แคลเดียน (Chaldeans)
.
.
.
.
.
แคลเดียน (Chaldeans)
แคลเดียนเป็นกลุ่มชนที่แตกตัวออกมาจากพวกอราเมียน (Arameans) และได้เข้าตั้งมั่นในดินแดนตอนกลางของเมโสโปเตเมีย ชาวแคลเดียนนั้นยอมอยู่ภายใต้การปกครองของพวกอัสซีเรียน ในขณะเดียวกันชาวแคลเดียนก็ได้คิดก่อการกบฏแต่ไม่เป็นผลสำเร็จ หลังจากกษัตริย์อัสซูร์บานิปาลแห่งอัสซีเรียนสิ้นพระชนม์แล้ว นาโบโปลัซซาร์ผู้นำชาวแคลเดียนนั้นได้แยกตัวออกจากการปกครองของอัสซีเรียนและประกาศให้ตนเหนือดินแดนบาบิโลเนีย นาโบโปลัซซาร์และเซซารัสผู้นำชาวมีดส์ได้รวมกำลังกันยึดครองกรุงนิเนเวย์ ทำให้จักรวรรดิอัสซีเรียนต้องล่มสลายไป ดังนั้นจักรวรรดิแคลเดียนจึงขึ้นมามีอำนาจแทน โดยนาโบโปลัซซาร์เป็นผู้ก่อตั้งขึ้น มีศูนย์กลางอยู่ที่บาบิโลเนีย เมืองหลวงคือกรุงบาบิโลน
จักรวรรดิแคลเดียนเจริญถึงขีดสุดในสมัยของกษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ (Nebuchadnezzar) ซึ่งเป็นโอรสของนาโบโปลัซซาร์ จักรวรรดิได้แผ่ขยายอาณาเขตไปทางตะวันตกโดยครอบคลุมพื้นที่ทางตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ทรงยึดอาณาจักรยูดาห์ของฮิบรูและกวาดต้อนชาวฮิบรูมาเป็นเชลยที่กรุงบาบิโลน เรียกช่วงระยะเวลานี้ว่า “ช่วงกักขังที่บาบิโลเนีย” (The Babyloian Captivity) นอกจากนี้กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ได้เชื่อมสัมพันธไมตรีกับมีดส์ด้วยการแต่งงานกับเจ้าหญิงมีดส์แห่งจักรวรรดิมีเดียน ในสมัยของพระองค์นั้นกรุงบาบิโลนเป็นศูนย์กลางทั้งทางด้านการปกครองและการค้า จักรวรรดิแคลเดียนเริ่มเสื่อมลงภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
กษัตริย์เนบูคัดเนซซาร์ (Nebuchadnezzar)
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้จักรวรรดิแคลเดียนต้องล่มสลายในสมัยของกษัตริย์นาโบนิดัส (Nabonidus) เพราะ
1. ชาวแคลเดียนไม่พอใจในการปกครองของนาโบนิดัสที่มีแต่การกดขี่ข่มเหง
2. เชลยฮิบรูไม่ให้ความจงรักภักดี เพราะต้องการอิสรภาพเพื่อกลับไปยังดินแดนปาเลสไตน์
3. ชาวแคลเดียนถูกรุกรานและได้พ่ายแพ้ให้กับกองกำลังทหารเปอร์เซียนที่นำโดยไซรัสมหาราช
หลังจากนั้นเป็นต้นมาดินแดนของจักรวรรดิแคลเดียนทั้งหมดก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเปอร์เซีย โดยพวกเชลยชาวฮิบรูนั้นไซรัสมหาราชได้ปลดปล่อยให้กลับสู่ปาเลสไตน์
ไซรัสมหาราช (Sirus)
.
.
.
.