บุคคลสำคัญ
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ที่มาของรูป : http://blog.eduzones.com/images/blog/futurecareer/2008122322748.jpg
นายกรัฐมนตรีคนที่ 6 หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช
ระยะเวลาดำรงตำแหน่ง
สมัยที่ 1 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 13 : 17 กันยายน 2488 - 31 มกราคม 2489
สมัยที่ 2 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 35 : 15 กุมภาพันธ์ 2518 - 13 มีนาคม 2518
สมัยที่ 3 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 37 : 20 เมษายน 2519 - 23 กันยายน 2519
สมัยที่ 4 : คณะรัฐมนตรี คณะที่ 38 : 25 กันยายน 2519 - 6 ตุลาคม 25
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช เกิดเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม 2448 เวลา 04.00 น. เป็นโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าคำรบกับหม่อมแดง (บุนนาค) สมรสกับท่านผู้หญิง อุศนา ปราโมช เริ่มศึกษาที่โรงเรียนราชินี โรงเรียนอัสสัมชัญ โรงเรียนเทพศิรินทร์ และโรงเรียน สวนกุหลาบวิทยาลัย ตามลำดับ จากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อที่โรงเรียนเทร้นท์ ประเทศอังกฤษ ต่อจากนั้นที่วูซเตอร์ คอลเลจ มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ได้รับปริญญาตรีด้านกฎหมาย เกียรตินิยมอันดับ 2 จากนั้นเข้าศึกษาต่อที่สำนักเนติบัณฑิตอังกฤษ ณ สำนักเกรย์อินน์ ลอนดอน สอบไล่เนติบัณฑิตอังกฤษได้คะแนนยอดเยี่ยม ชั้น 1 จึงได้รับพระราชทานรางวัลจากพระเจ้าแผ่นดิน อังกฤษ เมื่อเดินทางกลับมายังประเทศไทย หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ศึกษาวิชา กฎหมายไทย จนกระทั่งได้รับ เนติบัณฑิตไทย และเข้าฝึกงานที่ศาลฎีกาเป็นเวลา 6 เดือน จึงได้ เป็นผู้พิพากษา ต่อมาย้ายไปเป็นผู้พิพากษาศาลแพ่ง ผู้ช่วยกรรมการศาลฎีกาและผู้พิพากษา ศาลอุทธรณ์ ตามลำดับ ช่วงหลังของการรับราชการได้ย้ายไปกระทรวงการต่างประเทศ และ ไดัรับแต่งตั้งเป็นเอกอัครราชทูตไทยประจำสหรัฐอเมริกา ในปี พ.ศ. 2484 เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกเข้าสู่ประเทศไทย
หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ประกาศนโยบายเป็นอิสระไม่ขึ้นกับรัฐบาลในประเทศไทย และได้ รวบรวมคนไทยในต่างประเทศจัดตั้งขบวนการเสรีไทยขึ้นเพื่อต่อต้านญี่ปุ่นอย่างลับ ๆ โดย ปฏิบัติการติดต่อกับฝ่ายสัมพันธมิตร เมื่อสงครามโลกสิ้นสุดลง หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้เดินทางกลับมารับตำแหน่ง นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2488 ในช่วงที่ดำรงตำแหน่ง ท่านได้ปฏิบัติภารกิจเกี่ยวกับการเจรจากับฝ่ายสัมพันธมิตร ซึ่ง ครั้งแรกอังกฤษได้ยื่น ข้อเรียกร้องให้ประเทศไทยเป็นเมืองในอาณัติของอังกฤษ แต่หม่อมราชวงศ์ เสนีย์ ปราโมช ได้ดำเนินการเจรจาให้ไทยได้ หลุดพ้นจากการเป็นเมืองในอาณัติได้ และจำเป็นต้อง ประกาศพระราชบัญญัติอาชญากรสงคราม เพื่อลงโทษผู้นำหรือ หัวหน้ารัฐบาลที่ร่วมก่อให้เกิด สงครามและต้องเป็นฝ่ายปราชัย ถ้าหากรัฐบาลไม่ตราพระราชบัญญัตินี้ ฝ่ายสัมพันธมิตรก็จะนำตัว ผู้ต้องหาเป็นอาชญากรสงครามไปดำเนินคดีในต่างประเทศ หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช หมุนเวียนดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 4 ครั้ง ซึ่งครั้งสุดท้ายได้เกิดเหตุการณ์วุ่นวายในมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2519 และพลเรือเอก สงัด ชลออยู่ รน. ได้จัดตั้งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินเข้ายึดอำนาจ หลังจากพ้นตำแหน่งแล้ว หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช ได้ลาออกจากตำแหน่งหัวหน้า พรรคประชาธิปัตย์ และวางมือจากการเมือง ใช้ชีวิตสงบเงียบตลอดมา และได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2540 รวมอายุได้ 92 ปีเศษ