน เสียงที่หูฟังนี่แหละเป็นมงคล  ตื่นเช้าเราก็ได้ฟังเสียงนกร้องบ้าง เสียงเพลงบ้าง  เสียงแม่หนอกล้อเล่นกับลูกบ้าง<br />\n เสียงพูดเพราะ ๆบ้าง เสียงลมพัดยอดไม้บ้าง ฯลฯ นี่ต้องเสียงที่หูได้ฟังจึงเป็นมงคล&quot; <br />\n          นายสุตมังคลิกะกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็มีนักอภิปรายอีกคนหนึ่งชื่อ  มุตมัคลิกะกล่าวแย้งทันทีว่า  &quot;เป็นไปไม่ได้หรอก <br />\nถ้าเสียงที่หูได้ยินเป็นมงคล อย่างนั้น เวลาเราได้ยินคนด่ากัน คนขู่ตะคอก คนโกหกมดเท็จ เสียงเหล่านี้จะเป็นมงคลด้วยหรือ <br />\n           &quot;ต้องอารมณ์ที่ใจเราทราบซิท่านจึงจะเป็นมงคล พึงสังเกตว่า ตื่นเช้าเราได้ดมกลิ่นดอกไม้หอม ๆ จับต้องสวมใส่<br />\nเสื้อผ้าสะอาด ๆรับประทานอาหารอร่อย ๆ นี่ต้องอารมณ์ที่ใจเรารับรู้ รับทราบ นี่แหละจึงเป็นมงคล <br />\n          ทันควันอีกเหมือนกัน นักอภิปรายอีกคนก็แย้งทันทีว่า &quot;เป็นไปไม่ได้ถ้าอารมณ์ที่ใจเรารับรู้เป็นมงคลแล้ว อย่างนั้นเวลา<br />\nเราได้กลิ่นเหม็น ๆ จับของสกปรก คิดเรื่องชั่วร้าย อารมย์ตอนนั้นจะเป็นมงคลไปด้วยหรือ&quot; <br />\n         ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องมงคล ได้แผ่ขยายตัวออกไปกว้างขวางทั่วแคว้น ในบ้าน ในสภา ในสโมสร  ในหมู่คนเดินทาง ฯลฯ <br />\nปัญหาเรื่องมงคลได้ถูกนำขึ้นถกเถียงกันอยู่ทั่วไป <br />\n         ไม่เฉพาะมนุษย์ แม้พวกเทวดาได้ยินมนุษย์ถกเถียงกันก็นำเรื่องมงคลมาถกเถียงกันบ้าง   ตั้งแต่เทวดารักษามนุษย์ ภุมเทวา <br />\nอากาศเทวาตลอดจนเทวดาบนสวรรค์ทั้ง ๖ จนถึงชั้นพรหมโลก ต่างก็นำเรื่องมงคลมาถกเถียงกันปัญหามงคลนี้ได้กลายเป็น<br />\nมงคลโกลาหล  ร่ำลือกันกระฉ่อนไปหมด ทั่วทั้งมนุษย์โลก เทวโลก  พรหมโลก แต่ก็ไม่มีใครชี้ขาดได้ว่าอะไรเป็นมงคลของชีวิต <br />\n แต่มีพรหมอยู่พวกหนึ่ง คือพรหมชั้นสุทธาวาส พวกนี้มนุษย์ได้ปฏิบัติธรรมถึงขั้นพระอนาคามี จึงทราบดีว่าอะไรเป็นมงคล <br />\nแต่แค่ทราบไม่สามารถพูดอธิบายออกมาได้  ได้แต่ป่าวประกาศให้เทวดาทั้งหลายทราบว่าอีก 12 ปี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะ<br />\nบังเกิดขึ้นในโลกให้คอยถามปัญหามงคลนี้กับพระองค์ <br />\n เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คือหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ  เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี <br />\nท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้าและทูลถามพระองค์ว่า  อะไรคือมงคลของชีวิต <br />\n พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคล ซึ่งมีทั้งหมด 38 ประการ มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ แต่ยึดถือ<br />\nการปฏิบัติฝึกฝนตนเอง <br />\n                แม้หลักมงคลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะประกอบไปด้วยเหตุผลอย่างสมบูรณ์  ไม่มีใครสามารถหักล้างได้ <br />\nแต่ก็มิได้หมายความว่าคณาจารย์ นักคิด เจ้าลักธิทั้งหลาย  จะล้มเลิกความคิดเดิม หันมาเชื่อพระองค์ทุกคน  เพราะล้วนแต่<br />\nหนาแน่นด้วยทิฏฐิกันทั้งนั้น  แม้จะรู้ตัวว่าผิด แต่ยังยืนยันวาทะของตนอยู่ และสานุศิษย์ของแต่ละสำนัก ก็ยังทำการเผยแผ่อยู่<br />\nอย่างไปไม่หยุดยั้ง ประกอบกับนิสัยของคนเรา  มีความขลาดประจำสันดานอยู่แล้วชอบทำอะไรเผื่อเหนียวไว้ก่อน จึงมีผู้ยอมรับ<br />\nนับถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเกิดเป็นมงคล 2 สาย พัวพันกันมาจนถึงปัจจุบัน  คือ <br />\n</span><span style=\"color: #0475e5\">  1.</span><span style=\"background-color: #ffcc99; color: #270a98\"><strong>มงคลของนักคิด</strong></span> <span style=\"color: #0475e5\"><strong>เรียกว่า มงคลมี</strong> ยึดถือเอาว่า การมีสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นมงคล ซึ่งแต่ละที่ แต่ละสมัยก็ยึดถือต่าง ๆกันไป <br />\nไม่มีอะไรแน่นอนของบางอย่างบางที่ถือเป็นมงคล บางที่อาจถือว่าเป็นอัปมงคลก็ได้ <br />\n</span>  <span style=\"color: #0475e5\">2.</span> <span style=\"background-color: #ffff99; color: #cf2307\"><strong>มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า</strong></span> <span style=\"color: #0475e5\"><strong>เรียกว่า มงคลทำ</strong>  ยึดถือเอาการปฏิบัติฝึกฝนตนเองเป็นเกณฑ์ เป็นสัจจธรรมที่ไม่<br />\nเปลี่ยนแปลง ผู้ใดปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้ผลแน่นอนมงคลของนักคิดนั้น มีผู้เสนอขึ้นมาแล้ว  ก็มีผู้โต้แย้งลบล้างไป แล้วก็มี<br />\nผู้เสนอขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย  ๆ จนหาข้อยุติไม่ได้ <br />\n        แต่มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อทรงแสดงแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลลบล้างได้ แม้พระองค์จะทรงเปิด<br />\nโอกาสให้คัดค้าน วิพากษ์วิจารณ์ ได้ตลอดเวลาดังความในบทสรรเสริญพระธรรมคุณที่ว่า &quot;เอหิปัสสิโก&quot; เชิญมาพิสูจน์เถิด </span>\n</p>\n<p>\n  แหล่งที่มา : <a href=\"http://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk09.htm\">http://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk09.htm</a><br />\n                    พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ.มงคลชีวิตฉบับ&quot;ทางก้าวหน้า&quot;.กรุงเทพฯ:ชมรมพุทธศาสตร์สากลในอุปถัมถ์สมเด็จพระมหา  รัชมังคลาจารย์ 1.2550.407 หน้า\n</p>\n<p>\n                    <img height=\"311\" width=\"400\" src=\"/files/u19256/post-1396-1163134888.jpg\" border=\"0\" />\n</p>\n<p>\n<strong>           แหล่งที่มารูปภาพ : <a href=\"http://www.dmc.tv/forum/uploads/post-1396-1163134888.jpg\">http://www.dmc.tv/forum/uploads/post-1396-1163134888.jpg</a></strong>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p>\n                                                    <a href=\"/node/41840\"><img height=\"32\" width=\"75\" src=\"/files/u19256/003.gif\" border=\"0\" /></a>           <a href=\"/node/41840?page=0%2C2\"><img height=\"43\" width=\"81\" src=\"/files/u19256/002.gif\" border=\"0\" /></a>\n</p>\n<p>\n&nbsp;\n</p>\n<p></p>', created = 1719994006, expire = 1720080406, headers = '', serialized = 0 WHERE cid = '3:4086a6fc839885fdfd4dcdf45fe2888f' in /home/tgv/htdocs/includes/cache.inc on line 112.

มงคลชีวิต 38 ประการ

 

ที่มาของมงคล 38 ประการ

                                          

                แหล่งที่มารูปภาพ : http://statics.atcloud.com/files/entries/3/31779/images/1_original.JPG

         ที่มาของมงคล 38 ประการ
        สังคมเรานี้มีโรคประหลาดอยู่ชนิดหนึ่ง คือ โรคตื่นข่าวลือ สงบเป็นพัก ๆ แล้วก็กำเริบเป็นคราว ๆ ประเดี๋ยวฮือ
ผู้วิเศษพอมีข่าวอาจารย์ท่านโน้นท่านนี้ให้หวยเบอร์แม่น ก็แตกตื่นเป็นกระต่ายตื่นตูมฮือกันไปหา พอคนฮือไปทางไหน
ก็มีผู้แสดงตัวว่าเป็นคณาจารย์ในทางนั้นมากมาย
         ย้อนหลังไป 26 ศตวรรษ ประชาชนชาวชมพูทวีปก็มีโรคอย่างนี้เหมือนกัน  โดยผู้คนสมัยนั้นตื่นตัวในการค้นคว้าปัญหา
เกี่ยวกับชีวิตจิตใจ เช่น คนเราเกิดมาจากไหน ตายแล้วจะไปไหน  ทำอย่างไรจึงจะมีความสุขในชีวิต ทำอย่างไรจึงจะ
มีความสำเร็จในการทำงาน ฯลฯ มีการชุมนุมกันตามสวนสาธารณะบ้าง ประตูเมืองบ้าง จัตุรัสต่างๆบ้าง เพื่ออภิปราย
ในปัญหาเหล่านี้อย่างกว้างขวาง
         เมื่อมีผู้อภิปรายมากเข้า หลายคนก็หลายความคิด และต่างก็โฆษณาเผยแผ่ความคิดของตัว ใครมีคนเชื่อตาม
มากก็กลายเป็นอาจารย์  มีลูกศิษย์กันคนละมาก ๆ ขณะที่การชุมนุมสาธารณะกำลังเฟื่อง การอภิปรายกำลังเป็นไป
อย่างครึกครื้น ปัญหาต่างๆ ได้ถูกฟาดฟันด้วยวาทะคมคายเรื่องแล้วเรื่องเล่า โดยไม่มีใครคาดฝัน ได้มีผู้เสนอญัตติสำคัญเข้าสู่วงอภิปรายว่า "อะไรคือมงคลของชีวิต" 
 ดูรูปปัญหาแล้ว ก็ไม่น่าจะหนักหนาอะไร  แต่เมื่อมีผู้เสนอตัวขึ้นกล่าวแก้ กลับถูกผู้อื่นกล่าววาทะหักล้างอย่างไม่เป็นท่า
        "ท่านทั้งหลาย โปรดฟังทางนี้ ข้าพเจ้าทราบดีว่าอะไรเป็นมงคล"
นักอภิปรายผู้หนึ่งนามว่า ทิฏฐมังคลิกะ เสนอตัวขึ้นในชุมนุม
            "รูปที่ตาเห็นนี้แหละเป็นมงคล ลองสังเกตดูซิ  เมื่อเราตื่นแต่เช้าตรู่ได้เห็นนกบินเป็นฝูง ๆ พระอาทิตย์ขึ้น
ต้นไม้เขียว ๆ เด็กเล็ก ๆน่ารัก สิ่งที่เราเห็นนี้แหละเป็นมงคล"
 พอทิฏฐมังคลิกะกล่าวจบลง นักอภิปรายอีกคนหนึ่งชื่อ สุตมัคลิกะก็กล่าวหักล้างทันทีว่า "ช้าก่อน  ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งเชื่อ
ที่นายทิฏฐมังคลิกะกล่าวนั้นเป็นไปไม่ได้ ถ้าสิ่งที่ตาเห็นเป็นมงคลแล้ว เวลาเรามองเห็นอุจจาระ ปัสสาวะ คนเป็นโรค
สิ่งเหล่านี้ก็ต้องเป็นมงคลด้วยซิ  มันจะเป็นไปได้อย่างไร
 "ต้องหูซิท่าน เสียงที่หูฟังนี่แหละเป็นมงคล  ตื่นเช้าเราก็ได้ฟังเสียงนกร้องบ้าง เสียงเพลงบ้าง  เสียงแม่หนอกล้อเล่นกับลูกบ้าง
 เสียงพูดเพราะ ๆบ้าง เสียงลมพัดยอดไม้บ้าง ฯลฯ นี่ต้องเสียงที่หูได้ฟังจึงเป็นมงคล"
          นายสุตมังคลิกะกล่าวไม่ทันขาดคำ ก็มีนักอภิปรายอีกคนหนึ่งชื่อ  มุตมัคลิกะกล่าวแย้งทันทีว่า  "เป็นไปไม่ได้หรอก
ถ้าเสียงที่หูได้ยินเป็นมงคล อย่างนั้น เวลาเราได้ยินคนด่ากัน คนขู่ตะคอก คนโกหกมดเท็จ เสียงเหล่านี้จะเป็นมงคลด้วยหรือ 
           "ต้องอารมณ์ที่ใจเราทราบซิท่านจึงจะเป็นมงคล พึงสังเกตว่า ตื่นเช้าเราได้ดมกลิ่นดอกไม้หอม ๆ จับต้องสวมใส่
เสื้อผ้าสะอาด ๆรับประทานอาหารอร่อย ๆ นี่ต้องอารมณ์ที่ใจเรารับรู้ รับทราบ นี่แหละจึงเป็นมงคล
          ทันควันอีกเหมือนกัน นักอภิปรายอีกคนก็แย้งทันทีว่า "เป็นไปไม่ได้ถ้าอารมณ์ที่ใจเรารับรู้เป็นมงคลแล้ว อย่างนั้นเวลา
เราได้กลิ่นเหม็น ๆ จับของสกปรก คิดเรื่องชั่วร้าย อารมย์ตอนนั้นจะเป็นมงคลไปด้วยหรือ"
         ข้อวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องมงคล ได้แผ่ขยายตัวออกไปกว้างขวางทั่วแคว้น ในบ้าน ในสภา ในสโมสร  ในหมู่คนเดินทาง ฯลฯ
ปัญหาเรื่องมงคลได้ถูกนำขึ้นถกเถียงกันอยู่ทั่วไป
         ไม่เฉพาะมนุษย์ แม้พวกเทวดาได้ยินมนุษย์ถกเถียงกันก็นำเรื่องมงคลมาถกเถียงกันบ้าง   ตั้งแต่เทวดารักษามนุษย์ ภุมเทวา
อากาศเทวาตลอดจนเทวดาบนสวรรค์ทั้ง ๖ จนถึงชั้นพรหมโลก ต่างก็นำเรื่องมงคลมาถกเถียงกันปัญหามงคลนี้ได้กลายเป็น
มงคลโกลาหล  ร่ำลือกันกระฉ่อนไปหมด ทั่วทั้งมนุษย์โลก เทวโลก  พรหมโลก แต่ก็ไม่มีใครชี้ขาดได้ว่าอะไรเป็นมงคลของชีวิต
 แต่มีพรหมอยู่พวกหนึ่ง คือพรหมชั้นสุทธาวาส พวกนี้มนุษย์ได้ปฏิบัติธรรมถึงขั้นพระอนาคามี จึงทราบดีว่าอะไรเป็นมงคล
แต่แค่ทราบไม่สามารถพูดอธิบายออกมาได้  ได้แต่ป่าวประกาศให้เทวดาทั้งหลายทราบว่าอีก 12 ปี พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะ
บังเกิดขึ้นในโลกให้คอยถามปัญหามงคลนี้กับพระองค์
 เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว คือหนึ่งขณะที่ประทับอยู่ ณ  เชตวันมหาวิหาร ใกล้เมืองสาวัตถี
ท้าวสักกเทวราชได้นำหมู่เทวดาเข้าเฝ้าและทูลถามพระองค์ว่า  อะไรคือมงคลของชีวิต
 พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงแสดงหลักมงคล ซึ่งมีทั้งหมด 38 ประการ มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไม่ยึดถือวัตถุ แต่ยึดถือ
การปฏิบัติฝึกฝนตนเอง
                แม้หลักมงคลที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดง จะประกอบไปด้วยเหตุผลอย่างสมบูรณ์  ไม่มีใครสามารถหักล้างได้
แต่ก็มิได้หมายความว่าคณาจารย์ นักคิด เจ้าลักธิทั้งหลาย  จะล้มเลิกความคิดเดิม หันมาเชื่อพระองค์ทุกคน  เพราะล้วนแต่
หนาแน่นด้วยทิฏฐิกันทั้งนั้น  แม้จะรู้ตัวว่าผิด แต่ยังยืนยันวาทะของตนอยู่ และสานุศิษย์ของแต่ละสำนัก ก็ยังทำการเผยแผ่อยู่
อย่างไปไม่หยุดยั้ง ประกอบกับนิสัยของคนเรา  มีความขลาดประจำสันดานอยู่แล้วชอบทำอะไรเผื่อเหนียวไว้ก่อน จึงมีผู้ยอมรับ
นับถือปฏิบัติสืบต่อกันมาเกิดเป็นมงคล 2 สาย พัวพันกันมาจนถึงปัจจุบัน  คือ
  1.มงคลของนักคิด เรียกว่า มงคลมี ยึดถือเอาว่า การมีสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นมงคล ซึ่งแต่ละที่ แต่ละสมัยก็ยึดถือต่าง ๆกันไป
ไม่มีอะไรแน่นอนของบางอย่างบางที่ถือเป็นมงคล บางที่อาจถือว่าเป็นอัปมงคลก็ได้
  2. มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เรียกว่า มงคลทำ  ยึดถือเอาการปฏิบัติฝึกฝนตนเองเป็นเกณฑ์ เป็นสัจจธรรมที่ไม่
เปลี่ยนแปลง ผู้ใดปฏิบัติตามแล้ว ย่อมได้ผลแน่นอนมงคลของนักคิดนั้น มีผู้เสนอขึ้นมาแล้ว  ก็มีผู้โต้แย้งลบล้างไป แล้วก็มี
ผู้เสนอขึ้นมาใหม่อยู่เรื่อย  ๆ จนหาข้อยุติไม่ได้
        แต่มงคลของพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น เมื่อทรงแสดงแล้ว ก็ไม่มีใครสามารถหาเหตุผลลบล้างได้ แม้พระองค์จะทรงเปิด
โอกาสให้คัดค้าน วิพากษ์วิจารณ์ ได้ตลอดเวลาดังความในบทสรรเสริญพระธรรมคุณที่ว่า "เอหิปัสสิโก" เชิญมาพิสูจน์เถิด

  แหล่งที่มา : http://www1.freehostingguru.com/thaigenx/mongkhol/mk09.htm
                    พระมหาสมชาย ฐานวุฑโฒ.มงคลชีวิตฉบับ"ทางก้าวหน้า".กรุงเทพฯ:ชมรมพุทธศาสตร์สากลในอุปถัมถ์สมเด็จพระมหา  รัชมังคลาจารย์ 1.2550.407 หน้า

                   

           แหล่งที่มารูปภาพ : http://www.dmc.tv/forum/uploads/post-1396-1163134888.jpg

 

                                                              

 

สร้างโดย: 
นางปาลิดา สวนชังและนางสาวนันทิชา เรืองวินิตวงศ์

มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ใหญ่ใจดี
 

 ช่วยด้วยครับ
นักเรียนที่สร้างบล็อก กรุณาอย่า
คัดลอกข้อมูลจากเว็บอื่นทั้งหมด
ควรนำมาจากหลายๆ เว็บ แล้ววิเคราะห์ สังเคราะห์ และเขียนขึ้นใหม่
หากคัดลอกทั้งหมด จะถูกดำเนินคดี
ตามกฎหมายจากเจ้าของลิขสิทธิ์
มีโทษทั้งจำคุกและปรับในอัตราสูง

ช่วยกันนะครับ 
ไทยกู๊ดวิวจะได้อยู่นานๆ 
ไม่ถูกปิดเสียก่อน

ขอขอบคุณในความร่วมมือครับ

อ่านรายละเอียด

ด่วน...... ขณะนี้
พระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2558 
มีผลบังคับใช้แล้ว 
ขอให้นักเรียนและคุณครูที่ใช้งาน
เว็บ thaigoodview ในการส่งการบ้าน
ระมัดระวังการละเมิดลิขสิทธิ์ด้วย
อ่านรายละเอียดที่นี่ครับ

 

สมาชิกที่ออนไลน์

ขณะนี้มี สมาชิก 0 คน และ ผู้เยี่ยมชม 475 คน กำลังออนไลน์